หนังญี่ปุ่นเรียกน้ำตามีมาให้ชมกันปีละหลายเรื่องเลยอย่างต้นปีก็เพิ่งมี Tomorrow I will Date with Yesterday’s You และ The 100th love with you ที่มีพลอตเรื่องกาลเวลาแบบไซไฟเป็นตัวชูโรงคล้ายกัน แต่เรื่องนี้นอกจากชื่อเรื่องสุดประหลาดว่า ฉันอยากกินตับอ่อนเธอ แล้ว ความน่าสนใจยังคือเป็นหนังที่เล่นเรื่องเวลาที่ล่วงผ่านไป เหมือนแท็กไลน์ของหนังซึ่งฟังชวนเศร้าว่า “บางคำสารภาพรัก ต้องรอนานนับ 12 ปี” แถมยังสามารถเอาชนะใจคนดูในญี่ปุ่น ทำยอดตั๋วเข้าชมเปิดตัวชนะ 2 เรื่องดังข้างต้นได้อีกต่างหาก คือความพิเศษแค่นี้ก็ทำให้หนังน่าสนใจไม่เบาแล้ว
หนังสร้างมาจากไลท์โนเวลทางอินเตอร์เน็ตชื่อ Kimi no suizô wo tabetai (君の膵臓をたべたい, Let me eat your Pancreas) ของ โยรุ สุมิโนะ ซึ่งต่อมาได้รับการตีพิมพ์ในชื่อเดียวกัน และขายไปได้กว่า 1.8 ล้านเล่ม กลายเป็นนิยายยอดฮิตจนต้องมีการเขียนส่วนขยาย และเรียกร้องให้มีการทำเป็นหนังและอนิเมชั่นต่อด้วย
ตัวหนังสือได้ชิื่อว่าเป็นเรื่องราวที่สามารถเรียกทั้งรอยยิ้มและน้ำตาจากคนอ่านได้อย่างมาก โดยผู้เล่าได้แทนตัวเองว่า “ผม” หรือชื่อจริงคือชิเกะ ซึ่งตอนนี้เป็นครูในโรงเรียนมัธยม ในสมัยที่เขายังเป็นเด็กหนุ่มนักเรียนมัธยมปลายเขาเป็นหนอนหนังสือที่ไม่ค่อยสนใจสิ่งอื่นใดจนไม่มีเพื่อนสักคน เขามีเพื่อนร่วมชั้นสาวสวยขวัญใจเด็กในห้องคนหนึ่งชื่อ “ยามาอุจิ ซากุระ” ซากุระชอบแอบเขียนบันทึกส่วนตัว จนวันหนึ่งเด็กหนุ่มก็ได้พบสมุดบันทึกเล่มนั้นที่เขียนว่า “ฉันกำลังจะตายในไม่กี่ปีต่อจากนี้” เข้า ทำให้เขารู้ว่าเธอเป็นโรคเกี่ยวกับตับอ่อนและกำลังจะตาย หลังจากนั้นซากุระก็เข้ามาในชีวิตของชิเกะ และพยายามชวนให้เขาไปเป็นเพื่อนในภารกิจทำสิ่งที่อยากครั้งสุดท้ายก่อนตาย
ซากุระชอบเล่าว่าเธอเคยอ่านเจอในหนังสือเล่มหนึ่งเล่าว่าคนสมัยโบราณเชื่อว่าถ้าอวัยวะส่วนไหนอ่อนแอให้กินอวัยวะชนิดนั้นแล้วร่างกายจะแข็งแรงขึ้น และหากได้กินชิ้นส่วนของสิ่งใดแล้ววิญญาณของสิ่งนั้นก็จะอยู่ในตัวของเราตลอดไป ซึ่งชิเกะไม่เชื่อนัก ..และนี่จึงเป็นที่มาของชื่อเรื่องนี้นั่นเองครับ ช่างลึกซึ้ง
ที่ต้องชื่นชมเลยคงต้องเป็นนักแสดงครับ ทั้งตัวนำฝั่งหญิงที่ได้ ฮามาเบะ มินามิ มาแสดงได้อย่างสดใสทำให้จอหนังน่ามองอยู่ตลอดเวลา ด้านฝ่ายชายก็มีไอดอลอย่าง คิตามุระ ทาคุมิ มาแสดงในช่วงวัยรุ่น และรุ่นใหญ่อย่าง โอกุริ ชุน มาแสดงในช่วงผู้ใหญ่ ต้องยอมรับในการแคสติ้งของหนังที่ทำมาได้อย่างดี ทั้งดูค่อนข้างคล้ายกันไม่ทำให้เวลาเล่าเรื่องสับไปมาระหว่างอดีตกับปัจจุบันดูขัดเขินเลย
ด้านการเล่าเรื่อง จริง ๆ ถือว่าทำได้ดีเลยล่ะครับ หนังมีปมมีพลอตที่เป็นตัวชูโรงของตนเอง ยิ่งการเค้นน้ำตาในช่วงท้ายหนังก็ทำได้เด็ด มีความน่าประหลาดใจช็อกคนดู และความสะเทือนใจอย่างที่คอหนังญี่ปุ่นคาดหวังเลย แต่กับส่วนตัวซึ่งได้ดูหนังญี่ปุ่นแนวนี้มาหลายเรื่องก็รู้สึกว่า โครงและแนวการเล่าของหนังรักญี่ปุ่นยุคใหม่นี้ค่อนข้างมาในแบบคล้ายกันไปหน่อย คือช่วงเฉลยมักใช้การเปลี่ยนมุมมองการเล่าเรื่อง ซึ่งส่วนตัวมันสำเร็จมาก ๆ แค่ตอน Be With You ที่เรายังไม่เคยเจอการพลิกมุมใหญ่แบบนั้นมาก่อนเท่านั้นเองครับ
แต่ก็อย่างที่บอกคือบนสูตรสำเร็จแนวนี้ หนังเรื่องนี้ก็ถือว่าทำได้ดีเลยล่ะ อีกอย่างที่รู้สึกคือหนังน่าจะเป็นมุมแบบผู้หญิงมากเหมือนกัน ผู้ชายดูน่าจะไม่อินเท่า และด้วยความอึนของตัวเรื่องกับความใสบริสุทธิ์จนน่าประหลาดใจ มันก็ทำให้หลายอย่างรู้สึกขัดใจเหมือนกันว่าทำขนาดนี้ทำไม่ยังไม่รู้อีก ทำไมไม่สารภาพรักไปเลยอะไรแบบนั้น แต่ก็อาจเป็นความเห็นส่วนตัวเท่านั้นครับ 55