ผลงานเรื่องที่ 12 ของ โคเรเอดะ ฮิโรคาสึ ผู้กำกับมากฝีมือที่มีแฟน ๆ เฉพาะกลุ่มติดตามอย่างเหนียวแน่น โคเรเอดะ อยู่ในวงการมาตั้งแต่ยุค 90s มาเป็นที่รู้จักในวงกว้างเมื่อตอนกำกับ Nobody Knows (2004) ผลงานต่อจากนั้นก็เป็นที่จับตามองทุกเรื่อง และได้รับ รางวัลและเสียงตอบรับในทางบวกเสียทุกเรื่อง Like Father Like Son (2013) , Our Little Sister (2015) ,After The Storm (2016) ซึ่งทุกเรื่อง โคเรเอดะ จะเหมารวมหน้าที่กำกับ เขียนบท และ ตัดต่อ เองคนเดียว งานของเขามักจะเป็นเรื่องความสัมพันธ์ใน ครอบครัว เรื่องของพ่อลูก พี่สาว น้องสาว จนกระทั่งโคเรเอดะ ได้ฟังเรื่องราวคดีความจากเพื่อนที่เป็นทนาย เลยเกิดแรงบันดาลใจที่อยากจะกำกับหนังเกี่ยวกับการว่าความในศาล กว่าจะออกมาเป็นบทของ The Third Murder โคเรเอดะ ต้องใช้ทนายถึง 7 คน ให้มา ลองไต่สวนคดีความกัน ลองทำเป็นสัมภาษณ์จำเลยให้เขาดู แล้วโคเรเอดะ ก็จดบันทึกถ้อยคำบทสนทนาเหล่านี้มาใช้เป็นข้อมูลในการเขียนบท
เรื่องราวของ The Third Murder มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ มิซูมิ คนงานสูงวัย เขาเป็นนักโทษในคดีฆาตกรรมนายจ้างตัวเอง ด้วยการใช้ประแจตีเข้าที่หลังศีรษะและจุดไฟเผาที่ริมแม่น้ำ มิซูมิ รับสารภาพทุกข้อกล่าวหา รอเพียงโทษประหารชีวิต ด้วยระเบียบการนักโทษต้องมี ทนายจำเลย งานนี้มาตกเป็นของ ชิเงโมริ ทนายจำเลยคนเก่งที่พยายามหาทางลดโทษของมิซูมิให้เหลือเพียงจำคุกตลอดชีวิตตามหน้าที่ของทนายจำเลย ชิเงโมริเริ่มงานด้วยการดูสถานที่เกิดเหตุ สัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้องในคดี จนไปเจอซากี ยามานากะ เด็กสาวที่เป็นลูกของผู้ตาย ที่ชิเกโมริสืบเจอความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ที่ทำให้คดีนี้ดูมีเงื่อนงำมากกว่าที่คิด
อีกจุดที่ยอดเยี่ยมคือการแสดงของ 3 ดารานำ ที่ล้วนได้เข้าชิงรางวัลสาขานักแสดงในเวที Nikkan Sports Film Award และนักแสดงนำทั้ง 3 ก็ล้วนเคยร่วมงานมาแล้วกับผู้กำกับโคเรเอดะกันมาแล้ว มาซาฮารุ ฟุกุยามะ ในบททนาย ชิเงโมริ เคยแสดงนำใน Like Father Like Son , ฮิโรเสะ ซึสึ สาวน้อยน่ารักที่เคยสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมมาแล้วจาก Our Little Sister และดารารุ่นใหญ่ที่หลายคนคุ้นหน้า โคจิ ยากุโช มารับบทสำคัญของเรื่องคือ มิซูมิ นักโทษผู้ลึกลับ ตลอดเรื่องเราจะเห็นมิซูมิในห้องเยี่ยมนักโทษ มิซูมิมา ในมาดชายสูงวัยใจดีที่ดูไม่น่ามีพิษภัย อ่อนน้อมถ่อมตนมาก แต่บางขณะมิซูมิก็เผยความมีเลศนัยแยบคายให้เห็นได้ผ่านสายตาว่าชายคนนี้มีความไม่ธรรมดาซ่อนอยู่ลึก ๆ
และนั่นก็คืออีกจุดเด่นของ The Third Murder กับตัวบทภาพยนตร์ที่เป็นฝีมือของผู้กำกับโคเรเอดะเอง ที่ตั้งใจทำการบ้านกับบทนี้มาหลายเดือน มองตามหน้าหนังแล้วเหมือนว่านี่คือหนังสืบสวนคดีฆาตกรรรมอีกเรื่องหนึ่ง แต่โคเรเอดะก็ทำให้มันไม่ธรรมดา ด้วยการใส่ความลึกลงไป ลึกลงไป ตามเวลาของหนังทีเดินหน้า เมื่อชิเงโมริสืบเจอเงื่อนงำน่าสงสัยและกลับมาซักไซร้กับมิซูมิ ทุกครั้งเขาก็จะยอมรับกับหลักฐานใหม่และเปลี่ยนคำให้การไปเรื่อย ๆ บอกว่าที่ผ่านมาเขาโกหก แล้วยังซัดทอดเอาตัวละครเข้ามาในเกมนี้มากขึ้น เล่นเอาชิเงโมริหัวปั่นจนไม่รู้ว่าเรื่องไหนเรื่องจริง แล้วจะเชื่อใครได้ บวกกับการแสดงของโคจิ ยากุโซ ยิ่งทำให้ตัวมิซูมิ ดูมีความซับซ้อนและซ่อนความลับต่าง ๆ ไว้มากมาย หลอกได้ทั้งทนายชิเงโมริและเราในฐานะคนดูเอง ประเด็นหลักตรงที่ว่าความจริงอยู่ที่ไหนนี่แหละ ทำให้ชวนนึกถึง Rashomon หนังคลาสสิกของอากิระ คุโรซาว่า ที่เล่นกับการตามหาความจริง แต่ละคนพูดกันไปคนละอย่าง “เซ็ตสึ” รุ่นพี่ของชิเงโมริ ถึงเปรยว่า สภาพชิเงโมริตอนนี้เหมือนกับ “ตาบอดคลำช้าง” มืดมดแปดด้าน ฟังอะไรมาก็เชื่อไปตามนั้น
สิ่งที่ต้องเตือนกันไว้คือ The Third Murder น่าจะเป็นหนังที่เอาใจตลาดน้อยสุดแล้วในกลุ่มหนังแถวหน้าของโคเรเอดะ ด้วยการเดินเรื่องแบบเนิบ ๆ ช้า ๆ ใช้บทสนทนาเป็นตัวขับเคลื่อนเรื่องราว กว่าครึ่งของหนังจะเป็นการเผชิญหน้าระหว่าง ชิเงโมริ และ มิซูมิ ที่สนทนากันผ่านกระจกกั้นของห้องเยี่ยมผู้ต้องหา บทสนทนาบางครั้งก็ลากยาวกันเป็น 10 นาที ปล่อยให้นักแสดงทั้ง 2 ได้ทำหน้าที่ตัวเองไป ไม่มีแม้กระทั่งดนตรีประกอบ จำเป็นต้องใช้สมาธิและความตั้งใจสูงในการรับชม โดยเฉพาะครึ่งหลังของหนังที่เรื่องราวคดีความพลิกไปพลิกมาพอดู ต้องตั้งใจฟังใจความสำคัญที่ซุกซ่อนอยู่ในบทสนทนานั้น และต้องนอนมาให้เต็มอิ่มก่อนดู The Third Murder จึงเหมาะกับผู้ชมที่ชอบหนังทางเลือกที่แตกต่าง ชอบงานขายการแสดงที่เข้มข้นบนตัวละครที่มีความลึกลับซับซ้อน และเนื้อหาที่แยบยล ชวนให้สมองขบคิดตามขณะชม