สำหรับ เปรมิกาป่าราบ ก่อนอื่นต้องบอกว่าเป็นหนังไทยที่กล้าท้าทายอะไรใหม่ ๆ ถึงจะเป็นหนังในตระกูลหนังผีหนังตลกที่ตีหัวเข้าบ้านมาหลายเรื่องจนคนดูชาชินแล้วก็ตาม แต่ผู้กำกับสายโฆษณาอย่าง ตือ ศิวกร จารุพงศา แห่งค่าย Transformation Films ค่ายหนังไทยที่ได้ผู้กำกับมากฝีมือ วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง มาช่วยดูอยู่ในขณะนี้ ก็ปรุงรสออกมาได้แตกต่างจนน่าลิ้มลองทีเดียว ไม่ว่าจะใส่สไตล์แบบญี่ปุ่นสุดฉูดฉาด ทั้งสีสัน การดีไซน์ และเรื่องราวที่ลุกบ้ารุนแรงละเลยตรรกะเหตุผลทั้งมวลเพื่อความสนุกเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ทำให้นึกถึงหนังไทยในยุคอย่าง บุปผาราตรี,ทวารยังหวานอยู่, มือปืน/โลก/พระ/จันทร์ หรือหนังอย่าง อสุจ๊าก ที่กล้าเสนอหนังแบบใหม่ให้วงการที่แสนจะเพลย์เซฟจนชวนเอียนแบบนี้ แต่ก็อย่างเรื่องที่ว่า ๆ มา มันก็เสี่ยงกับคนดูเหมือนกันว่าจะชอบหรืออาจเกลียดไปเลย
หนังเปิดเรื่องแบบหลวม ๆ (มากกกก) ว่ามีคดีฆาตกรรมฆ่าหั่นศพเด็กต่างด้าวที่น่าจะทำงานร้านคาราโอเกะเกิดขึ้น ทำให้สองตำรวจ สารวัตรหนุ่มกับจ่าแก่ต้องออกค้นหาหลักฐานว่าใครที่จะรู้เรื่องบ้าง และเหยื่อที่ถูกฆ่าคือใครกันแน่ ซึ่งจ่าแก่ได้ตั้งชื่อศพไร้นามว่า เปรมิกา (จีน่า ณัฐชา เดอซูซ่า)
ในขณะที่อีกทางหนึ่งได้มีงานเปิดรีสอร์ทใหม่โดยมีการเชิญศิลปินชื่อดังมามากมายทั้ง ตุลย์ นักร้องนำวงร็อกชื่อดัง (เบสท์ ณัฐสิทธิ์ โกฎิมนัสวนิชย์) สองสาวดูโอสุดเซ็กซี่ เนยกับแยม ที่มากับโปรดิวเซอร์ชื่อดังอย่าง พี่สมเกียรติ สุดปากหมา นอกจากนี้ยังมีคนนอกวงการบันเทิงอย่าง คู่รักข้าวใหม่ปลามัน และแก๊งช่างภาพที่มีหัวโจกอย่าง พี่เคร่ง (โอ๊ต ปราโมทย์ ปาทาน) นำขบวนเหล่าลูกน้องสุดฮาหลากคาแรกเตอร์ด้วย
เรื่องเกิดเมื่อคนร้ายได้นำหัวใจของเปรมิกา สะกดวิญญาณไว้ในเครื่องคาราโอเกะในรีสอร์ทแห่งนี้ และเมื่อมีคนไปเปิดเครื่อง วิญญาณอาฆาตของเปรมิกาก็ออกอาละวาดฆ่าทุกคนโดยไม่ต้องมีเหตุผล โดยตั้งกติกาให้ทุกคนต้องร้องคาราโอเกะ หากไม่ร้อง/ร้องเพี้ยน/ร้องผิด หรือคะแนนไม่ถึง 80 ก็จะต้องถูกฆ่าตายด้วยการถูกขวานยักษ์จาม ความโหดฮาก็เกิดจากการหนีผีสู้กับผีนี่เองครับ
ถ้าดูแบบนักจับผิด หนังเรื่องนี้ตรรกะไม่ได้เลยสักอย่าง ทั้งหัวใจที่อยู่ในตู้คาราโอเกะแต่ไม่เน่า รีสอร์ทใหม่ถูกรีโนเวทจากรีสอร์ทเดิมเพราะเคยเกิดคดีฆาตกรรม แต่ศพเปรมิกาที่ถูกตำรวจพบน่าจะตายไปเพียงราว ๆ ไม่เกินเดือน และทุกคนในเรื่องก็เสิร์ชประวัติรีสอร์ทนี้เจอแต่ตำรวจไม่เคยรู้ว่าเป็นที่ฆ่าเปรมิกา หรือแม้แต่ตรรกะการหนีผี หรือการกระทำตัวละคร ไม่มีส่วนไหนที่รองรับการเจริญสติเลยทั้งสิ้น แต่ข้อดีคือเพราะมันทำหน้าที่ขับเคลื่อนความสนุก ความบ้า ความเมา ความเรื้อนอย่างไร้ปราณีใด ๆ โดยเฉพาะความโหดนี่โหดแบบหนังสยองแหวะ ๆ บางเรื่องต้องกราบอ่ะ ใครเคยดูพวกหนังแนวตลกบ้า ๆ ของญี่ปุ่นน่าจะจูนติดได้ไว แต่ถ้าไม่ชอบแนวนี้เลยก็อาจเกลียดความไร้เหตุผลของมันได้เลยครับ
หนังโดดเด่นมากในการใช้สไตล์จัดจ้านแบบหนังการ์ตูนญี่ปุ่น ไม่แปลกใจที่ผู้กำกับมาจากสายโฆษณาที่จะแม่นในเรื่องการสร้างอารมณ์ด้วยฉากและเวลาที่จำกัด เพราะสร้างแต่ละฉากได้อย่างฉูดฉาดเปี่ยมด้วยตัวละครที่มีเอกลักษณ์แข็งแรง ทั้งยังใช้ประโยชน์จากนักแสดงได้อย่างดี ไม่ว่าจะความกวนของโอ๊ต การพลิกภาพผู้ชายแมน ๆ ของเบสท์ การล้อเลียนเนโกะจั๊มพ์ของสองสาวเซ็กซี่ หรือจะพี่สมเกียรติที่มาแนวหน้านิ่งปากหมา เป็นต้น มุกต่าง ๆ เป็นมุกเล่นคำ มุกเล่นกับสถานการณ์ และมุกแบบตลกร้าย ทำให้ได้บรรยากาศใหม่ ๆ ในหนังผีไทย และการผสมแนวทางมิวสิคัลที่มีบทเพลงหลากหลายแนวเข้ามาให้ได้ฟังกัน ประกอบการแสดงสุดเว่อวังของตัวละครก็ทำให้เรารู้สึกว่าหนังมันโคตรสนุกเลย
ส่วนที่น่าเสียดายคงเป็นความพยายามมีเส้นเรื่องซึ่งไม่สอดคล้องกับแนวการเล่าแบบไร้เหตุผล โดยเฉพาะเส้นเรื่องของฝั่งตำรวจที่โดดจากตัวหนังจนทำให้ตอนเริ่มเรื่อง ที่ต้องตัดไปมาระหว่างเหตุการณ์สองฝั่งทั้งรีสอร์ทและตำรวจ ดูไม่เข้ากัน มีจังหวะไม่ลงตัว ประกอบกับซีจีพวกป่าพวกรีสอร์ทดูหลอกตามาก ๆ ก็ทำให้รู้สึกว่าหนังคุณภาพไม่ถึงเกณฑ์ ซึ่งต้องรอจนเส้นเรื่องทางผีนิ่งและเข้าโหมดหลอกหลอนไล่ล่านั่นล่ะ หนังจึงดูลื่นไหลขึ้นทั้งการเล่าและการตัดต่อ อาจด้วยความที่เดาอะไรได้ยากมาก ๆ ด้วยทำให้เราลุ้นไปกับตัวละครด้วยจนหลงลืมรอยแผลตามที่ต่าง ๆ ของหนัง ก็นับว่าหนังทำสำเร็จในแง่ความบันเทิงนี้
สุดท้ายคงต้องย้ำกันอีกครั้งว่าถึงส่วนตัวจะสนุกและค่อนไปทางชอบหนัง แต่หนังก็ไม่ได้เป็นหนังที่ดีเลิศขนาดจะเอาหัวรับประกันความน่าดู ทั้งยังอาจเหมาะกับคนดูเฉพาะกลุ่มที่รับแนวจัดจ้านนี้ได้ด้วย ลองชั่งใจกันเอาเองครับ แต่ก็อยากให้ลองเปิดใจรับสิ่งใหม่ ๆ ดู เพราะนี่เป็นหนังดูเอาสนุกติดท็อป 5 สำหรับหนังไทยของปีนี้เลย