ขอเล่าความรู้สึกแรง ๆ หลังออกจากโรงก่อนเลย
อู้หู โอ้โห ปากค้างกับความสนุกของหนังแบบเหนือคาด แบบเหนือคาดจริง ๆ ดูหน้าหนังก็ยอมรับล่ะว่างานภาพไม่เผาเอาจริงเอาจังดี ห่วงใจก็แต่เนื้อเรื่องมันจะไท๊ยไทย เช้ยเชย หรือแบบเด๊กเด็ก เพราะประวัติศาสตร์อย่างก้านกล้วย อย่างจ้ามะจ๊ะทิงจา มันเคยมีมาแล้ว!! แต่พอเปิดเรื่องก็เห็นเลยว่าเรื่องนี้ไม่ใช่อะไรแบบนั้น ถึงจะพลอตสำเร็จรูป ฮีโร่ประสบกรรมตอนเด็ก ได้รับการช่วยเหลือจากครูมวย ได้ฝึกวิชา และจับพลัดจับผลูต้องนำอาวุธวิเศษไปส่งให้เจ้าครองนครสู้กับยักษ์ แต่ทว่าการเล่าเรื่องมันแม่น แถมฉากแอคชั่นก็มันก็สนุกลื่นไหลได้ลุ้นสุด ๆ ถ้าเปรียบเป็นการแข่งเปียโน มันจะมีพวกที่เล่นพลิ้วพิศดาร กับพวกแม่นโน้ตเนี้ยบทุกเสียง ซึ่งเรื่องนี้เป็นแบบหลังเลย ถือว่าเป็นก้าวที่ดีเลยกับการปลุกแอนิเมชั่นไทย หนักพื้นฐานแน่นเรียกศรัทธามาได้โขจริง ๆ ครับ อย่างทีเคยพูดไปว่าถึงดูรอบสื่อมาแล้ว แต่ถ้าหนังจริงเข้าก็จะขอดูอีกรอบ ความรู้สึกว้าวมันชวนให้นึกถึงครั้งได้ดู องค์บาก ครั้งแรกเลยล่ะ ดูเถอะเรื่องนี้
สำหรับคนที่กลัวความลวกเอาเผากินแบบงานไทย ๆ บอกเลยครับว่าหนังใช้เวลาสร้างกว่า 4 ปี ทีมงานทั้งไทยและเทศกว่าอีก 200 คน และทุนสร้างรวมกว่า 230 ล้านบาท คือแปลกใจเลยที่พี่ ๆ ปิดข่าวงานสร้างมาเงียบมาก แล้วมาตู้ม ช็อกเลยแบบนี้ ยิ่งกับชื่อค่ายอย่าง เอ็กฟอร์แมท ฟิล์มส์ ที่ไม่คุ้นหู แถมเปรยตัวว่าเป็น วิช่วลเอเจนซี่ ที่ไม่เคยทำงานแอนิเมชั่นขนาดยาวมาก่อน ก็ดูชวนให้ฉงนเหมือนกันว่าไปซุ่มงานตอนไหนมา จึงไม่แปลกถ้าจะไม่คุ้นชื่อทั้งผู้กำกับ คนเขียนบท คือทั้งเครดิตคุ้นคนเดียว คือ สุธี แสงเสรีชน ผู้ควบคุมเพลงในหนัง หรือก็คือ ครูไก่ แห่งบ้าน AF ที่เราคงคุ้นตาดีนั่นเอง ที่มาคุมงานออร์เคสตราเต็มวงได้อลังการมาก ๆ แต่เมื่อดูเนื้องานในส่วนอื่นนอกจากเพลงก็ต้องบอกว่าไม่ธรรมดาจริง ๆ ยิ่งเครดิตจบเราเห็นชื่อคนไทยเกือบ 100% เป็นคนทำ ยิ่งโคตรภูมิใจเลยครับ
หนังเล่าเรื่อง อ๊อด (ไต้ฝุ่น KPN) ชายหนุ่มแห่งโพ้นทะเล ผู้ที่มีชีวิตวัยเยาว์แสนอาภัพ โชคดีได้ร่ำเรียนวิชามวยไทยที่สาบสูญไปกับครูมวยท่านหนึ่ง เมื่อเติบโตก็ต้องรับภารกิจอันยิ่งใหญ่ในการกอบกู้อาณาจักรรามเทพนครจากเผ่ายักษ์ โดยร่วมมือกับพลพรรคเพื่อนพ้องที่บังเอิญเจอกันระหว่างการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็น เสี่ยวหลาน (โบว์ AF5) โจรสลัดอากาศชาวจีนหุ่นเช้ง วาตะ (มิวสิค AF4) ลิงทะโมนที่เป็นถึงเจ้าชายของนครวานรที่ถูกยักษ์ทำลาย รวมถึง อสูรสีชาด (ชัย ศิริชัย) ยักษ์สีแดงร่างใหญ่ใจดีผู้ได้ชื่อว่ายักษ์ทรยศ อ๊อดต้องนำศาสตราวุธในตำนานที่พ่อของเขาเสี่ยงชีวิตนำหนีออกมาก่อนเมืองจะถูกทำลาย นำกลับไปให้รัชทายาทของอาณาจักรรามเทพนครซึ่งถูกจับกุมไว้เพื่อใช้ในการกอบกู้อาณาจักร
เนื้อเรื่องได้รับการช่วยแก้ไขโดย Bryan Edward Hill ที่ปรึกษาด้านการเล่าเรื่องจากฮอลลีวู้ด ที่ช่วยให้เนื้อหามีความเป็นสากล จึงไม่น่าแปลกใจที่หนังจสามารถตีตลาดต่างชาติได้สบาย เพราะวิธีเล่าเป็นสากล เมื่อนำเอกลักษณ์แบบไทยไปใส่มันก็เลยไม่ดูฝืนดูแปลกแยกนัก ทั้งพวกสถาปัตยกรรม หรือคัทซีนเล่าเรื่องในอดีตที่ใช้ภาพลายฉลุแบบหนังใหญ่มาทำก็ดูสวยดูเนียน ผ่านการคิดมาอย่างดี ถึงขนาดว่าตอนนี้หนังขายให้จีนได้แล้ว และกำลังจะขายให้ทางอเมริกาต่อด้วย นับเป็นโปรเจ็กต์มองใหญ่ของค่าย เอ็กฟอร์แมท ฟิล์มส์ และก้าวสำคัญของแอนิเมชั่นไทยเลยด้วยครับ
สิ่งที่ต้องชื่นชมนอกจากเล่าเรื่องที่แม่นจังหวะ กับฉากแอคชั่นที่คิดมาได้ละเอียด ตัวละครนำพาคนดูไปสู่ฉากใหญ่ ๆ ได้ตื่นตาทั้งหมด ทั้งเกาะไกลโพ้นทะเล การต่อสู้กลางอากาศด้วยเรือเหาะจนผ่านหุบเหว หรือแม้แต่การสู้กับราชายักษ์ก็ปูมาได้อย่างตื่นเต้นมีหักมุมหลอกคนดูด้วย
สิ่งที่น่าชมมากอีกอย่างคือการ ดีไซน์เหล่าตัวละคร ทั้งภาพลักษณ์ภายนอกที่บอกเลยว่าโคตรเท่ เท่ยันตัวประกอบ มีพวกการแปลงโฉมอัปเกรดหรือแปลงร่างที่เท่มาก ๆ ด้วย คือต่อยอดไปพวกสินค้าอื่น ๆ ได้สบายมาก ทั้งฟิกเกอร์ เกมคอนโซล บอร์ดเกม หรืออะไรต่อมิอะไรอีกหลายอย่าง เพราะงานดีไซน์มันสากลและแข็งแรงมาก ๆ แม้แนวการทำโมเดลจะดูมีแรงบรรดาลใจจากแอนิเมชั่นฝรั่งอย่างพวก Star Wars มามากกว่าการผสมเอกลักษณ์ตะวันออกสไตล์ญี่ปุ่น แต่หนังก็ผสมกลืนทั้งสองแบบมาได้อย่างพิถีพิถันทีเดียว นี่ยังควรนับเรื่องการออกแบบภาพภายนอกกับบุคลิกและเส้นเรื่องที่สอดคล้องกันเป็นหนึ่งอีก คือต้องยอมใจกับทีมงานเขาจริง ๆ ว่าทุ่มเทและคิดกันละเอียดมาก ๆ ไม่มีการดูถูกเอาเปรียบคนดูแน่นอน
ส่วนที่ควรปรับปรุง ไม่ใช่ว่าจะไม่มี ที่เห็นชัดมาก คือเสียงบรรยายในพวกฉากคัทซีนดูธรรมดา ไม่ชวนให้น่าติดตาม เสียงไร้อารมณ์พอสมควร ยังดีว่าไม่ใช่ส่วนหลักของการเล่าเรื่องไม่งั้นหนังคงไร้ชีวิตดูน่าเบื่อมาก ๆ ส่วนต่อมาคือแม้ดนตรีประกอบจะทำได้ดีงามมาตรฐานฮอลลีวู้ด แต่ทว่าเพลงประกอบของ วงสลอตแมชชีน ในเรื่องนี้ออกจะโดดไป เสียงแหลมเล็กของ เฟิร์ส นักร้องนำดูไม่ค่อยเข้ากับตัวเรื่อง ยิ่งการมิกซ์ใส่ในหนังก็ทอนพลังของเพลงลงไปอีก ก็ยังดีว่าในหนังใช้เพียงเพลง รุ้ง เข้ามาประกอบเพลงเดียวช่วงกลางเรื่องเท่านั้น
อาจด้วยเส้นเรื่องที่ชงมาแอคชั่นซึ่งทำได้ดีมาก เข้าใจเรื่องชัดเจน แต่ก็เสียดายส่วนดราม่าบางอย่างที่หนังไม่มีเวลาให้มันมากนักจนทำให้มันดูหลวม ๆ ลงไปอย่างเรื่องราวของ พรานทมิฬ ซึ่งเป็นตัวละครหนึ่งที่มีเสน่ห์มากเช่นกัน กับการตัดสรุปบางอย่างก็ให้เวลาน้อยไปจนดูเหมือนจบเรื่องง่ายเกินไป ทั้งที่จริงคิดละเอียด ๆ มันมีคำตอบดี ๆ อยู่ในเรื่องแล้วเพียงเวลาในการขยี้น้อยไปเท่านั้น
และสุดท้ายงานภาพแม้จะงามหยดแต่การสื่อในส่วนของอารมณ์โดยเฉพาะการใช้ดวงตานั้น เรียกว่ายังแข็ง ขาดชีวิตไปพอสมควร อยากให้เล่นกับดวงตาได้มากกว่านี้อย่างน้อยก็ประกายตาของตัวเอกที่น่าจะช่วยให้บางฉากไม่ดูเป็นผีเป็นวิญญาณได้อีกเยอะ และในส่วนของการแอนิเมทช่วงต่อสู้ที่ทำได้สุดยอดนั้น ก็มีบางฉากที่การเคลื่อนไหวไวจนดูหลุดดูไม่เข้าใจ บางช่วงมีอาการเหมือนเฟรมเรตไม่สูงพอทำให้ภาพดูกระตุก
ทั้งหมดนี้เป็นส่วนที่ล้วนพัฒนาแก้ไขต่อไปได้ทั้งสิ้น และพูดตามตรงถึงจะเห็นจุดผิดพลาดมากเพียงใด แต่ก็ขอยอมมองข้ามทั้งหมดจริง ๆ เพราะสุดท้าย หนังมันสนุกมาก มันประทับใจมาก และมันเอาคนดูอยู่จริง ๆ ครับ คุณไม่จำเป็นต้องไปดูเพราะชอบหนังไทยเลยสำหรับเรื่องนี้ เพราะถ้าคุณชอบดูหนังสนุก ๆ มันก็เป็นเหตุผลที่มากพอแล้วที่คุณต้องดูหนังเรื่องนี้
หนังเข้าฉายวันที่ 11 มกราคมนี้ครับ ผมก็จะไปดูวันแรกอีกรอบเหมือนกัน