ยาเสพย์ติด เพื่อนรัก ฆาตกรรม และโรคร้าย องค์ประกอบซ้ำๆเดิมๆพวกนี้หากถูกนำมาเขย่าและผสมให้ดีอาจเกิดคอกเทลหนังระทึกขวัญ ดราม่า เคล้ามิตรภาพลึกซึ้งออกมาได้ แต่สำหรับ Sad Beauty นอกจากภาพสวยเหมือนมิวสิควีดีโอแล้ว ประเด็นของเรื่องกลับบางเบาและไม่อาจนำพาให้คนดูเชื่อในความสัมพันธ์ของตัวละครได้เลยด้วยซ้ำ
ตัวหนังเล่าเรื่องราวที่เหมือนเป็นกึ่งอัตชีวประวัติของตั๊ก บงกชเองที่เธอเลือกถ่ายทอดมันผ่านตัวละครชื่อ โย (ฟลอเรนซ์ วนิดา เฟลเวอร์) นางแบบสาวปากสว่างที่มักมีเรื่องกับนักข่าวจนผู้จัดการและคนในวงการเอือมเธอกันเป็นแถว มีเพียง พิม (ภัควดี เพ็งสุวรรณ) เพื่อนสาวนักศึกษาที่ทั้งเรียบร้อยและเป็นเด็กดีคอยอยู่ข้างๆเธอเสมอในวันที่ทุกคนหันหลังให้ แต่ในคืนหนึ่งที่โยหวังปลอบใจพิมหลังรู้ตัวว่าเป็นโรคมะเร็ง ทั้งคู่ก็เผลอพลั้งมือฆาตกรรมพ่อเลี้ยงของพิมจนนำไปสู่การเดินทางเพื่อกำจัดศพแต่ความลับครั้งนี้ก็กัดกร่อนความสัมพันธ์ของทั้งคู่จนยากจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม
ด้วยความที่เรื่องราวมาจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้กำกับ ตั๊ก บงกช เบญจรงคกุล จึงใส่ทุกสิ่งอย่างที่เธอผ่านพบหลังเข้าสู่วงการบันเทิงทั้งเรื่องปาร์ตี้และยาเสพย์ติดที่เหล่านางแบบใช้ผ่อนคลายยามว่าง หรือกระทั่งเรื่องที่เธอมักน๊อตหลุดเวลาให้สัมภาษณ์นักข่าวจนได้ฉายา ‘ อึ๋มผ่าซาก’ มาผสมผสานกับเรื่องเพื่อนที่เป็นโรคมะเร็ง อันเป็นสาระสำคัญที่เธอต้องการพูดถึงมิตรภาพที่ฝังใจมานาน แต่พอเป็นบทหนังมันกลับเล่าอย่างไร้ทิศทาง เต็มไปด้วยรายละเอียดข้างต้นที่ถูกใส่มาจนล้น แต่ไม่อาจทำให้คนดูเห็นใจหรือสะเทือนใจกับชะตากรรมตัวละครได้เลย เนื่องจากหนังเองก็ละเลยที่จะใส่มิติตัวละครที่มากกว่าแค่ ดาราเอาแต่ใจที่มีเพื่อนที่แสนดีแต่ดวงซวยเป็นมะเร็ง ซ้ำร้ายด้วยบทพูดที่ถูกเขียนมาแบบภาษาเขียนมาผ่านนักแสดงมือสมัครเล่นโดยเฉพาะบทพิม ของ แอม ภัควดี ที่ต่อให้เธอร้องไห้ได้น่าสงสารแค่ไหนแต่การแสดงของเธอทำให้ตัวละครขาดเสน่ห์และไม่ได้น่าเห็นใจอย่างที่ควรจะเป็น ส่วนฟลอเรนซ์ วนิดา คือยอมรับเลยว่าเสน่ห์สาวผิวแทนรูปร่างดีทำให้เราอยากมองเธอนานๆแม้ว่าคาแรกเตอร์ของโยจะเต็มไปด้วยบทสนทนาที่น่ารำคาญแค่ไหนก็ตาม นั่นเลยทำให้หนังต้องใส่เหตุการณ์ฆาตกรรมเข้ามาเพื่อกระตุ้นให้คนดูตื่นจากอาการง่วงหงาวหาวนอนในองก์แรก
ซึ่งเหตุการณ์ฆาตกรรมนี้แม้จะถูกใส่แบบจับยัดแต่อย่างน้อยก็เป็นส่วนเดียวที่ทำให้เรื่องราวดูมีทิศทางและทำให้คนดูได้เห็นถึงความเป็นภาพยนตร์ที่มากกว่าแค่ถ่ายภาพสาวๆเต้นในผับ ไฟนีออนแว่บๆในองก์แรก ซึ่งจุดนี้ผู้เขียนขออนุญาตทึกทักเอาเองว่าเมื่อบทหนังไปถึงมือโปรดิวเซอร์อย่าง ก้องเกียรติ โขมสิริ ผู้กำกับหนังฆาตกรรมอย่าง เฉือน เลยอาจถูกดัดแปลงพันธุกรรมให้เรื่องราวดูแปลกใหม่ด้วยการใส่เรื่องราวฆาตกรรมที่เข้ามาทดสอบมิตรภาพของตัวละครทั้งคู่ซึ่งถือเป็นไอเดียที่ทำให้หนังน่าสนใจจนเกิดเป็นฉากที่ดีที่สุดในเรื่อง ซึ่งรวมถึงการปรากฏตัวของ ปีเตอร์ นพชัย ชัยนาม ในบท ญาติทหารพรานของพิมที่ทั้งดูน่าเกรงขามและชวนสะพรึงกลัว แถมออกมาไม่กี่นาทีแต่กลับแสดงดีกว่านักแสดงนำเสียอีก แต่ก็อีกนั่นแหละพอมันโผล่มาแค่ซีเควนซ์เดียวและไม่ได้มีการสานต่อเรื่องราวอย่างเป็นรูปธรรม คือนอกจากการที่โยตีตัวออกห่างแล้วมันก็แทบไม่ได้มีบทสรุปหรือมาปั่นป่วนชะตาชีวิตตัวละครอีกเลย จนงงว่าอ้าว! คือใส่ฆาตกรรมมาแค่ให้หนังมีบรรยากาศแบบหนังผีแค่นี้อ่ะเหรอ 555
คือสรุปเลยละกันว่า เพื่อนฉันฝันสลาย น่าจะเป็นงานส่วนตัวของตั๊กบงกช ที่ไม่ได้หวังให้คนดูเข้าถึงได้ทุกคน แต่อาการหนักสุดของหนังคือบทที่ไม่มีทิศทาง พยายามใส่รายละเอียดรายทางเยอะแยะท่ามกลางโครงเรื่องที่ไม่แข็งแรงนัก แม้งานโปรดักชั่นจะสวยงาม ถ่ายสวย คุมเทคนิคดี แต่กลับสอบตกทั้งความบันเทิงและคุณค่าทางจิตใจอย่างที่ผู้กำกับหวังให้คนอื่นรู้สึกร่วมไปกับเธอ