กลับมาอีกครั้งกับซีรีส์การผจญภัยของราชาวานรระดับอลังการงานสร้างในชื่อตอน ศึกราชาวานรตะลุยเมืองแม่ม่าย โดยคราวนี้เป็นภาคต่อจากไซอิ๋ว 3D ตอนกำเนิดราชาวานร (2014) และ ไซอิ๋ว 2 ตอน ศึกราชาวานรพิชิตมาร (2016) โดยการกลับมาคราวนี้ยังคงนักแสดงหลักชุดเดิมจากภาค 2 ไว้เหมือนเดิม นำโดย กัวฟู่เฉิง และ เผิงเส้าเฟิง รวมทั้งในภาค 3 นี้ได้ จ้าวลี่อิง สาวสุดฮอตมาสร้างสีสันรับบทเป็นราชินีแห่งเมืองแม่ม่ายอีกด้วย
สำหรับเนื้อเรื่องในภาคนี้จะเป็นเรื่องราวของพระถังซัมจั๋งพร้อมคณะร่วมเดินทางอย่าง หงอคง, ตือโป๊ยก่าย และซัวเจ๋ง ซึ่งจับผลัดจับผลูเดินทางมาถึง ‘เมืองแม่ม่าย’ เมืองที่เต็มไปด้วยสาวโสด แต่ทว่ากลับมีเหตุการณ์ที่ทำให้ราชินีของเมืองแม่ม่ายได้ตกหลุมรักกับพระถังซัมจั๋งเข้าอย่างจังจนอยากให้เขาอยู่ด้วยกันในเมืองนี้ตลอดไป งานเข้าซุนหงอคงและผองเพื่อนต้องทำทุกอย่างเพื่อช่วยพระถังซัมจั๋งหลบหนีออกจากเมืองนี้ให้ได้เพื่อเดินหน้าปฏิบัติภารกิจอันเชิญพระไตรปิฏกที่ชมพูทวีป
สำหรับภาคนี้ยังคงโดดเด่นในเรื่องงานซีจีเฉกเช่นเดียวกับ 2 ภาคที่ผ่านมา ไล่ตั้งแต่งานเสื้อผ้าหน้าผมของแม่นางในเมืองแม่ม่าย และโดยเฉพาะการออกแบบฉากในเมืองนั้นต้องบอกว่าดีงามพระรามแปดมาก ๆ ดูเป็นเมืองสมมติในจินตนาการจริง ๆ น้อง ๆ The Lord of The Rings เลย อาจมีบางฉากดูหลุด ๆ ลอย ๆ ไปบ้างแต่โดยรวมแล้วน่าตื่นตาตื่นใจ แนะนำอย่างยิ่งว่าหนังเรื่องนี้ควรดูแบบ 4DX หรือ MX4D ไปเลยจะยิ่งอินกับการผจญภัยได้ตลอดทั้งเรื่อง เพราะไซอิ๋วในภาคนี้ก็จะมีบางช่วงที่ยืดเรื่องอืดไปบ้างเหมือนกัน
เนื้อหาในภาคนี้จะเทไปที่ความรักของพระถังซัมจั๋งและราชินีแห่งเมืองแม่ม่ายเป็นหลัก จากนั้นเนื้อเรื่องก็ค่อย ๆ ทวีความเข้มข้นทีละนิด ๆ แทรกด้วยฉากบู๊แฟนตาซีของหงอคงที่ในภาคนี้อาจจะไม่ได้จัดเต็มโดดเด่นเหมือนภาคก่อนหน้านี้ แต่ก็ถือว่ายังสร้างสีสันได้อยู่เรื่อย ๆ รวมทั้งตือโป๊ยก่ายและซัวเจ๋ง ตรงนี้ต้องขอชมว่าผลัดกันมาสร้างเสียงฮาได้กลมกล่อมมาก จุดเปลี่ยนสำคัญดูเหมือนว่าเหล่าสาวโสดจะเข้าใจภารกิจของพระถังซัมจั๋งและพร้อมจะช่วยหาทางออกจากเมืองแห่งนี้แล้ว แต่จู่ ๆ ก็มีเหตุการณ์ให้พระถังฯ และคณะต้อง ‘ตั้งท้อง’ นั่นกลายเป็นโจทย์หินที่ท้าทายและสั่นคลอนภารกิจอันเชิญพระไตรปิฏกอย่างมาก
นอกจากซีจีล้ำ ๆ แล้วจุดขายหนังที่เด่นชัดก็คือ ตัว จ้าวลี่อิง นี่แหละ ที่มีเสน่ห์สุด ๆ เรียกว่านางหน้าเด็กกว่าอายุจริงมาก ๆ เป็นราชินีที่ทำคนดูเคลิ้มหลงอยากมองหน้านางนาน ๆ (ฮา) ขณะที่กัวฟู่เฉิงนั้นก็หายห่วงเรื่องงานดราม่า ซึ่งจะว่าไปไซอิ๋วภาคนี้มีความเป็นโรแมนติกดราม่ามาก ๆ หนังนำเสนอแง่มุมและการตั้งคำถามกับความรักไว้มากมายหลายแง่ ยิ่งดูบางช่วงก็แอบอยากถามว่า นี่พระถังฯ แกฟังคลับฟรายเดย์บ่อยหรือเปล่าเนี่ย ทำไมขยี้บ่อยจัง (ฮา)
ไซอิ๋วภาค 3 ถือเป็นอีกหนึ่งหนังฝั่งเอเชียฟอร์มบิ๊กที่มาพร้อมงานโปรดักชันระดับฮอลลีวูดสมราคาอภิิมหาทุนสร้างกว่า 3 พันล้านบาท แต่ทำออกมาตอบโจทย์ทุกความสุขอย่างแท้จริง ดูไป ๆ บรรยากาศของฉากและซีนแอ็คชันก็อาจจะนึกไปถึงหนังหลายเรื่องอย่าง Blade Runner หรือ The Hunger Games ซึ่งเชื่อเหลือเกินว่านอกจากแฟนไซอิ๋วเวอร์ชั่นเดิมจะชอบแล้ว คนที่เพิ่งเข้ามาดูไซอิ๋วหนังโรงเป็นครั้งแรกก็จะสนุกตื่นเต้นประทับใจไปด้วยแน่นอน เป็นหนังอีกเรื่องที่จูงมือพาครอบครัวไปสนุกกันได้ทุกวัยไม่เสียดายสตางค์แน่นอน