สารคดีชีวประวัติเอริก แคลปตัน เทพเจ้ากีตาร์ที่แฟนเพลงและศิลปินทั่วโลกต่างยกย่องนับถือในเรื่องฝีไม้ลายมือ เรื่องรายละเอียดเกียรติประวัติของตัวเอริก แคลปตัน ขอข้ามไปแล้วกัน ถ้าจะต้องสาธยายน่าจะไม่ใช่บทความรีวิวแล้วล่ะ เพราะคนที่กดเข้ามาอ่านรีวิวนี้คือคนที่รู้จักและสนใจในตัวเอริก แคลปตันพอตัว แล้วยิ่งคนที่จะพาตัวเองเข้าไปอยู่ในโรงหนังเพื่อชมสารคดีชีวประวัติของเขาที่ความยาว 2 ชั่วโมง 15 นาทีได้ จะต้องเป็นคนรักที่รัก ศรัทธา และมีความสนใจในตัวเอริก แคลปตัน มากพอดู และก็บอกได้เลยครับ ว่าหนังตอบสนองแฟน ๆ ของเอริก ได้อย่างน่าพอใจเลยล่ะ เล่าเรื่องราวได้อย่างน่าติดตาม แต่ถ้ารู้จักเพียงผิวเผินนี่ผมว่ายากนะ สำหรับการต้องมานั่งรับรู้ชีวิตใครคนหนึ่งในโรงมืด ๆ กว่า 2 ชั่วโมงเนี่ย
ตัวคนเขียนเองก็ติดตามผลงานและอ่านเรื่องราวของเอริก แคลปตันมามากพอดู แต่หนัง Eric Clapton: Life in 12 Bars ก็ทำให้เราได้รับรู้รายละเอียดเพิ่มเติมในแต่ละเหตุการณ์สำคัญ ๆ ในชีวิตของเขาอย่างละเอียด เป็นสารคดีที่น่าชื่นชมทีมงานอย่างมาก กับการทำการบ้านที่เห็นได้ชัดว่าใช้เวลาในการรวบรวมภาพนิ่ง ฟุตเตจ บทสัมภาษณ์จากคนรอบข้างในชีวิตมาอย่างละเอียดสุด ๆ โดยเฉพาะภาพในวัยเด็กนี่ ไม่น่าเชื่อว่าเอริก แคลปตันในวัย 73 ยังเก็บภาพไว้ได้เยอะมาก มีตั้งแต่รูปตอนยังเป็นเด็กน้อย จนถึงวัยรุ่น คลิปวีดีโอสมัยยังวัยรุ่นตอนเล่นกีตาร์ใหม่ ๆ แม้กระทั่งภาพลายมือที่เขียนการ์ตูน เขียนภาพศิลปินที่เขาชื่นชอบ เป็นอีกแง่มุมที่เราไม่เคยรู้ว่าเอริก แคลปตันมีฝีมือในการเขียนภาพมาตั้งแต่เด็ก หนังเดินเรื่องด้วยเสียงบรรยายของตัวเอริก แคลปตันเอง กับภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว ทั้งโฮมวีดีโอที่ถ่ายเล่นกัน ภาพในห้องบันทึกเสียง มิวสิควีดีโอ และ ภาพระหว่างแสดงสดทั้งในผับและบนเวทีคอนเสิร์ต ประกอบกับเสียงบรรยายของผู้คนรอบ ๆ ตัวเขา ทั้งเมีย แม่ ยาย เพื่อนสนิท เพื่อนร่วมงาน แม้จะเป็นหนังสารคดีชีวิตของศิลปินระดับโลกที่มีเพลงดังมากมาย แต่ไม่เน้นเพลงนะครับ เป็นหนังที่หนักไปทางบทบรรยายอย่าคาดหวังว่ามาดูแล้วจะได้ฟังเพลงเอริก แคลปตันนะครับ หนังเพียงแต่เล่าถึงแรงบันดาลใจในการเขียนบางเพลง แต่ไม่มีการโชว์เพลงใดยาวจนจบเลย
หนังเล่ารายละเอียดชีวิตตั้งแต่ยังเป็นเด็กน้อย เข้าช่วงวัยรุ่น ช่วงเข้าวงการ และชีวิตตอนอยู่ในแต่ละวงไล่ตั้งแต่ the rooster , The Yardbirds , John Mayall , Cream , Blind Faith , Derek & The Dominos เหตุผลในการเข้าร่วมแต่ละวงและการลาออกจากแต่ละวง เล่าเรื่องราวคู่ขนานไปทั้งเส้นทางอาชีพนักดนตรีและปัญหาชีวิตส่วนตัวที่มีเหตุการณ์กระทบจิตใจจากวัยเด็ก และส่งผลมาถึงภาวะจิตใจและการตัดสินใจครั้งสำคัญในวัยผู้ใหญ่ โดยเฉพาะความรักกับ แพตตี้ บอยด์ ที่แฟน ๆ ของเอริก แคลปตัน ต่างก็รู้กันว่า แพพตี้ บอยด์ เป็นภรรยาของจอร์จ แฮร์ริสัน มือกีตาร์เดอะ บีทเทิลส์ เพื่อนรักคนหนึ่งของเอริกเอง หนังเล่ารายละเอียดถึงความพยายามของเอริกที่จะเอาชนะใจของแพตตี้ยาวนานมากกว่าจะสมหวัง และแพตตี้ก็มีผลต่อชีวิตและผลงานเพลงของเอริกอย่างมาก หนังยังเปิดเผยพฤติกรรมด้านลบของเอริกให้ผู้ชมรับรู้อีกมากมาย โดยเฉพาะการเล่นยาที่โชว์ภาพการสูดโคเคนให้เห็นบนจอบ่อยมาก แถมยังบรรยายอารมณ์ความรู้สึกหลังเล่นเฮโรอีนอีก ทำให้รับรู้ด้านมืดของเอริกว่าเป็นศิลปินที่เกเรสุดโต่งคนหนึ่งของวงการเลยล่ะ ติดทั้งเฮโรอีนและเหล้า ทะเลาะกับคนดู เลิกเล่นกลางคัน หยาบคาย สารพัด ภาพและเนื้อหารุนแรงแบบนี้ยากที่จะได้ลงจอทีวีบ้านเราครับ
หนังลากยาวมาลงเอยในช่วงปี 1991 ในวันที่เอริกเสียใจที่สุดในชีวิตกับการต้องสูญเสีย คอนเนอร์ ลูกชายที่เขารักที่สุด ทำให้เอริก ตัดสินใจเลิกเหล้าเลิกยาเพื่อลูก และการสูญเสียคอนเนอร์ ทำให้คนรอบข้างเป็นห่วงว่าเอริกจะกลับไปติดเหล้าและยาอีก แต่เอริกกลับใช้ความเสียใจเป็นแรงผลักดันในการทำผลงานเพลง “MTV Unplugged” อัลบั้มที่ประสบความสำเร็จที่สุดในชีวิตเขาได้ 2 แกรมมี่อวร์ด และ “Tears In Heaven”ได้อีก 3 แกรมมี่ และนำกีตาร์กว่าร้อยตัวออกประมูลระดุมทุนสร้างศูนย์เพื่อบำบัดคนติดเหล้าติดยาฟรี กลายเป็นว่าเราได้รับรู้บทบาทความเกเรของเอริกกว่าชั่วโมง แต่หนังเลือกอัดวีรกรรมดี ๆ ด้านบวกของเอริกไว้แค่ 10 นาที สุดท้ายเท่านั้น ปิดท้ายด้วยชีวิตครอบครัวที่มีความสุขกับภรรยาคนล่าสุดและลูกสาวน่ารักอีก 3 คน เป็นบั้นปลายอันสุขสงบที่เห็นแล้วต้องยิ้มให้กับชีวิตของชายวัย 70 กว่า ที่ฝ่าฝันปัญหามาอย่างโชกโชน
Eric Clapton: Life in 12 Bars ไม่ได้เป็นเพียงสารคดีที่เล่าเรื่องราวชีวิตของศิลปินผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง แต่เพราะว่าเขาคือ เอริก แคลปตัน ผู้ริเริ่มดนตรีบลูส์ให้ได้รับความนิยมในวงกว้าง เส้นทางของเขาจึงเหมือน ถนนสายหลักของดนตรีบลูส์ที่มีศิลปินระดับตำนานเข้ามาเกี่ยวข้องมากมายทั้ง จิมิ เฮนด์ริกซ์ , จอร์จ แฮริสัน , ดูเวน ออลแมน , บี.บี. คิง และสารคดีเรื่องนี้ก็ทำให้เราได้เห็นว่าเอริก เป็นคนที่รักและผูกพันกับเพื่อนทุกคนมาก การที่เขาสูญเสียจิมิ เฮนด์ริกซ์มิตรรักร่วมจิตวิญญาณบลูส์ถึงกับต้องปลีกหายจากสังคมไปถึง 5 ปี โดยเฉพาะความสัมพันธ์กับ บี.บี. คิง เป็นจุดที่รู้สึกประทับใจมาก หนังเลือกเปิดเรื่องด้วยคลิปของเอริก ออกมากล่าวไว้อาลัยให้กับ บี.บี. คิง ที่จากไปในปี 2015 และเลือกปิดเรื่องด้วยภาพของ บี.บี. คิง ที่กล่าวความรู้สึกดี ๆ ที่เขามีต่อเอริก แคลปตัน และใช้สรรพนามกล่าวถึงเอริก ด้วยคำว่า “เพื่อนรัก” ช่างเป็นมิตรภาพบนถนนสายดนตรีที่สร้างความผูกพันต่อกันได้อย่างเหนียวแน่นและน่าชื่นชมที่ปรมาจารย์ทางดนตรีที่เอริกนับถือเพราะมีอิทธิพลต่อชีวิตเขา และกลายมาเป็นมหามิตรที่มีความผูกพันต่อกันอย่างลึกซึ้ง
Eric Clapton: Life in 12 Bars กำหนดเข้าฉาย 22 มีนาคม นี้ครับ พยายามหาโรงหารอบกันหน่อยนะ