ไปดูโดยไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้ แต่กลับรู้สึกดีกับหนังเกินคาด เป็นหนังที่รู้สึกอิ่มเอม อบอุ่น ทั้งบทและทีมดารานำทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้หนังน่าติดตามไปตลอด 93 นาที เป็นผลงานอีกเรื่องที่น่าจดจำของ ดาโกต้า แฟนนิ่ง แม้ว่ายุคนี้จะเป็นวันเวลาของ แอลล์ แฟนนิ่ง น้องสาวของเธอ ส่วนงานของดาโกต้า น้อยลงและมีแต่หนังฟอร์มเล็ก อย่างเรื่องนี้ก็เช่นกัน เป็นผลงานที่เธอกลับมาตอกย้ำให้เห็นว่า แม้หน้าตาเธอจะไม่จิ้มลิ้มเหมือนแอลล์ แต่ถ้าวัดกันที่ฝีมือการแสดงแล้ว พี่สาวอย่างดาโกต้า นี่มาพร้อมกับพรสวรรค์ทางการแสดงมาตั้งแต่ผลงานแจ้งเกิดจาก I Am Sam และในเรื่องนี้กับบทบาท “เวนดี้” สาวออทิสติก ก็เป็นบทบาทที่ท้าทายมาก และเธอก็ทำหน้าที่จุดศูนย์กลางของเรื่องได้อย่างสมบูรณ์ มีหลาย ๆ ฉากที่เธอโชว์ความสามารถทางการแสดงให้เห็นอย่างเด่นชัด การถ่ายทอดบุคลิกของสาวออทิสติก ด้วยการไม่สบตากับคู่สนทนา ปัญหาในการควบคุมอารมณ์ และการแสดงของดาโกต้าก็ถ่ายทอดท่าทางอารมณ์ของสาวออทิสติกได้อย่างน่าเชื่อ
หนังเล่าเรื่องของ เวนดี้ สาวออทิสติกในวัย 21 ปี อยู่ในสถานดูแลผู้ป่วยออทิสติก มีสก็อตตี้ เจ้าหน้าที่หญิงดูแลเธออย่างใกล้ชิด ช่วงต้นหนังแนะนำให้เรารู้จักตัวตนของเวนดี้ กิจวัตรในแต่ละวันของเธอ ที่ดูเผิน ๆ ก็ดูปกติดี พูดคุยรู้เรือง ทำงานประจำได้ แต่แล้วก็ค่อย ๆ เผยให้เห็นปัญหาในด้านการสื่อสารของเธอ ปัญหาในการเข้าสังคมและร้ายสุดคืออาการคลุ้มคลั่งที่ยากจะควบคุม เวนดี้ มีออเดรย์พี่สาวที่รักใคร่และดูแลเธอมาตลอดชีวิต แต่ออเดรย์แต่งงานและมีลูกสาว จึงจำเป็นต้องส่งเวนดี้มาไว้ในสถานดูแลผู้ป่วยออทิสติก เช่นเดียวกับหนังเล่าชีวิตชาวออทิสติกอีกหลาย ๆ เรื่อง ที่แต่ละคนมักมีพรสวรรค์บางอย่าง เวนดี้ เป็นสาวกสตาร์เทร็ค เธอเป็นแฟนพันธุ์แท้สตาร์เทร็ค ดูทุกวันทุกตอนและชอบจินตนาการตัวเองอยู่ในหนัง แล้ววันหนึ่งพาราเมาท์พิคเจอร์ประกาศแข่งขันเขียนบทชิงเงินรางวัล 100,000 เหรียญ เวนดี้ตัดสินใจเขียนบทยาวถึง 400 กว่าหน้าส่งเข้าประกวด
แล้วหนังก็เข้าสู่ช่วงตื่นเต้น เมื่อกำหนดปิดรับบทส่งประกวดจะหมดเวลาในอีก 2 วันข้างหน้า เวนดี้ ตัดสินใจออกเดินทางไกลด้วยตัวเองครั้งแรกในชีวิต มีเจ้าพีทหมาชิวาว่าร่วมเดินทางด้วย แล้วเจ้าพีทนี่ล่ะ ก็ทำหน้าที่จอมขโมยซีนได้อย่างสมบูรณ์ โผล่มาไม่มากแต่ก็แย่งซีนจากดาโกต้าได้บ่อยครั้ง หนังเล่าเรื่องราวช่วงนี้ได้อย่างสนุกน่าติดตาม กับสาวออทิสติกที่ไม่เคยออกสู่โลกภายนอกอย่างลำพัง ก็เปรียบได้กับการผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่ ที่ต้องเจอทั้งมิจฉาชีพในคราบมิตร มีแต่คนที่จ้องฉวยโอกาสจากความที่เธอเป็นสาวออทิสติก การเดินทางเจออุปสรรคมากขึ้น แต่ก็ยังดีที่เธอได้ความช่วยเหลือจากคนใจดีบ้าง ชอบที่สุดคือฉากเจอตำรวจที่เป็นสาวกสตาร์เทร็คเหมือนกัน คุยภาษาคลิงออนด้วยกัน แล้วลงเอยด้วยฉากไคลแมกซ์ให้ลุ้นกันว่าเธอจะส่งบทถึงพาราเมาท์ได้ทันก่อนเส้นตายไหม หนังจบด้วยอารมณ์ฟีลกู๊ดยิ้มให้กับหนังได้ขณะเดินออกจากโรง
เราสามารถดู Please Stand By แบบเสพแต่ด้านความบันเทิงก็ได้ ปล่อยใจให้สนุกไปกับการผจญภัยสู่ลอส แองเจลิส ของเวนดี้ และซาบซึ้งไปกับความรักความผูกพันของพี่น้องสองสาว และความรักระหว่างเวนดี้และสก็อตตี้ผู้เป็นห่วงเธอด้วยใจจริง หรือจะดูแบบลงลึกเก็บเกี่ยวสารดี ๆ ที่แฝงไว้ในหนัง บทหนังเปรียบตัวเวนดี้ เหมือนสป๊อคลูกครึ่งต่างดาวตัวเอกของสตาร์เทร็ค ที่ต่างก็ตกอยู่ในสถานะผู้แปลกแยกในโลกกว้าง ต้องเผชิญทั้งความเหงา และอันตรายจากผู้คนแปลกหน้าที่อยู่รายล้อม ก็ต้องชื่นชมไมเคิล โกลัมโค เจ้าของเรื่องดั้งเดิมที่เป็นละครเวที แล้วก็เป็นเรื่องดีที่ไมเคิลรับหน้าที่ดัดแปลงบทละครเวทีของตัวเองออกมาเป็นบทหนัง เจ้าของเรื่องเองมาแปลงเองนี่แหละครับดี จะได้คงเสน่ห์และใจความหลัก ๆ ของเรื่องไว้ได้ครบถ้วน แล้วก็ดีอีกขั้นที่หนังได้ดาราระดับฝีมือมารับบทนำทั้ง 3 คน นอกจากดาโกต้า ในบทนำแล้ว ก็ได้โทนี่ คอลเลตต์ ดีกรีเข้าชิง 1 ออสการ์ในบท “สก็อตตี้” และ อลิซ อีฟ ดาราสาวสวยที่ไม่ค่อยดังนักในบท “ออเดรย์” พี่สาวของเวนดี้ ทั้ง 3 ทำหน้าที่ได้ดี โดยเฉพาะในฉากดราม่าขับอารมณ์หลาย ๆ ฉากในเรื่องนี้ สามารถถ่ายทอดให้คนดูสัมผัสได้ถึงความรักความผูกพันของทั้ง 3 ที่เกี่ยวพันกันทั้งสายเลือด และผูกพันด้วยหน้าที่
หนังยังเหมาะกับบรรดาแฟน ๆ สตาร์เทร็ค เพราะเป็นหนังที่พูดถึงสตาร์เทร็คแทบทั้งเรื่อง และเป็นการอ้างถึงด้วยความเคารพเชิดชู มีสัญลักษณ์สตาร์เทร็คให้เห็นแทบทั้งเรื่อง บนเสื้อหมา บนกระเป๋า และฉากในจินตนาการของเวนดี้ที่ฝันถึงฉากผจญภัยของกัปตันเคิร์กและสป๊อคตามเรื่องราวในบทที่เธอเขียนขึ้นมา ก็ไปถ่ายทำกันในโลเคชั่นจริงที่ซีรีส์สตาร์เทร็คเคยไปใช้ถ่ายทำ รวมถึงชุดอวกาศก็อิงตามชุดในซีรีส์จริง ส่วนคนที่ไม่ได้อินกับสตาร์เทร็ค ก็สามารถสนุกไปกับหนังได้ครับ Please Stand By เป็นอีกตัวเลือกที่ดีในสัปดาห์นี้ ถ้าอยากจะใช้เวลาสัก 1 ชั่วโมงครึ่ง กับหนังที่น่ารักอบอุ่น ได้ยิ้ม ได้ลุ้น ได้ซาบซึ้งแต่ไม่ถึงกับต้องเสียน้ำตา ได้ดูฝีมือการแสดงของดาโกต้า แฟนนิ่ง ให้หายคิดถึง ก็แนะนำอย่างยิ่งครับ แต่ที่สำคัญต้องหารอบหาโรงให้ได้นะ น่าจะยากแน่นอนในสัปดาห์ที่โรงหนังเทรอบให้กับ Rampage และ หลวงพี่แจ๊ส หมดแบบนี้