ชีวิตของ คาโอรุ (จิเน็น ยูริ) ต้องเปลี่ยนไปเมื่อได้พบกับ เซ็นทาโร่ (ไทชิ นาคากาวะ) และ ริตสึโกะ (นานะ โคมัตสึ) เพื่อนสองคนที่ทำให้เขารู้จักความรักและ มิตรภาพ ผ่านดนตรีแจ๊ส แต่หลังเหตุการณ์เลวร้ายเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้พวกเขาต้องแยกจากกัน จนกระทั่ง คาโอรุ ได้ข่าวถึงเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมานาน แล้วท่วงทำนองครั้งนั้นก็กลับมาดังก้องในความทรงจำอีกครั้ง
เดิมที Kids On The Slope มีทั้งฉบับมังงะและ อนิเมะซีรีส์ และแน่นอนว่าเรื่องราวในภาพยนตร์ฉบับไลฟ์แอ็คชั่น หรือ เวอร์ชั่นคนแสดง ก็เลือกเดินตามเนื้อเรื่องต้นฉบับเป็นหลัก โดยความยากหาใช่การถ่ายทอดความทรงจำหวานปนขมของรักครั้งแรก หรือมิตรภาพที่ถูกทดสอบ แต่ความท้าทายสำคัญที่ ทาคาฮิโระ มิกิ แห่ง Tomorrow I Will Date With Yesterday You ต้องเผชิญคือการถ่ายทอดดนตรีแจ๊สในยุคปลาย 60 และต้องหวังพึ่งความสามารถของ ไทชิ นาคากาวะ และ จิเน็น ยูริ ในการตีกลองและเล่นเปียโนแจ๊สจริงๆ เพื่อให้เขาสามารถเล่าเรื่องราวความรัก ความสัมพันธ์ ความเจ็บปวดผ่านดนตรีแจ๊สได้อย่างน่าเชื่อถือ ซึ่งต้องยอมรับในฝีมือการเล่าเรื่องราวผ่านการออกแบบงานแสดงและมุมมองเชิงเทคนิคของ มิกิ ที่สามารถเล่าเรื่องราวได้อย่างลื่นไหล หลายครั้งดนตรีถูกนำมาใช้สื่อสารแทนคำพูดได้อย่างชาญฉลาด โดยฉากที่ถือเป็นไฮไลต์คือตอนที่ คาโอรุ เคาะนิ้วให้เป็นโน้ตเปียโนบนโต๊ะเรียน แล้ว เซ็นทาโร่ ก็ใช้ดินสอมาเคาะขอบโต๊ะเป็นจังหวะกลอง แล้วสักพักเสียงดนตรีก็มาซ้อนทับกับจังหวะของพวกเขาบนโต๊ะพอดี เพื่อสื่อความหมายถึงจุดเริ่มต้นของมิตรภาพได้อย่างชาญฉลาด
และแน่นอนสิ่งที่ชี้ชะตาของ Kids On The Slope ฉบับภาพยนตร์ก็คงหนีไม่พ้นนักแสดง ซี่งการได้ จิเน็น ยูริ และ ไทชิ นาคากาวะ มารับบทสำคัญอย่าง คาโอรุ และ เซ็นทาโร่ ก็นับเป็นตัวเลือกที่ใช่ทั้งในด้านกายภาพที่ จิเน็น เป็นคนตัวเล็กเหมาะกับบทเด็กเรียนเล่นเปียโนอย่าง คาโอรุ ส่วน ไทชิ รูปร่างสูงโปร่งเหมาะกับบทมือกลองที่มีอดีตเป็นเด็กลูกครึ่งถูกทิ้งจนกลายเป็น ไกจิน หรือ คนนอก และโดยที่ไม่ทันคาดคิด เหมือนผู้กำกับอย่าง มิกิ จะมองผู้บริโภคขาดด้วยการแอบใส่ฉากที่เซอร์วิส สาววาย ด้วยการให้ทั้งคู่มีความใกล้ชิดกันแบบชวนคิดเกินเลย จนอดต่อเรือให้ทั้งคู่ไม่ได้ ซึ่งยืนยันได้จากเสียงกรี๊ดกร๊าดที่ดังแทบทั้งเรื่องในการฉายรอบสื่อ
ส่วน นานะ โคมัตสึ นอกจากแต่ละเฟรมที่เธอปรากฏตัวจะชวนใจละลายแล้ว ฝีมือการแสดงของเธอคือสิ่งที่เติมเต็มหัวใจให้หนังอย่างแท้จริง เพราะหากจะหาความหมายของเสียงดนตรีที่ คาโอรุ และ เซ็นทาโร่ บรรเลง ผลลัพธ์ของมันก็หมดจดอยู่บนแววตาที่ทั้งเปี่ยมสุขและเจ็บปวดของตัวละคร ริตสึโกะนี่แหละ และในเชิงความหมายต่อผู้ชมโดยเฉพาะหนุ่มๆ นานะสามารถเป็นภาพแทนความรักครั้งแรกของพวกเราได้อย่างแนบสนิท เป็นผู้หญิงในแบบที่เราพร้อมจะหลงรักและจดจำเธอแม้จะถูกปฏิเสธ หรือต้องจากลามานานแค่ไหนก็ยากจะลืม
ด้วยความลื่นไหลของการแสดง ความน่ามองของหนุ่มๆสาวๆในเรื่อง รวมถึงเพลงแจ๊สที่เปี่ยมสเน่ห์ น่าจะทำให้ Kids On The Slope น่าจะเป็นหนังจากมังงะที่สามารถดูในฐานะหนังดราม่ามิตรภาพปนเสียงเพลงได้อย่างสุนทรีย์ที่สุด โดยไม่จำเป็นต้องมีข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับงานต้นฉบับมาก่อน และสามารถเข้าไปทำปฏิกริยากับความทรงจำของคนดูได้อย่างชาญฉลาดอีกด้วย
ซื้อตั๋ว Kids On The Slope แล้วอินถึงคนที่ไม่เคยลืม คลิกที่รูปเลยจ้า