ปีที่แล้วเรามี จอร์แดน พีล อดีตดาราและผู้กำกับสายคอมมีดี้ ที่เปลี่ยนแนวมากำกับหนังสยองขวัญ “Get Out” กลายเป็นหนังม้ามืดที่ฮิตถล่มทลาย ทั้งทำเงินและตัวหนังก็ได้เสียงตอบรับดี ไปได้ไกลถึงขั้นเข้าชิงออสการสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม มาถึงปีนี้ก็ถึงคราวของ อารี แอสเตอร์ ผู้กำกับหน้าใหม่ที่เหมารวมหน้าที่กำกับและเขียนบทหนังเรื่องแรกของเขา “Hereditary” ได้เสียงฮือฮาตั้งแต่ต้นปี หลังไปเปิดตัวในเทศกาลซันแดนซ์ ทุกเสียงต่างก็ชื่นชมว่า “นี่คือหนังสยองขวัญที่น่ากลัวที่สุด” สำหรับปีนี้แล้ว แล้วยังพาให้ โทนี่ คอลเล็ตต์ ดาราสาว รุ่นใหญ่ ได้กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้งกับฝีมือการแสดงที่โดดเด่นในเรื่องนี้
หนังไม่รีรอที่จะปูบรรยากาศสยองขวัญแบบค่อยเป็นค่อยไปเหมือนอย่างเรื่องอื่น แต่ Hereditary เลือกที่จะปล่อยบรรยากาศลี้ลับเอาตั้งแต่นาทีแรกของหนังเลย ทั้งดนตรีประกอบ ทั้งการเคลื่อนกล้องช้า ๆ ให้คนดูพร้อมรับสิ่งต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นเบื้องหน้าถัดจากนี้ไปกันแต่โดยดี
หนังเปิดเรื่องด้วยฉากงานศพของเอลเลน คุณยายของครอบครัวเกรแฮม ทิ้งความโศกเศร้าไว้กับลูกหลาน ที่ประกอบไปด้วยแอนนี่ ลูกสาวของเธอ และ สตีฟ สามี ที่มี ปีเตอร์ ลูกชายวัยรุ่น และชาร์ลี น้องสาววัย 13 ที่มีสภาพทางจิตไม่ค่อยปกตินัก หลังงานศพ ทั้งครอบครัวก็เริ่มสัมผัสเหตุการณ์ประหลาด ทั้งการมาปรากฏตัวของคุณยายให้หลาน ๆ เห็น แอนนี่ที่กลับมาละเมอเดินอีกครั้งหลังจากหายไปนาน ทำให้แอนนี่สืบหาสาเหตุด้วยการค้นข้าวของเก่า ๆ ของแม่และก็เจอความลับอันน่ากลัวที่แม่ไม่เคยแพร่งพรายให้เธอรู้ แต่มันก็ผ่านเลยจุดที่แอนนี่จะแก้ไขได้ทัน เพราะสิ่งชั่วร้ายได้เข้ามาคุกคามครอบครัวของเธอแล้ว ต้องเน้นย้ำว่า “ความลับของยาย” นี่คือหัวใจหลักของหนัง ใครสปอยล์ตรงนี้โกรธกันไปเลย ตัวผู้เขียนพลาดมากที่ได้ไปอ่าน Wikipedia ของหนัง แล้วพลอตในวิกิก็สปอยล์เสียเหี้ยนเลย ตอนที่ได้ดูก็เลยขาดอรรถรสที่จะได้ร่วมลุ้นความลับตรงนี้ไปพอควรเลยล่ะ
ความยาว 2 ชั่วโมงของหนังผ่านไปอย่างตึงเครียดสุด ๆ ค่อย ๆ ทวีความรุนแรงไล่จาก 0 ไปถึง 100 อารี แอสเตอร์ สามารถถ่ายทอดสภาวะความตึงเครียดของครอบครัวเกรแฮมมาถึงคนดูได้อย่างสมบูรณ์ บรรยากาศในโรงหนักอึ้ง อัดแน่นไปด้วยบรรยากาศหม่น ๆ หนัก ๆ ทั้งดนตรีประกอบที่แปลกหู ทั้งภาพที่สลัวทั้งเรื่อง
และสำคัญสุดคือฝีมือการแสดงของดารานำทั้ง 4 คน โดยเฉพาะโทนี่ คอลเล็ตต์ ที่รับภาระศูนย์กลางของเรื่องได้อย่างยอดเยี่ยม แอนนี่ไม่ใช่แม่ที่ทำหน้าที่แม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่ก็พยายามพาครอบครัวให้ผ่านพ้นสภาวะวิกฤตนี้ แต่ยิ่งแก้ก็เหมือนจะยิ่งพาไปสู่จุดดำดิ่งมากขึ้น บวกกับอาชีพสร้างบ้านจำลองของเธอ ที่ผลงานของเธอดูเป็นบ้านตุ๊กตาของครอบครัวแสนสุข แต่ในสภาวะจริงเธอไม่สามารถควบคุมจัดการครอบครัวให้เป็นสุขได้เหมือนอย่างบ้านจำลองในอาชีพเธอ
หนังแสดงให้เห็นระดับความตึงเครียดของแอนนี่ผ่านงานของเธอที่เริ่มหลุดโลกออกไปทุกที และถึงจุดระเบิดบนโต๊ะอาหารเย็น เป็นฉากดราม่าที่ยาวและเห็นถึงพลังการแสดงของโทนี่ คอลเล็ตต์ และ อเล็กซ์ วูลฟ์ ที่ปล่อยฝีมือมาประชันกันได้อย่างน่าทึ่ง ทำให้ต้องย้อนไปชื่นชมอารี แอสเตอร์ ผู้กำกับอีกครั้งที่ไม่ได้มีฝืมือแค่การสร้างบรรยากาศสยองขวัญ แต่ยังคุมฉากดราม่าแรง ๆ ได้อีกด้วย ไม่น่าเชื่อว่านี่คือผลงานของผู้กำกับมือใหม่
มิลลี่ แชปปิโร ดาราเด็กในบทชาร์ลี แม้จะมีบทบาทไม่มากแต่บทของเธอก็ถือได้ว่าเป็นหัวใจหลักตัวหนึ่งของเรื่อง มิลลี่มีใบหน้าที่แปลกดูเป็นเอกลักษณ์เฉพาะมาก แม้อยู่เฉย ๆ ก็ดูลึกลับ คาดเดาความคิดของเธอไม่ถูก
อีกองค์ประกอบสำคัญของเรื่องก็คือ “บ้าน”ของครอบครัวเกรแฮม ที่มีผลให้ Hereditary เป็นหนังน่ากลัวขึ้นมาก เป็นบ้านหลังใหญ่มากตั้งอยู่เอกเทศกลางป่า ข้างบ้านมีบ้านต้นไม้หลังใหญ่สร้างไว้ให้ชาร์ลี ในบ้านมีทางเดินแคบ ๆ และที่สำคัญเป็นบ้านที่แสงสลัวแม้แต่ช่วงกลางวันก็ยังดูเหมือนเป็นกลางคืนตลอดเวลา ซึ่งเหมาะมากกับบรรยากาศหนังสยองขวัญแบบนี้ เหตุการณ์ร้ายตลอดทั้งเรื่องต่างเกิดขึ้นแทบทุกห้องในบ้านหลังนี้
Hereditary จัดเป็นหนังสยองขวัญที่ให้อารมณ์แตกต่างจากที่คุ้นเคยกัน ไม่มีผี ไม่มีฉากแหวะ ไม่มีฉากตุ้งแช่ ฉากลุ้นสยองมาไม่ถี่นัก แต่ทุกครั้งที่มาจัดหนักและได้ผล อยากให้สัมผัสประสบการณ์เสียง “เต๊าะปาก” ที่ผวากันทั้งโรงครับ นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนของการเล่นน้อยได้มาก ที่ผู้กำกับอารี แอสเตอร์ทำได้สำเร็จ
หนังไม่เดินเรื่องตามสูตรสำเร็จ คาดเดาทิศทางหนังไม่ได้ อารมณ์หนังทวีขึ้นตามคลามลับของคุณยายเอลเลนที่ค่อย ๆ คลี่คลายออกมา และไปพีคสุดในไคลแมกซ์สุดท้าย ที่ต้องยกให้เป็นฉากที่ลุ้นสุดในประวัติศาสตร์หนังสยองขวัญกันเลยทีเดียว เป็นหนังอีกเรื่องที่ตัวอย่างหนัง “ไม่ดึงดูด” นัก แต่บอกได้เลยว่าแม้ในตัวอย่างเผยฉากใหญ่ ๆ ออกมาหลายฉาก แต่เทียบไม่ได้กับการได้สัมผัสหนังจริง น่ากลัวกว่าตัวอย่างหนังหลายเท่านัก
หนังมีกำหนดฉายในบ้านเรา 14 มิถุนายน นี้ ที่น่าติดตามหลังจากนี้ คือหนังจะสร้างปรากฏการณ์อะไรได้บ้าง โดยเฉพาะช่วงล่ารางวัลปลายปีนี้ แต่ที่รู้ ๆ ตอนนี้คือ อารี แอสเตอร์ กลายเป็นผู้กำกับเนื้อหอมตั้งแต่หนังยังไม่เข้าโรงฉายในวงกว้างแล้ว บรรดาสตูดิโอต่างเสนอโปรเจ็กต์ใหญ่ให้ไปกำกับ แต่อารี กลับบอกปฏิเสธหมด เพราะพอใจที่จะทำหนังทุนต่ำไร้การควบคุมจากสตูดิโอแบบนี้ต่อไป รอดูผลงานต่อไปของเขากันครับ