Beyond The Edge (2018) : มากหลายไอเดียล้นจนหลงทาง
Our score
4.8

beyond the edge เกมเดิมพัน คนพลังเหนือโลก

จุดเด่น

  1. ไอเดียพลอตเรื่องดี
  2. งานซีจีถือว่าโอเคดูตั้งใจมากและแนบเนียน

จุดสังเกต

  1. บทเละตุ้มเปีะมาก หาความสมเหตุสมผลไม่เจอ
  2. สร้างเคมีระหว่างนักแสดงไม่ได้ โดยเฉพาะคู่พระ-นาง
  3. หลากหลายแนวเกินไป จนจับทิศทางหนังไม่ได้
  4. ฉากไคลแมกซ์ไม่ได้ชวนลุ้น ตื่นเต้นเอาเลย
  5. บทแอนโตนิโอ แบนเดราส ดูยัดเยียด ไม่ใช่ตัวละครเด่น แต่มายืนกลางโปสเตอร์
  • คุณภาพงานสร้าง

    8.0

  • เนื้อหา ตรรกะ ความสมบูรณ์ของบท

    1.0

  • ความแปลกใหม่

    7.0

  • ความสนุก

    3.0

  • ความคุ้มค่าตั๋ว

    5.0

สนับสนุนเนื้อหาโดย

หนังสัญชาติรัสเซีย ที่ตั้งใจทำขายตลาดสากลด้วยการจ้างแอนโตนิโอ แบนเดอราส มาเป็นชื่อขาย ยืนเด่นตรงกลางโปสเตอร์ แต่ในหนังโผล่มารวม ๆ ก็ไม่กี่นาทีหรอกนะ พลอตหนังและโปสเตอร์น่าจะจงใจให้ดูละม้ายกับ Now You See Me เอามาก ๆ ว่าด้วยเหล่ามนุษย์ผู้มีพลังวิเศษรวมตัวกันโกงคาสิโน ปรับเนื้อหาเสียหน่อยจากกลุ่มนักมายากลให้สมาชิกรอบนี้กลายเป็นมิวแตนท์กันไปเสียเลย

หนังเปิดเรื่องที่ตัวไมเคิล หนุ่ม 18 มงกุฏที่วางแผนโกงเงินจากโต๊ะพนันเงินเดิมพันสูงจากบ่อนคาสิโนใหญ่ แต่ก็พลาดท่าโดนจับได้ วิคเตอร์เจ้าของบ่อนจอมโหดเรียกร้องให้หาเงินมาคืน 5 ล้านเหรียญ ภายใน 1 สัปดาห์ ไม่เช่นนั้นจะตามล่าเอาชีวิต ไมเคิล ก็เลยหันหน้าไปหาเพื่อนเก่าที่เป็นเจ้าของบ่อนเล็ก ๆ พอดีที่เพื่อนทำการศึกษาติดตามเหล่าผู้มีพลังพิเศษอยู่เลยแนะนำให้ไมเคิลตามตัวพวกนี้มาเข้าร่วมปฏิบัติการ ไมเคิล ก็ตามจนเจอมนุษย์พลังพิเศษทั้ง 4 และชักจูงมาเข้าร่วมแผนการฉกเงินคาสิโนครั้งใหม่ เพื่อเอาเงินไปคืนวิคเตอร์

บทหนังฝีมือ อเล็กซานเดอร์ โบกูสลาฟสกี และ ฟรานเซสโก ซินเควมานิ 2 คู่หูที่เหมารวมหน้าที่กำกับด้วย เป็นบทที่อ่อนปวกเปียกสุด ๆ เต็มไปด้วยความไร้เหตุผลสมควร ช่องโหว่ที่ชวนให้ตั้งคำถามเต็มไปหมด โดยเฉพาะช่วงที่รวบรวมเหล่ามนุษย์พลังพิเศษ ที่แต่ละคนดูกระจอกมากไม่สมควรกับการมีพลังเหล่านี้อยู่กับตัวเลย อีริค ผู้มีพลังจิตเทเลคิเนซิส เคลื่อนย้ายสิ่งของได้ ก็นั่งโง่ ๆ อยู่ข้างทางให้พระเอกไปชักชวนมาเข้าแก๊ง

โทนี่ มีพลังจิตควบคุมอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ชุดชนิดบนโลก ก็เลือกที่จะขับแท็กซี่ , เควิน มีพลังในการสะกดจิตผู้คนให้ทำตามคำสั่งก็โดนคุมตัวอยู่ในโรงบาลบ้า , เวโรนิก้า สาวสวยที่สืบทอดพลังในการอ่านใจคนมาจากยายก็หนีการตามล่าตัวจากแก๊งอิทธิพลที่ต้องการตัวเธอไปทำงานด้วย เห็นแต่ละคนแล้วช่างหดหู่ กับสถานะคนผู้มีพลังพิเศษ แล้วยอมมาเป็นลูกน้องให้กับคนธรรมดา แล้วหลาย ๆ ครั้งที่ดูแล้วชวนหงุดหงิดเมื่อพวกนี้ตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน แต่เลือกที่จะกรีดร้องกับเหตุการณ์คับขันข้างหน้าโดยไม่ใช้พลังของตัวเองแก้ไขสถานการณ์เลย

ดูแล้วเหมือนว่า อเล็กซานเดอร์ กับ ฟรานเซสโก 2ผู้กำกับมาพร้อมกับไอเดียมากล้นแต่ไม่เลือกจะตัดอะไรออก กับคิดอะไรได้แล้วก็ยัดรวมมาใน Beyond The Edge เสียหมด หนังก็เลยออกมาสะเปะสะปะ จับทางไม่ได้ว่าตกลงหนังจะไปในทิศทางไหน เริ่มมาก็เหมือนจะเป็นหนังจารกรรมบ่อนด้วยพลังพิเศษซึ่งกับไอเดียนี้น่าจะเวิร์ค ดูแปลกใหม่และน่าสนุก แต่จากพลอตน่าสนใจเมื่อขยายออกมาเป็นบทภาพยนตร์กลับเละเทะมาก ตั้งแต่การวางคาแรกเตอร์ของเหล่ายอดมนุษย์ที่ดูไม่เก่งกาจแต่อย่างไรเลย

บทและการกำกับก็ไม่สามารถสร้างเคมีเชื่อมกันระหว่างเพื่อนในแก๊งให้รู้สึกถึงความรักใคร่สนิทสนมได้เลย ยิ่งกับไมเคิล และ เวโรนิก้า ที่อยู่ดี ๆ บทก็เขียนให้คู่นี้รักกันถึงขั้นใช้อุปสรรคความรักของทั้งคู่เป็นหมากสำคัญในฉากไคลแมกซ์ของเรื่อง ก็ยิ่งตะขิดตะขวงใจว่าคู่นี้ไปรักกันตอนไหน ไม่เห็นวีรกรรมสร้างอารมณ์ร่วมระหว่างคู่นี้เลย สุดท้ายฉากไคลแมกซ์ที่ควรจะได้ร่วมลุ้นก็ดูจืดชืดอย่างมาก

ช่วงหลังหนังกลายเป็นแอ็คชั่นแฟนตาซีอย่างมาก เมื่อผู้กำกับบ้าพลังอัดฉากขายซีจีเข้ามาเสียแน่น กับฉากที่ทางผู้สร้างเรียกว่า “โลกแห่งภาวะจิตใต้สำนึก” จะเป็นภาพแนวกราฟิกแฟนตาซี ที่มนุษย์พลังพิเศษแต่ละคนเมื่อใช้พลังของตัวเองลงมือทำงานสำคัญยาก ๆ ภาพก็จะตัดไปเป็นภาพของมนุษย์พลังพิเศษคนนั้นเข้าไปอยู่ในห้องส่วนตัวที่เป็นห้องเล็ก ๆ ในโลกมายา ตลอดเรื่องเราจะเห็นภาพตัดแต่ละคนไปอยู่ในห้องนี้กันบ่อยมาก ถ้าพิจารณาแล้วก็ไม่เห็นความจำเป็นกับฉากเหล่านี้เลย และไม่ได้ช่วยสร้างอารมณ์ในทางบวกแต่อย่างใดกับเนื้อหาอารมณ์เลยสักนิด

ยิ่งช่วงท้ายที่ไมเคิลเข้าไปอยู่ในโลกแฟนตาซีนี่ก็ลากยาวเลย ซีจีมาเพียบ นั่งดูแล้วก็นึกกับตัวเอง ซีจีจัดเต็มขนาดนี้มันต้องตื่นเต้นสิ มันต้องลุ้นสิ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับภาพเบื้องหน้าแต่อย่างใดเลย หนังปิดท้ายด้วยฉากจารกรรมครั้งใหญ่ แล้วลงเอยด้วยการตัดฉับแบบห้วน ๆ ทิ้งความสงสัยไว้มากมายว่าผ่านมาได้ง่าย ๆ แบบนี้น่ะเหรอ

ด้วยเหตุที่เป็นหนังรัสเซีย หนังจึงต้องพากย์เสียงพูดอังกฤษทับ แม้เสียงพากย์จะตรงปากแต่ก็ฟังดูลอย ๆ ราบเรียบไม่มีน้ำหนักเบา-ดัง ไปตามแต่ละสภาวะในหนังเลย หนังเปิดตัวในรัสเซียไปเมื่อเดือนมีนาคม ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรมากมาย หนังลาโรงไปในเดือนเมษายน ทำตัวเลขไปได้แค่ 2 ล้านเหรียญกว่า ๆ ก็สมน้ำสมเนื้อกับคุณภาพหนังแล้วล่ะครับ

Play video