สนับสนุนเนื้อหาโดย Major Cineplex

Submergence หรือในชื่อไทยเก๋ๆ ‘ห้วงลึกพิสูจน์รัก’ งานหนังล่าสุดของผู้กำกับวัยดึก Wim Winders ที่หากใครเป็นคอหนังรุ่นเก่าหน่อยอาจเคยผ่านตากับงานขึ้นหิ้งในยุค 80 ของเขาอย่าง Wings of Desire หรือว่า Paris, Texas มาบ้าง โดยเฉพาะการได้ชื่อว่าเป็นผู้กำกับที่ทำหนังดราม่าบีบเค้นห่วงหาอาลัยอาวรณ์ได้บดขยี้ใจคนดูนักหนา มาคราวนี้กับผลงานล่าสุดที่เข้าฉายในบ้านเราอย่าง Submergence เรียกว่าเข้าทางป๋าแกเลย แถมตัววัตถุดิบก็ไม่ธรรมดา สร้างจากนิยายขายดีของ J.M.Ledgard คอลัมนิสต์จาก The Economist ที่หันมาเขียนหนังสือ ซึ่งนิยายเรื่องนี้เคยได้รับคัดเลือกจาก New York Times ให้เป็น 1 ใน 100 หนังสือที่ดีที่สุดในปี 2013 ด้วย

Submergence น่าสนใจตรงได้ Jame McAvoy (Split, X-Men: Days of Future Past) หนุ่มสก็อตติชนัยตาสวยมาประกบคู่กับ Alicia Vikandor (Ex Machina) โดยเป็นเรื่องราวของ James วิศวกรหนุ่มอังกฤษ และ Danny สาวแว่นนักคณิตศาสตร์ชีววิทยา ที่รู้จักกันโดยบังเอิญจนกระทั่งสานความสัมพันธ์กันในช่วงเวลาสั้น ๆ ก่อนที่ทั้งคู่จะมีกำหนดไปปฏิบัติภารกิจของตัวเอง โดย James ต้องไปปฏิบัติภารกิจที่เคนยา ส่วน Danny ต้องลงเรือดำน้ำไปสำรวจและเก็บตัวอย่างที่ก้นมหาสมุทร ซึ่งมีเหตุการณ์พลิกผันตรงที่ James นั้นถูกกลุ่มกบฏจิฮัดจับกุมเป็นตัวประกัน ข้อจำกัดจากการปฏิบัติภารกิจที่ทำให้พวกเขาไม่สามารถติดต่อกันได้ ความคิดถึงโหยหาที่พุ่งทวีคูณยิ่งบีบคั้นหัวใจของคนทั้งคู่มากขึ้นทุกวัน

Submergence เล่าเรื่องโดยตัดสลับเหตุการณ์ในอนาคตกับอดีต ภาพของความมืดมิดในห้องขังอันซอมซ่อ สภาพใบหน้าเละเทะ ไม่เหลือเค้าเดิมที่หนังตัดกลับไปกลับมาเป็นระยะ สร้างความน่าสนใจให้ตัวหนังได้ไม่น้อย ตัวหนังค่อย ๆ เดินไปอย่างช้า ๆ เน้นไปที่การเก็บรายละเอียดตัวละคร เซอร์วิสเลิฟซีนเอาใจสายจิ้นกันเต็มที่ โดยเฉพาะความพยายามทำให้คนดูเชื่อในความรักของ James และ Danny ซึ่งตรงนี้ส่วนตัวชอบที่หนังเล่าเรื่องให้โรแมนติกแบบผู้ใหญ่ เป็นตัวละครสองตัวที่มีแบ็คกราวน์ด้านหน้าที่การงานมากำหนดนิสัยและแคแร็คเตอร์แข็งแกร่ง

ไดอะล็อกของ James และ Danny เลยเป็นคำพูดที่ดูเป็นธรรมชาติ ตัวละครดูมีมิติ มีการถกเถียงด้วยความคิดหากไม่ตรงกัน แต่มีการยอมรับบทบาทของกันและกันชัดเจน และด้วยความที่เป็นรักแบบข้าวใหม่ปลามัน ความรู้สึกพุ่งพล่านที่ McAvoy และ Vikandor ตีความออกมาได้ดี ก็ทวีคูณส่งมาถึงคนดูให้อินได้อย่างรวดเร็ว ภายใต้รูปแบบการเดินเรื่องที่ไม่เร่งรีบ ตรงนี้ทำได้ละมุนดีทีเดียว

อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่หนังโฟกัสที่เรื่องรายละเอียดของความสัมพันธ์ระหว่าง James กับ Danny มากเกินไป มันเลยส่งผลให้หนังค่อนข้างเนือย การพยายามสร้างวิมานความรักด้วยความคิดฟุ้งเฟ้อของตัวละครมันเลยกลายเป็นออกมาล้น ๆ กึ่ง ๆ เพ้อ ๆ เวิ่นเว้อแนว ๆ เดียวกับหนังรักญี่ปุ่นไปแทน รายละเอียดของการปฏิบัติภารกิจที่ขาดหายไป จุดพัคของหนัง รวมท้ังบทสรุปที่ปล่อยทุกอย่างทิ้งไว้ไม่ไปต่อ อาจเป็นความประสงค์ของป๋า Wim เองที่ต้องการจะขายความรัก ความคิดถึงของคนทั้งคู่ ซึ่งกลายเป็นว่าหนังมันดู ‘เลี่ยน’ และ ‘วอนนาบี’ เกินไปหน่อย เหมือนนิยายที่เปิดอ่านแล้วก็นอนหลับฝันไป ไม่รู้ว่าหนังจะพาเราไปไหน

Play video