กลับมาอีกครั้งกับ โปเกม่อน เดอะ มูฟวี่ ซึ่งเดินทางมาถึงภาคที่ 21 เข้าไปแล้ว แต่ในภาคนี้พิเศษตรงที่ไม่ใช่ภาคแยกจากซีรีส์เหมือนภาคอื่น ๆ ทั้ง 19 ภาค แต่เป็นภาคต่อจากเดอะมูฟวี่ภาคที่ 20: ฉันเลือกนาย โดยหากจำกันได้ในช่วง End Credit ของภาคที่แล้ว (ฉันเลือกนาย) ได้มีการแผ้วทางมาถึงโปเกมอนลึกลับอย่าง ลูเกีย ที่เผยเป็นนัยว่าในภาคใหม่นี้จะเข้ามามีบทบาทแน่นอน
สำหรับโปเกม่อน เดอะ มูฟวี ในภาคนี้กลับมาคงคอนเซปต์เดิมคือ การผจญภัยของ ซาโตชิ และ ปิกาจู พร้อมด้วยผองเพื่อนโปเกม่อน และมีโปเกมอนระดับตำนานปรากฏตัวออกมาเป็นสีสันในเรื่องหลัก โดยภาคนี้จะเป็นเรื่องราวของเทศกาลสายลมในเมือง Fura City เมืองซึ่งประชากรทุกคนให้ความเคารพนับถือโปเกมอนตำนานอย่างลูเกีย ขณะเดียวกันในภาคนี้ก็จะมีตัวละครหน้าใหม่ที่มารับบทบาทเด่นอย่าง ริสะ สาวน้อยจอมแก่นที่เพิ่งจะเรียนรู้การเป็น Pokemon Trainer, คาราชิ ลุงวัยกลางคนที่มักจะชอบโกหกทำตัวเป็นวีรบุรุษเพื่อทำให้หลานของเขาภูมิใจ, โทริโตะ นักวิจัยผู้ขาดความมั่นใจ, ป้าฮิสุอิ ที่มีปมหลังกับโปเกม่อนสมัยยังเด็ก ซึ่งตัวละครเหล่านี้เรียกว่าเป็นสมทบที่ตัวหนังเกลี่ยบทได้ลงตัวมาก ๆ ให้รู้สึกได้ว่า แต่ละคนโดดเด่นมีแคแรคเตอร์ชัด แต่ก็ไม่มากไปกว่า ซาโตชิ และ ปิกาจู เอาจริง ๆ การ์ตูนเดอะมูฟวี่ของโปเกมอน เป็นแอนิเมชันที่ให้น้ำหนักตัวละครได้เยี่ยมกว่าพลอตหนังจอเงินทั่วไปหลายเรื่องด้วยซ้ำ
ถือเป็นเรื่องน่าสนใจเมื่อ กลยุทธ์การตลาดมาถูกวางไว้คล้าย ๆ เป็นการรีเซ็ตใหม่ ซึ่งเหลือไว้เพียงละครหลักไม่กี่ตัวจากเวอร์ชันทีวีซีรีส์ที่คุ้นเคย และโฟกัสไปที่การวางพลอตให้แฟนบอยหน้าใหม่ที่เพิ่งเคยดูโปเกม่อนดูง่ายและสมัครตัวเป็นโอตะได้ง่ายขึ้นด้วย โดยเฉพาตัวเรื่องที่นำพาคนดูเสมือนร่วมผจญภัยไปกับพวกซาโตชิและปิกาจู ไปเจอตัวละครใหม่ ๆ ทั้งหมด รวมทั้งโปเกมอนในตำนานอย่าง ลูเกีย และ เซราโอร่า
เนื้อหาในภาคนี้อาจไม่ได้เน้นพะบู๊แอ็คชันตระการตาเหมือนภาคก่อน ๆ แต่ที่น่าสนใจคือมันมีเมสเซจเรื่องมิตรภาคและความสามัคคีที่ทรงพลังมาก บวกกับการกระจายที่บอกไปแล้วตอนต้นว่าทำได้ดีเยี่ยม การดึงโปเกมอนมาอยู่ในตำแหน่งของตัวกลางเชื่อมความสัมพันธ์ของมิตรภาพ การก้าวข้ามปมในใจของทั้งมนุษย์และโปเกมอนเอง ตรงนี้ประทับใจมาก นอกจากเด็ก ๆ แล้ว เมจเซจเหล่านี้ก็ก้าวข้ามมาถึงผู้ใหญ่ได้ด้วยเช่นกัน เหมือนมาทำความเข้าใจใหม่ว่า คำว่าเพื่อน คำว่ามิตรภาพ ที่เราเคยรู้จักมันในวัยเด็กมันเป็นอย่างไร และมันถูกละเลยเปลี่ยนแปรมาไกลแค่ไหนเมื่อเราก้าวมาเป็นผู้ใหญ่ ดูแล้วทำให้รู้สึกอยากจะเปลี่ยนมุมมองบางอย่างกลับไปเป็นวัยเด็กอีกครั้ง นั่นคือการไม่คิดลับหลังให้ซับซ้อนกับคำว่ามิตรภาพ
โปเกม่อน เดอะ มูฟวี่ ในภาคที่ 21 นี้ถือได้ว่าเป็นไทม์ไลน์ที่แยกออกมาแล้วทำได้ดูสนุกเลยทีเดียว แน่นอนว่าเมื่อทางผู้สร้างกำหนดเส้นทาง เดอะ มูฟวี่ มาแบบนี้ อาจทำให้แฟนบอยดั้งเดิมบางส่วนรู้สึกเซ็งบ้าง แต่เมื่อได้มาสัมผัสเนื้อหาในแอนิเมะจริง ๆ ก็จะยังรู้สึกฟีลกู้ดและเติมเต็มได้เหมือนเดิม