Our score
7.4the girl in the spider's web : พยัคฆ์สาวล่ารหัสใยมรณะ
จุดเด่น
- ชื่นชมการพลิกบทบาทของแคลร์ ฟอย
- ความตั้งใจกับงานภาพของเฟเด อัลวาเรซ
- ดูง่ายขึ้น เอาใจตลาดมากขึ้น ฉากแอ็คชั่นมากขึ้น
จุดสังเกต
- ตัวร้ายที่ปูความมาดี กับถูกกำจัดไปง่ายดาย
- สเวอร์ กุดนาสัน ไม่เข้ากับภาพลักษณ์นักหนังสือพิมพ์ลายคราม
- บรรยากาศเปลี่ยนไป ไม่ถูกใจแฟนเก่า
-
คุณภาพงานสร้าง
8.0
-
เนื้อหา ตรรกะ ความสมบูรณ์ของบท
6.0
-
ความสนุก
8.0
-
ความแปลกใหม่
7.0
-
คุ้มค่าตั๋ว
8.0
เท้าความสักนิดว่า The Girl in the Spider’s Web เรื่องนี้คือภาคที่ 4 ของ มิลเลนเนียมซีรีส์ นิยายที่ว่าด้วยปฏิบัติการของ ลิสเบ็ธ ซาลันเดอร์ แฮคเกอร์สาว ที่ผ่านอดีตอันโหดร้ายและมืดมน เธอร่วมมือกับ มิคาเอล บลอมควิสต์ นักข่าวรุ่นใหญ่ในการต่อกรกับองค์กรลับที่มีพลังอำนาจและเครือข่ายมากมายในสวีเดนและเกี่ยวพันกับครอบครัวของเธอ ฉบับนิยายเป็นผลงานประพันธ์ของ สตีก ลาร์สัน อดีตนักข่าวที่ผันตัวเองมาเขียนนิยายขาย แล้วก็ประสบความสำเร็จอย่างมาก มิลเลนเนียมซีรีส์ 3 เรื่องแรกของเขาขายได้ถึง 80 ล้านเล่มทั่วโลก ทั้ง 3 เรื่องถูกสร้างเป็นหนัง และเป็นการแจ้งเกิดของนูมิ ราเพซ และ ไมเคิล ไนควิสต์ นักแสดงนำทั้งคู่ได้กลายมาเป็นดาราฮอลลีวู้ด รวมถึงหนังภาคแรกก็ถูกรีเมคในชื่อเดียวกัน ด้วยฝีมือผู้กำกับ เดวิด ฟินเชอร์ ออกฉายในปี 2011 ได้รูนีย์ มาร่า มารับบทลิสเบ็ธ ซาลันเดอร์ และ แดเนียล เครก เจ้าของบทเจมส์ บอนด์ มารับบทมิคาเอล บลอมควิสต์ หนังเว้นช่วงไปนานถึง 7 ปี แล้วฮอลลีวู้ดก็ตัดสินใจไม่รีเมคภาค 2 และ 3 แต่กระโดดข้ามมาสร้าง The Girl in the Spider’s Web ซึ่งเป็นนิยายเล่มที่ 4 ของซีรีส์ไปเลย และเป็นผลงานเขียนของเดวิด เลเกอร์ครานตซ์ ที่มารับหน้าที่สานต่อตำนานสาวรอยสัก หลังจาก สตีก ลาร์สัน ที่เสียชีวิตด้วยเหตุหัวใจวายไปตั้งแต่ 2004 ก่อนที่ผลงานทั้ง 3 เล่มจะถูกตีพิมพ์เสียอีก ปัจจุบัน เดวิด ลาเกอร์ครานตซ์ ได้สานต่อตำนานมิลเลนเนียมซีรีส์มาถึงเล่มที่ 5 แล้ว ในชื่อ The Girl Who Takes an Eye for an Eye ออกวางจำหน่ายเมื่อปีที่ผ่านมา และผลงานภาคต่อของเขาทั้ง 2 เล่มก็ยังประสบความสำเร็จ ติดอันดับขายดีเช่นเคย
ในภาคนี้โดดข้ามจากภาค 3 มา 3 ปีลิสเบ็ธยังคงยึดอาชีพแฮคเกอร์อิสระ เธอได้รับการว่าจ้างที่สุดท้าทายจาก ฟรานส์ บัลเดอร์ โปรแกรมเมอร์อัจฉริยะที่คิด “ไฟร์ฟอลล์” โปรแกรมอัจฉริยะที่สามารถแฮคเข้าฐานยิงจรวดได้ทั่วโลก ซึ่งฟรานส์ ได้ขายให้กับอเมริกาไป แล้วรู้สึกว่าไฟร์ฟอลของเขาจะเป็นภัยพิบัติต่อโลกมนุษย์ เลยจ้างลิสเบ็ธให้ไปแฮคหน่วยงานความมั่นคงของอเมริกาแล้วขโมยไฟร์ฟอลล์กลับมา ซึ่งลิสเบ็ธก็ทำได้สำเร็จ แต่นั่นคือจุดเริ่มต้นของหายนะครั้งใหม่ที่ลิสเบ็ธจะต้องเผชิญ เอ็ดวิน นีดแมน เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยงานสืบรู้ว่าคนที่ขโมยไฟร์ฟอลล์อยู่ในสตอล์คโฮล์ม , สวีเดน เขาบินมาตามล่าไฟร์ฟอลล์คืน ขณะเดียวกันแก๊งคนร้ายจอมโหดก็บุกเข้าที่พักของลิสเบ็ธแล้วชิงไฟร์ฟอลล์ไปได้สำเร็จ แล้วยังระเบิดที่พักของลิสเบ็ธเป็นจุณ ลิสเบ็ธสืบหาเจอว่าแก๊งนี้คือ “แก๊งแมงมุม” ซึ่งเกี่ยวพันกับ คามิลลา พี่สาวของเธอที่ไม่หน้ากันมา 16 ปี เท่ากับลิสเบ็ธกำลังเจอศึก 2 ด้าน จึงต้องขอความช่วยเหลือจาก มิคาเอล บลอมควิสต์ คู่หูเก่าและ พลาก ซี้เก่านักแฮคเกอร์มือฉมัง
สิ่งแรกที่อยากชื่นชมคือการพลิกบทบาทแบบหน้ามือเป็นหลังมือของ แคลร์ ฟอย นักแสดงสาวดีกรี 1 ลูกโลกทองคำนักแสดงนำหญิงจากซีรีส์ The Crown ที่เธอรับบทเป็นควีนอลิซาเบ็ธ ที่มากับภาพลักษณ์เจ้าหญิงที่ดูสง่ามีราศรี แล้วการที่มารับบทเป็นลิสเบ็ธ ซาลันเดอร์ มันคือตัวละครที่ต่างกันสุดขั้ว ลิสเบ็ธ เป็นสาวโฉด โหด ที่เต็มไปด้วยอดีตอันชอกช้ำมืดมน เกลียดสังคม เนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยสัก เจาะร่างกาย ดูดบุหรี่จัด และเป็นไบเซ็กชวล ก็ต้องบอกว่าถ้าฟังชื่อแต่แรกว่าแคลร์ ฟอย จะมาเป็นลิสเบ็ธ นี่เป็นตัวเลือกที่ไม่ใช่เลย และนึกไม่ออกจริง ๆ ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร แต่เมื่อได้ชมก็ต้องยอมรับว่าเธอคือนักแสดงมากความสามารถจริง ๆ สามารถถ่ายทอดความเป็นสาวกร้านได้อย่างน่าเชื่อ แล้วก็ต้องชื่นชมทีมผู้สร้างที่กล้าเลือกแคลร์ ฟอย มารับบทนี้
อีกคนที่ต้องชื่นชมคือ เฟเด อัลวาเรซ ผู้กำกับชาวอุรุกวัยที่ผลงาน 3 เรื่องหลังนี้ได้รับเสียงชื่นชมล้วน ๆ จากงานกำกับหนังสยองขวัญเรื่องสั้นที่ดุโหดจนเข้าตา แซม ไรมี ปรมาจารย์หนังสยองขวัญ ยอมให้มารีเมค Evil Dead ผลงานสุดรัก แล้วก็ต่อด้วย Don’t Breathe (2016) หนังฟอร์มเล็กแต่สุดระทึก แล้วฮิตจนใกล้จะได้ดูภาคต่อกันแล้ว การได้มากำกับ The Girl in the Spider’s Web ถือว่าเป็นงานท้าทายมาก เพราะนี่คือการมาสานต่อตำนานต่อจาก เดวิด ฟินเชอร์ ผู้กำกับระดับมาสเตอร์ของฮอลลีวู้ด และนี่เป็นผลงานระดับทุนสร้าง 43 ล้าน เป็นหนังทุนสร้างสูงสุดที่เฟเด อัลวาเรซ เคยกำกับมา
ใน The Girl in the Spider’s Web เฟเด ยังพ่วงหน้าที่เขียนบทร่วมกับ สตีเวน ไนท์ มือเขียนบทงานชุกอีกรายของฮอลลีวู้ด หนังเปิดเรื่องด้วยวีรกรรมของลิสเบ็ธ ที่เธอผันตัวเองมาเป็นซูเปอร์ฮีโร่ผู้ผดุงความยุติธรรม คอยลงทัณฑ์พวกคนร้ายที่ชอบทำร้ายร่างกายผู้หญิง แต่แล้ววีรกรรมยกระดับสังคมก็ถูกยุติอยู่แค่นั้น มาเข้าเรื่องราวตามล่าโปรแกรมไฟร์ฟอลล์ตามพลอตหลัก และด้วยเหตุที่ว่านี่คือภาคที่ 4 ของแฟรนไชส์ จึงไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ที่หนังจะต้องอิงเรื่องราวและตัวละครจากภาคก่อน ๆ เชื่อว่าผู้สร้างก็รู้ปัญหาข้อนี้ ก็พยายามปูความเรื่องราวในอดีตไว้ในช่วงต้นของหนังพอประมาณ ซ้ำร้ายหนังยังเปลี่ยนตัวละครหลักทั้งลิสเบ็ธ และ มิคาเอล อีกด้วย ด้วยภาพลักษณ์ของลิสเบ็ธนั้นมีความโดดเด่นอยู่แล้วทั้งหน้าตาและการแต่งตัว แต่กับบทของมิคาเอล ไนควิสต์นั้นได้ สเวอร์ กุดนาสัน ดาราชาวสวีเดนมารับบท ด้วยภาพลักษณ์ที่ดูสะอาดสะอ้าน แล้วหน้าตาอ่อนมากแม้จะเข้าวัย 40 ใกล้เคียงกับ แดเนียล เครกที่รับบทนี้ใน The Girl With The Dragon Tattoo (2011) แต่ดูแล้วสำอางเกินไปสำหรับบทนักหนังสือพิมพ์รุ่นใหญ่ผู้คร่ำหวอดในวงการ
ด้วยความที่เป็นหนังภาค 4 หนังจึงไม่เสียเวลาในการแนะนำตัวละครหลัก ทำให้หนังเดินหน้าไปอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะครึ่งแรกใช้แต่ละนาทีได้อย่างมีคุณค่ามาก เพราะตัวละครในภาคนี้ค่อนข้างมาก ขึ้นต้นเหมือนเรื่องราวจะดูซับซ้อนที่ลิสเบ็ธต้องอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างนักเขียนโปรแกรม หน่วยงานรักษาความปลอดภัยของสวีเดน หน่วยงานความมั่นคงของสหรัฐอเมริกา และแก๊งแมงมุมตัวร้ายรายใหม่ของแฟรนไชส์นี้ แต่ทุกอย่างก็ถูกคลี่คลายได้ง่ายดายในครึ่งหลัง น่าเสียดายมือสังหารของแก๊งแมงมุมที่หนังดูตั้งใจในการสร้างสรรค์ตัวละครนี้ให้เป็นจอมโหดของภาคนี้ ก็ไม่ถูกใช้ประโยชน์ได้อย่างที่ควร กลับถูกกำจัดทิ้งอย่างง่ายดายเกินไปเพื่อไปเน้นหนักกับตัว คามิลลา ซาลันเดอร์ พี่สาวของลิสเบ็ธแทน
แม้ว่าเฟเด จะคุมบรรยากาศของหนังให้หม่นได้ตามโทนของ The Girl With The Dragon Tattoo (2011) มีความตั้งใจแม้กระทั่งคุมโทนสีหนังให้มีแต่ ขาว-เทา-ดำ ทั้งฉากและเสื้อผาของทุกตัวละคร แล้วเลือกให้คามิลลา เป็นคนเดียวในเรื่องที่ใส่ชุดแดง เพราะเธอคือตัวละครหลักของภาคนี้ แม้ว่าภาพจะดูขึงขังจริงจังแต่เนื้อหาของ The Girl in the Spider’s Web กลับมีความเป็นแอ็คชั่นมากขึ้น ถ้าตัดเรื่องการทำความรู้จักตัวละครเดิม ๆ ไป หนังก็แทบไม่มีความซับซ้อนเลย เปิดช่องให้ใส่แอ็คชั่นได้มากขึ้น ฉากไคลแมกซ์ท้ายเรื่องที่บ้านในป่าลึกทำออกมาได้สนุก บทบาทของลิสเบ็ธขยับจากแฮ็คเกอร์สาวกลายเป็นอีสาวนักบู๊ไปแล้ว บทของเธอต้องต่อสู้ทั้งปืนและมือเปล่ามากขึ้น
สรุปได้ว่า The Girl in the Spider’s Web เป็นภาคที่ลดความซับซ้อนของเนื้อหาลง เป็นผลให้หนังค่อนข้างขัดใจกับแฟนเก่าที่ติดตามแฟรนไชส์นี้มายาวนาน แต่เชื่อว่าเจ้าของหนังก็ยอมเสี่ยงว่าเมื่อหนังเอาใจตลาดมากขึ้นอาจจะได้แฟน ๆ กลุ่มใหม่มามากขึ้น แล้วจะได้สานต่อแฟรนไชส์นี้ไปอีกยาวนาน ถ้าหนังประสบความสำเร็จทางทางผู้สร้างอาจจะย้อนไปรีเมคภาค 2 ภาค 3 ตามหลังมาก็เป็นได้