กลับมาอีกครั้งสำหรับงานหนังแนวบู๊แอ็คชันของ นิโคลัส เคจ พระเอกรุ่นพ่อในบทบาทของตำรวจเตรียมเกษียณแต่แล้วก็ต้องพบกับเหตุการณ์โจรกรรมครั้งรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์เมืองลอสแองเจลิส และเป็นงานที่หินที่สุดในอาชีพตำรวจของเขา ขณะที่พลอตเรื่องเดิมก็มาจากเหตุการณ์ปล้นบริษัทรักษาความปลอดภัยธนาคารอันดับหนึ่งของประเทศอย่าง Dunbar Armored ในปี 1997 และเป็นอีกครั้งที่เราจะได้เห็นลุงเคจมาพร้อมกับตัวละครที่แบกรับปมในใจไว้มากมาย
211 เป็นเรื่องราวของ ไมค์ แซนด์เลอร์ (นิโคลัส เคจ) ตำรวจมือเก๋าเตรียมเกษียณอายุราชการ ต้องตระเวนออกตรวจการณ์ร่วมกับ สตีฟ แมคอะวอย (ดเวย์น คาเมรอน) ตำรวจหนุ่มคู่หูแถมยังเป็นลูกเขยด้วย โดยคราวนี้มี เคนนี (ไมเคิล เรนนีย์ จูเนียร์) เด็กหนุ่มวัย 15 ปีที่เพิ่งถูกนำตัวมาบำเพ็ญประโยชน์จากเหตุทะเลาะวิวาทติดสอยรถมาด้วย อย่างไรก็ตาม ก็เกิดเหตุระเบิดกลางเมือง รวมทั้งมีการปล้นธนาคารโดยคนร้ายนิรนาม 4 นายที่เพียบพร้อมด้วยอาวุธสงคราม ขณะที่ฝ่ายตำรวจนั้นอยู่ในสถานการณ์ลำบากและเลวร้ายขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากในเวลานั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้รับอนุญาตให้พกพาอาวุธสงครามในการปฏิบัติภารกิจออกลาดตระเวน
หนังเรื่องนี้เป็นงานของผู้กำกับ ยอร์ค อเล็ค แช็คเกิลตัน ซึ่งที่ผ่านมาผ่านงานกำกับเชิงสารคดีค่อนข้างมาก ซึ่งจุดหนึ่งที่ 211 ทำได้ดีคือส่วนของการปูเรื่องราวแบ็คกราวน์ต่าง ๆ ของตัวละคร ดูรัดกุมและเก็บรายละเอียดได้ดี โดยเฉพาะส่วนของตัวผู้ก่อการร้ายที่ต้องบอกว่าโหดได้ใจกว่าที่คิด และอันที่จริงบทน่าจะส่งให้มากกว่านี้ด้วยซ้ำ ขณะที่ฝั่งตำรวจอย่าง ไมค์ กับ สตีฟ นั้นค่อนข้างน่าผิดหวังไปหน่อย หนังวาง ไมค์ ไว้ให้เป็นคนมีปมปูมหลังที่เจ็บปวดจากการเสียภรรยา แต่ระหว่างทางหนังไม่ได้ชูประเด็นนี้เลย ขณะเดียวกัน ก็ไม่ต้องคาดหวังว่าหนังจะเนรมิตให้ ลุงเคจ เป็นลุงเท่ ๆ แบบ เลียม นีสัน ดูทั้งเรื่องมายังไม่รู้สึกว่าหนังจะเปิดทางให้ลุงตำรวจใกล้เกษียณคนนี้ได้โชว์ลูกเก๋าเท่าไหร่เลย
สิ่งหนึ่งที่ 211 ยังพอทำได้ดีคือ พาร์ทความกดดันของหนังบีบคนดูได้ เพราะศักยภาพผู้ก่อการร้ายดูเหนือกว่า ดูคอนโทรลสถานการณ์ทั้งหมด ความเจ็บปวด สูญเสียดูรุนแรง หนังทำได้ค่อนข้างดีและนำพาคนดูมาถึงจุดที่ว่า เมื่อสถานการณ์ เริ่มรุนแรงบานปลายมากขึ้น ตำรวจจะแก้ปัญหาอย่างไร? ก่อนจะค่อย ๆ ดร็อปลงเรื่อย ๆ และน่าเสียดายที่ภารกิจ เป้าหมายของผู้ก่อการร้าย ในท้ายที่สุดไม่ได้เดินไปมากกว่าการปล้นแบงก์ ถือว่าน่าเสียดายมาก แต่เอาเข้าจริง นิโคลัส เคจ ก็ไม่ได้ฉายความเท่ ความเก๋า ออกมาให้มีออร่าระดับเอาหนังอยู่ ฉะนั้นแล้วหนัง 1 ชั่วโมงนิด ๆ ถือว่าค่อนข้างยาวแล้ว