จริง ๆ อยากจะใช้ชื่อว่าสารคดีที่พยายามขโมยฮิเดะ แต่ก็คิดว่าอาจจะแรงไป
นี่คือสารคดีที่ทำขึ้นในวาระครบรอบ 20 ปี ในวาระที่ มัตสึโมโตะ ฮิเดโตะ หรือ ฮิเดะ อดีตสมาชิกวง X Japan ได้จากไปในวันที่ 2 พฤษภาคม 1998 โดยได้ฉายในประเทศญี่ปุ่นเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ส่วนบ้านเราจะได้ชมรอบปกติในเดือนมกราคมปีหน้าเลย ด้วยความที่เป็นหนังในวาระรำลึกการจากไปมันจึงเป็นหนังที่เปิดช่องให้ภาวะล่องลอยอยู่ในภวังค์ของความทรงจำและความฟูมฟายของแฟน ๆ และผู้คนที่ยังระลึกถึงฮิเดะอย่างเต็มที่
แต่น่าเสียดายที่สารคดีเรื่องนี้มองโจทย์ผิดเป้าไปไกล เพราะเหมือนผู้กำกับอย่าง อิชิคาวะ โทโมจิ จะกลัวว่าการตามรอยฮิเดะเล่าฉากชีวิตและผลงานธรรมดาจะเฝือไป ซึ่งจริง ๆ ตัวสารคดีก็วางพื้นอยู่ในหนังขนบนี้ล่ะเพราะเต็มไปด้วยการสัมภาษณ์คนรอบข้างทั้งครอบครัว เพื่อนสนิท เพื่อนร่วมงาน และฟุตเทจที่ติดตามชีวิตประจำวันรวมถึงเมดเลย์ผลงานมิวสิควิดีโอมากมายของฮิเดะด้วย ซึ่งเพียงพอจะขยี้คนดูให้อินและฟูมฟายอีกครั้งได้สบาย ๆ อยู่แล้ว แต่อาจเพราะ 20 ปีที่ผ่านมานี้ มันไม่ใช่เรื่องใหม่เลยยิ่งกับเหล่าแฟน ๆ ฮิเดะด้วย
ผู้กำกับโทโมจิเลยต้องเล่นเสี่ยงกับการฉีกไปเล่าเรื่องอื่น
หนังจึงเปิดหัวด้วยการตั้งคำถามว่า ฮิเดะฆ่าตัวตายหรือเป็นอุบัติเหตุ และทำตัวเป็นหนังสารคดีแนวสืบสวนที่จะตามชีวิตช่วง 3 เดือนสุดท้ายของฮิเดะว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง โดยมีเพลง Hurry Go Round ที่เป็นเพลงสุดท้ายที่ยังไม่เสร็จดีในขณะที่อิเดะเสียชีวิต มาเป็นธงในใจว่านี่อาจเป็นจดหมายหรือข้อความลาตายของฮิเดะด้วย ซึ่งจริง ๆ ก็เป็นวิธีคิดที่น่าสนใจเพราะคงมีคนทั่วไปอีกไม่น้อยที่คาใจในการตายของฮิเดะ ทว่าตัวหนังก็เพียงแสร้งทำตัวเป็นนักข่าวที่จี้ถามนายก เพราะเอาจริง ๆ พี่แกเป็นโฆษกรัฐบาลมาแต่ต้นแล้ว หนังจึงแทบไม่มีข้อมูลฝั่งที่เชื่อว่าฆ่าตัวตายมายันให้คนดูร่วมตัดสินเลย หรือแม้แต่ความเห็นจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการฆ่าตัวตายที่เป็นกลางก็ไม่มี และอย่างน้อยที่สุดการจับต้องประเด็นที่มีแฟนคลับที่ฆ่าตัวตายตามฮิเดะในตอนนั้น ก็แทบจะถูกมองข้าม ทั้งที่เพื่อนญาติหรือครอบครัวของคนเหล่านั้นน่าจะมีมุมมองที่น่าสนใจไม่เบาทีเดียว ถ้าคุณจะตั้งโจทย์เอาจริง ๆ ว่าฮิเดะฆ่าตัวตายหรือไม่?
ในฐานะคนที่ชอบดูหนังสารคดีผมค่อนข้างโกรธตัวหนัง ที่ไม่ซื่อสัตย์จริงใจกับคนดู เพราะท้ายสุดแล้วการเล่นใหญ่ของหนังว่านี่จะมีคำตอบอันยิ่งใหญ่ที่ไม่มีใครบอกคุณมาตลอด 20 ปีนั้น หนังก็ไม่ได้ให้มุมมองใหม่ ๆ อะไรมากไปกว่าสิ่งที่แฟนคลับหรือคนที่เชื่อมั่นในตัวฮิเดะ ต่างมีคำตอบในใจดีอยู่แล้วเลย และโดยส่วนตัวที่มองอย่างเป็นกลางกับฮิเดะก็รู้สึกว่าหนังงี่เง่าอย่างมากในการพยายามทำความเข้าใจฮิเดะแบบไม่เนียน
และเมื่อมองผ่านสายตาแฟนคลับ ผมก็นึกโกรธอยู่ไม่น้อยที่คนที่เคารพจะมาถูกช่วงชิงตัวตนไป โดยเฉพาะการเอา ยูโมโตะ ยูมะ นักแสดงญี่ปุ่น (ซึ่งหาไม่เจอว่าดังอย่างไร) มาทำหน้าที่พิธีกรในการตามหาความจริงครั้งนี้ ซึ่งคงถูกวางมาว่าจะเป็นคนที่ไม่เคยรู้จักฮิเดะมาก่อนเพื่อให้เกิดความเป็นกลาง แต่ต้องยอมรับว่ายูมะเป็นพิธีกรที่ ห่วยมาก ในสารคดีตามหาความจริง เพราะแทนที่จะเปิดโอกาสให้คนเชื่อด้วยตัวเอง เขาคอยชี้ช่องฟันธงแทนฮิเดะอยู่ตลอดเวลา เช่นคำพูดว่า ผมคิดว่าม้าหมุนตรงนี้ต้องเป็นที่ทำให้ฮิเดะแต่งเพลงนี้แน่ ๆ แทนที่จะพูดว่า คุณคิดว่าม้าหมุนนี้คืออันเดียวกับที่อยู่ในเนื้อเพลงนั้นไหม? ซึ่งนักสารคดีที่ดี ๆ เขาทำกัน
การพยายามโยงเรื่องราวของ Hurry Go Round ให้มีความสำคัญอย่างผิด ๆ และมากเกินไปจน Wanna Be จะเป็น ศาสตราจารย์โรเบิร์ต แลงดอน แห่งวงการเพลง ความพยายามตื่นเต้นในสิ่งที่ไม่อินของยูมะจนปลอมเปลือก ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่สุดทน และมันก็เกิดขึ้นตลอดการเดินทางของหนังจนเริ่มคิดว่า ยูมะ จะโขมยหนังของฮิเดะเหรอ ซึ่งส่วนที่เจ็บปวดที่สุดก็ตอนที่ยูมะเป็นคนพูดเองในตอนหนังใกล้จบว่า ผมไม่ใช่แฟนฮิเดะ และเพิ่งได้มารู้จักเขา… มันดูทำให้หนังเหมือนเป็นกลางในตอนท้าย แต่ก็กลับตอกย้ำว่าที่เขาไปชี้นำไปแสดงความคิดแทนตั้งแต่ต้นเรื่องมา กับคนที่ไม่ใช่แฟนไม่ใช่ครอบครัวไม่ใช่อะไรสักอย่างของฮิเดะ ทำไมกล้าไปคิดแทนฮิเดะทั้งหมดขนาดนั้น เป็นจุดที่รู้สึกระเบิดขึ้นมาทันทีที่หนังมาถึงช่วงท้าย ยังไม่นับคำถามชี้ช่องที่ต้องการดราม่าแบบไม่จำเป็นเลยอย่าง ถ้าคุณย้อนเวลากลับไปได้คุณจะทำยังไง ตอนที่ฮิเดะตายคุณรู้สึกยังไง หรือถ้าฮิเดะฟื้นขึ้นมาได้หนึ่งวันคุณจะทำอะไร มันเป็นความหงุดหงิดเหมือนเวลาได้ยินนักข่าวถามแม่เหยื่อว่าลูกสาวตายรู้สึกเสียใจมั้ย เป็นคำถามงี่เง่าและไม่เกิดการประเทืองปัญญาใด ๆ เลย
ถึงจะหงุดหงิดในตัวสารคดี แต่ด้วยความเคารพต่อแฟนคลับของฮิเดะ ผมรู้สึกภูมิใจในความรักของผู้คนทั้งในจอและนอกจอ ที่ยังคงรักและคิดถึงฮิเดะที่แม้จะจากไปถึง 20 ปีแล้วก็ตาม ยิ่งในรอบพิเศษที่ถูกจองจากแฟนคลับจนแน่นโรงยันแถวหน้า และกิจกรรมที่แฟนคลับทำร่วมกันก่อนเข้าโรงนี้ ก็เป็นความรู้สึกซาบซึ้งไม่น้อย และการได้ฟังเพลง Hurry Go Round เสียฮิเดะที่อัดไว้และไม่เคยเปิดมา 20 ปี พร้อมกับอ่านเนื้อเพลงฮิเดะฉบับแปลไทยโดย พลากร ที่แปลหนังดี ๆ มาหลายเรื่องนั้นก็ถือเป็นสิ่งที่ดีที่สุดของวันแล้ว มากพอที่จะลืมความย่ำแย่ของยูมะและผู้กำกับโทโมจิไปได้เหมือนกัน
หนังสารคดีเรื่องนี้จะเข้าแบบจำกัดโรงในเครือ SF เช่นเดิมครับ รอดูประกาศโปรแกรมการฉายได้เลยในเดือนมกราคมปีหน้านี้