[รีวิว]Second Act : หนังฟีลกู๊ดให้กำลังใจคนทำงาน
Our score
5.2

second act : สาวแซ่บโปรไฟล์แสบ

จุดเด่น

  1. ตัวละครแวดล้อมทำหน้าที่สีสันได้ดี
  2. บทให้กำลังใจคนทำงาน

จุดสังเกต

  1. บทน้ำเน่า เวอร์วัง บังเอิญสุด ๆ
  2. มุกตลกสุดแป้ก
  3. ไม่มีอะไรน่าจุดจำ ดูที่บ้านก็ได้
  • ตรรกะ ความสมบูรณ์ของบท

    4.0

  • ความแปลกใหม่

    5.0

  • คุณภาพงานสร้าง

    6.0

  • ความสนุก

    6.0

  • ความคุ้มค่าตั๋ว

    5.0

สนับสนุนเนื้อหาโดย

หนังฟีลกู๊ดขายชื่อเจนนิเฟอร์ โลเปซ ในช่วงปลายของงานแสดง ที่เจ โล ยังคงรับบทนางเอกแม้จะเข้าวัย 49 ปีแล้ว แต่ก็เป็นบทของสาวสู้ชีวิตในวัย 40 กว่า ที่ไม่ลดวัยจากตัวจริงมากนัก เรื่องนี้เธอร่วมงานกับ ปีเตอร์ ซีกัล ผู้กำกับระดับตำนานที่มีผลงานคลาสสิกอย่าง 50 First Dates(2004)หนังในดวงใจของหลาย ๆ คน เรียกได้ว่าเรื่องนี้เป็นการรวมพลังของผู้กำกับและดารานำที่เคยรุ่งในยุคต้น ๆ 2000s

เจ โล รับบทเป็น มายา วาร์กัส ผู้ช่วยผู้จัดการในซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ เธอติดแหง็กอยู่กับตำแหน่งนี้มา 15 ปี และพยายามดิ้นรนเพื่ออนาคตทางอาชีพการงาน แม้ฝีมือและประสบการณ์จะเพียงพอ แต่ปัญหาติดที่ว่าเธอจบเพียงแค่ชั้นไฮสคูล ซึ่งไม่ผ่านคุณสมบัติข้างต้นสำหรับบุคคลระดับบริหารในองค์กรใหญ่ แต่แล้วหนุ่มน้อยดิลลี่ ลูกชายของโจน เพื่อนสนิทของมายาก็ถือวิสาสะปลอมเฟซบุ๊กและเรซูเม่ของมายาส่งไปสมัครงานที่บริษัทผู้ผลิตเครื่องสำอางระดับต้น ๆ ของสหรัฐ ประวัติของเธอไปเตะตาคลาร์ค เจ้าของบริษัท จึงตกลงจ้างเธอในตำแหน่งที่ปรึกษา แรกทีมายาไม่ยินดีกับการลวงโลกครั้งนี้ แต่ใจหนึ่งก็อยากจะพิสูจน์ประสบการณ์ความสามารถของเธอเอง ก็เลยลองดูสักตั้ง ถึงกับยอมสูญเสียคนรักที่คบกันมาหลายปีและรอที่จะมีลูกกับเธอ ด่านท้าทายแรกของมายาในตำแหน่งหน้าที่ใหม่คือลองคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ประกอบไปด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติล้วน ๆ แข่งกับทีมเก่าของบริษัทที่ปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์เดิมว่าสินค้าของใครจะทำยอดขายได้ดีกว่ากัน หนังเลยเข้าสูตรม้ารองบ่อนที่ต้องเอาชนะแชมป์เก่า ซึ่งผลลัพธ์ของหนังแนวนี้ก็รู้ ๆ กันอยู่แล้ว แต่สำคัญอยู่ที่การเล่าเรื่อง และทีเด็ดในการพิชิตคู่ต่อสู้ว่าจะเล่าออกมาได้เผ็ดมันส์แค่ไหน

หนังเล่ามาถึงตรงนี้ได้อย่างน่าติดตามและชวนเอาใจช่วยมาก แต่แล้วทันใดนั้น หนังก็แทรกพลอตรองเข้ามาหักอารมณ์ควั่บ ด้วยการเผยความสัมพันธ์ระหว่างมายากับอีกตัวละครหลักในเรื่องในแนวทางแบบคนเขียนบทละครค่ำบ้านเราต้องกราบ ว่าบทน้ำเน่าแบบนี้ฮอลลีวู้ดก็กล้าเขียนด้วยหรือ จากนี้โทนหนังที่ดูเป็น คอมมีดี้ในบรรยากาศออฟฟิศ ก็หักเลี้ยวเป็นดราม่าที่จริงจังขึ้น เรื่องการแข่งขันคิดผลิตภัณฑ์ใหม่ก็ถูกลดลงเป็นประเด็นรอง แต่ด้วยความรู้สึกที่ยังอึ้งค้างอยู่กับเรื่องราวพลิกผันของหนังขนาดนี้ ก็เลยไม่ได้รู้สึกอินร่วมไปกับสถานการณ์ของตัวละครเบื้องหน้า

ด้วยความที่หน้าหนังถูกนำเสนอในรูปแบบ ดราม่า – คอมมีดี้ บทหนังจึงพยายามสอดแทรกสถานการณ์ตลกมาเนือง ๆ แต่ก็ไม่ได้เสียงหัวเราะกลับไปเท่าใดนัก หลาย ๆ มุกดูแป้ก มีที่รู้สึกฮาได้จริงจังก็ฉากที่มายากำลังเชิดแล้วล้มหัวทิ่ม แต่ก็น่าเสียดายที่ถูกเอามาขายเสียตั้งแต่ในตัวอย่างหนังซะแล้ว พอเห็นในหนังก็เลยเหมือนดูซ้ำ ตัวละครรายรอบพยายามทำหน้าที่เป็นสีสันเพื่อเรียกเสียงหัวเราะอย่างมาก หน้าที่หลักไปตกอยู่กับ อาเรียนา ผู้ช่วยของมายา และ เชส นักเคมีวิเคราะห์ ที่ก็ทำได้แค่พอยิ้ม ๆ ไปได้บางฉาก แต่ที่น่ารักจริงคือก๊วนเพื่อนสาวของมายาที่ออกมากี่ครั้งก็สร้างรอยยิ้มได้ทุกครั้ง เป็นองค์ประกอบหลักที่ยังทำให้ Second Act พอเรียกได้ว่าเป็นหนังคอมมีดี้ได้อยู่

เจนนิเฟอร์ โลเปซ ถือว่ายังดูดีอยู่มาก ถ้าพิจารณาว่าเธออายุ 49 ปีแล้ว เป็นนางเอกที่ไม่ดูขัดตานัก แล้วก็เหมาะสมกับบท คอสตูมของหนังเป็นส่วนสำคัญของหนัง ที่เป็นสาวจากธุรกิจระดับล่างแล้วกลายมาเป็นผู้บริหารในบริษัทใหญ่ ก็ต้องมากับชุดที่ดูเริดเชิดหยิ่ง แล้วต้องขายสะโพกดินระเบิดจุดขายของเจ โล ได้ด้วย , ที่ดูขัดตาสักนิดก็คือไมโล เว็นติมิกเลีย ดาราหนุ่มที่เคยเกือบรุ่งจากบทนำในซีรีส์ฮิต Hero เมื่อปี 2006 ซึ่งไมโล อายุ 41 ปี ซึ่งห่างจากเจ โล ถึง 8 ปี ถึงแม้เจ โล จะยังดูดีแต่ก็เห็นว่าชายอ่อนวัยกว่ามาก , วาเนสซา ฮัดเจนส์ ในบท โซอี้ ลูกสาวของคลาร์ค ประธานบริษัท ซึ่งบทของเธอคือคู่แข่งตัวสำคัญของมายา ในการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ วาเนสซา มาในลุคเดิมเหมือนที่เคยเห็นมาทุกเรื่อง บทสาวใสมีเสน่ห์แต่ก็ผ่านไปแบบไม่มีอะไรน่าจดจำ เสียดายที่สถานะคู่แข่งตัวสำคัญของเรื่อง ถูกขัดจังหวะเสียตั้งแต่ต้น ๆ เลยไม่ได้ดูการขับเคี่ยวที่น่าจะทำให้หนังเข้มข้นกว่านี้ได้มาก

สุดท้าย Second Act ก็เป็นหนังที่ผ่านมาแล้วผ่านไป แบบไม่มีอะไรน่าจดจำ หนังไปได้ไม่สุดสักทางทั้งดราม่า คอมมีดี้ มีเพียงความรู้สึกฟีลกู๊ดที่ยิ้มให้กับตอนจบของหนังที่สดใสกับบทลงเอยที่สวยงามกับทุก ๆ ตัวละครหลัก อย่างน้อยหนังก็ได้ให้กำลังใจกับหญิงทำงาน โดยเฉพาะใครที่วัยแตะเลข 4 เช่นเดียวกับมายา ที่อยากจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าประสบการณ์ก็สอนคนสร้างคนให้มีความสามารถได้ ผู้บริหารไม่ควรพิจารณาจากประกาศณียบัตรเพียงอย่างเดียว พนักงานก็อยากก้าวหน้าในอาชีพการงาน เช่นเดียวกับองค์กรก็ต้องการหัวหน้างานที่มีทั้งความสามารถประสบการณ์และความมั่นใจ ถ้าไม่ให้โอกาสคนเก่าที่มีความกระตือรือร้น บางทีองค์กรก็ต้องเสียบุคลากรมือดีไปให้กับองค์กรอื่นก็เป็นได้

Play video