Our score
8.1หมอลำมาเนีย เขย่าลูกคอรอเธอมารัก
จุดเด่น
- หนังม่วนซื่นด้วยเพลงหมอลำเพราะๆตลอดเรื่อง
- มุกฮาจ๊วดจ๊าด ด้วยเฉพาะมุกแซว คสช.
- นางเอกเป็นตาฮักหลาย
- ก้องศิลป์ มีเสน่ห์ทั้งร้องทั้งปล่อยมุกได้ม่วนคักๆ
จุดสังเกต
- ใส่ปมให้ตัวละครมากเกินไป
- เรื่องรักสามเศร้าไม่ได้ปูไว้ตั้งแต่ต้น
- หลายเหตุการณ์ขาดที่มาที่ไป
- ซัพพลอตเข้าขั้นรก ไม่ได้สำคัญกับเรื่องเท่าใดนัก
-
หนังเพิ่นสิ..สมเหตุสมผลแล้วบ่
7.0
-
งานสร้างสิเฮ็ดดีบ่
8.0
-
ดาราช่วนม่วนบ่
8.0
-
มุกฮาชวนจ๊วดจ๊าด
9.5
-
คุ้มค่าปี้บ่
8.0
เดิมที หมอลำมาเนีย มีที่มาจากโครงการวิจัยของ นันทวุธ ภูผาสุข ที่ได้รับเงินทุนจากคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่นและกระทรวงวัฒนธรรมโดย นันทวุธ เหมาหน้าที่ทั้งเขียนบท กำกับ ถ่ายภาพและตัดต่อหนังเองทั้งหมดตามประสาคนทำหนังอินดี้โดยได้รับการสนับสนุนจาก ฟินวิ่วสตูดิโอที่มีผลงานสร้างหนังสั้นในภาคอีสานมามากมายและกู่แคนไทบ้านผู้สร้างงานศิลป์ที่นำโดย ก้องศิลป์ ฟ้าล่วงบน นักแสดงนำที่เป็นนักร้องวง กู่แคนสคูล เพลงหมอลำยุคใหม่ ซึ่งข้อดีหลักๆที่ผมมองเห็นเลยคือหนังสามารถผสมผสานการให้ความรู้เรื่องการร้องหมอลำที่มีความแตกต่างกันได้อย่างไม่ยัดเยียด โดยคนดูจะได้รับผ่านตัวละคร บักสเตอ ที่เป็นคนอีสานพลัดถิ่นแล้วได้กลับมาบ้านอีกครั้ง และกลอนลำแบบต่างๆก็ถ่ายทอดอย่างรู้จริงผ่าน บักอาจ และจารย์สิน ที่ทั้งเสียงร้องของก้องศิลป์และเสียงแคนของ ดร.ทวิทย์ สอดประสานกันได้อย่างลงตัวจนกลายเป็นฉากหนึ่งที่น่าจดจำในหนัง
พร้อมๆกับการสอดแทรกข้อมูลวิจัยอย่างทัศนคติการเปิดรับเพลงหมอลำของชาวอีสานที่คนรุ่นเก่ามองเพลงหมอลำรุ่นใหม่ไปในทางเสื่อมเสีย ซึ่งบทหนังก็ใช้ประโยชน์จากข้อมูลส่วนนี้มาสร้างปมขัดแย้งของเรื่องราวได้อย่างเหมาะเจาะลงตัว พร้อมๆกับบรรดาลูกบ้าที่ นันทวุธ ประเคนใส่คนดูทั้งการสร้างฉากแฟนตาซีกระดาษกระจายในการเจอกันครั้งแรกของครูจันกับบักสเตอ รวมถึงการตัดต่อและการเล่นกับเสียงประกอบในหลายๆฉากเพื่อสร้างความหฤหรรษให้กับเรื่องราวทำให้หลายฉากดูแล้วอดนึกถึงหนังอย่าง Suckseed ห่วยขั้นเทพ ไม่ได้เลย
แต่กระนั้นก็ใช่ว่าหนังจะไม่มีจุดบอดเสียเลยตรงกันข้ามหนังกลับมีช่องโหว่ในหลายจุดเลย ที่ชัดเจนที่สุดเห็นจะเป็นการที่หนังพยายามยัดเยียดปมหลายปมมากเกินไปแถมจัดการได้ไม่ดีเอาเสียเลยทั้งปมรักสามเศร้า หรือกระทั่งจุดใหญ่ที่สุดคือการรวบรวมนักดนตรีในวงหมอลำที่หนังเล่าได้ขาดความต่อเนื่องมากๆแถมบทสรุปยังไปหักล้างสิ่งที่หนังได้บอกข้อมูลไปก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง นอกจากนี้หนังยังไปเสียเวลาเล่าปมของตัวละครที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเด็นหลักของเรื่องทำให้หลายฉากหลายตอนขาดที่มาที่ไป แต่หนังก็เอาตัวรอดได้ด้วยสีสันของการแสดงและมุกตลกที่ได้ผลของหนังนั่นเอง
ว่ากันถึงนักแสดงคงต้องชื่นชมการมีอยู่ของ ก้องศิลป์ ฟ้าล่วงบน หมอลำหนุ่มผมยาวที่สามารถถ่ายทอดบทบาทบักอาจได้อย่างมีเสน่ห์ และยังได้โชว์เสียงร้องในเพลงประกอบหนังหลายเพลงที่ต้องบอกว่างานนี้ได้มีอินจนดูหนังจบต้องหามาฟังกันแทบไม่ทันแน่ๆ ส่วนนักแสดงสมบทอย่าง โอห์ม ทัศนีย์ นักร้องนำวง ทูพีลส์อาฟเตอร์มีล แห่งค่ายสมอลรูมก็รับบทบักสเตอได้รั่วดี ส่วน ดร.ทวิทย์ หรือ เน่า วงโปงลางสะออน ก็สามารถบรรเลงเพลงแคนได้อย่างเพราะพริ้งน่าฟังทั้งเรื่อง และเป็นอีกครั้งที่หัวใจของหนุ่มๆคงหลุดลอยไปอีสานอีกครั้งกับ น้องหญิง ปิยธิดา นางงามหลายเวทีที่มีรอยยิ้มพิมพ์ใจเหลือเกิน พูดง่ายๆว่าสวยไม่แพ้บรรดานางเอกหนังกลุ่มไทบ้านที่ผ่านมาแน่นอน
เอาเป็นว่า หมอลำมาเนีย เหมาะกับใครที่อยากหาหนังเบาสมองเคล้าเพลงหมอลำไพเราะๆดูคลายเครียด มิหนำซ้ำหนังก็ยังมีลูกบ้าในการคิดซีนแปลกๆทำให้หนังดูสนุกอยู่หลายซีนเหมือนกัน แม้ว่าหนังจะไปเสียคะแนนกับช่องโหว่ของบทหนังมากไปหน่อยก็ตาม
ข้อมูลประกอบการเขียน
ไปเขย่าลูกคอรอเธอมารักกับหมอลำมาเนีย คลิกซื้อตั๋วได้เลย