Our score
7.7ben is back : จากใจแม่ถึงลูก...เบน
จุดเด่น
- ไม่ใช่หนังเอาใจตลาดวงกว้าง
- ฝีมือการแสดงของจูเลีย โรเบิร์ต และ ลูคัส เฮดจ์ เยี่ยมยอดมาก
- ลีลาการเล่าเรื่องย้อนอดีต โดยไม่ต้องใช้ฉากแฟลชแบ็ค
จุดสังเกต
- เป็นหนังสาระ ความรักแม่ที่ต้องต่อสู้กับยาเสพติด ดูอยู่บ้านก็ได้
- หนังยังไม่สุดสักทาง ดราม่าก็ไม่ถึงกับเศร้า มีช่วงให้ชวนลุ้น แต่ก็ไม่ได้ไปถึงขั้นแอ็คชัน
- จบแบบอึ้ง ให้ไปคิดต่อเอาเอง
-
ตรรกะความสมบูรณ์ของบท
9.0
-
ฝีมือการแสดงของดารานำ
9.0
-
คุณภาพงานสร้าง
7.5
-
ความสนุก
6.0
-
คุ้มเวลาและค่าตั๋ว
7.0
ช่างเป็นเรื่องบังเอิญที่ค่ายหนังบ้านเรา นำหนังวัยรุ่นติดยา 2 เรื่องเข้าฉายต่อกัน เมื่อกลางเดือนก็เพิ่งมี Beautiful Boy ที่เล่าเรื่องพ่อผู้พยายามฉุดดึงลูกชายวัยรุ่นให้ออกจากวังวนยาเสพติด มาถึง Ben Is Back ที่เข้าฉายปลายเดือน มกรามคม ก็มาเล่าเรื่องราวฝั่งแม่ ผู้ยืนกรานจะเชื่อมั่นในตัวลูกชายว่าสามารถเลิกยาได้สำเร็จ ในขณะที่คนรอบข้างหมดศรัทธาความเชื่อมั่นในตัวเบนไปแล้ว
Ben Is Back เป็นหนังสายรางวัล เปิดตัวในเทศกาลโตรอนโต ฟิล์ม และตระเวณฉายโชว์อีกหลายเทศกาล ก่อนจะเปิดฉายแบบจำกัดโรงในอเมริกา เมื่อเดือนธันวาคม และอีกหลายประเทศ หนังเหมาะสำหรับคอหนังแนวดราม่าหนัก ๆ ชอบดูหนังขายการแสดง และบรรดาแฟนคลับของจูเลีย โรเบิร์ต ที่ระยะหลังรับงานน้อยลงมา ล่าสุดก็ Wonder เมื่อปี 2017 ก็รับบทแม่ผู้ให้กำลังใจลูกเช่นกัน เรื่องนี้เธอรับบทเป็น ฮอลลี่ เบิร์น คุณแม่ของ เบน ลูกชายวัยรุ่นที่เข้าออกสถานบำบัดเป็นว่าเล่น หนังเริ่มเรื่องและจบเหตุการณ์ทั้งหมดในวันคริสต์มาสอีฟ เมื่อจู่ ๆ เบนก็เซอร์ไพรส์แม่ด้วยการมาปรากฏตัวที่หน้าบ้าน ซึ่งเบนขอลากลับมาเยี่ยมบ้านในวันคริสต์มาส การมาของเบน สร้างความหนักใจให้กับนีล สามีใหม่ของฮอลลี่ และ ไอวี่ น้องสาวแท้ ๆ ของเบนเอง ที่ต่างก็หมดศรัทธาในตัวเบน จากบทสนทนาหนังสื่อให้เรารู้ว่าเบนผลาญเงินครอบครัวไปเยอะมาก กับการบำบัดหลายต่อหลายครั้ง การมาของเบนครั้งนี้คงเพียงแต่สร้างความปลาบปลื้มปิติกับฮอลลี่ได้เท่านั้น ในฐานะแม่ที่ยังคงเชื่อใจลูกชายอยู่เสมอ
ช่วงครึ่งแรกของหนังเล่าบรรยากาศภายในบ้าน ให้เราเห็นปฏิกิริยาของสมาชิกในครอบครัวที่มีต่อเบน บทหนังของปีเตอร์ เฮดจ์ ผู้กำกับที่เขียนบทเอง ฉลาดในการเล่าวีรกรรมเลวร้ายในอดีตของเบนให้ผู้ชมได้รับรู้ผ่านบทสนทนาในครอบครัว รวมไปถึงสาเหตุที่เบนติดยาและตัวต้นการ โดยไม่ต้องใช้ฉากแฟลชแบ็คแต่อย่างใด พอเข้าครึ่งหลังของหนัง อารมณ์ของหนังก็ขยับจากโทนดราม่าในครอบครัว มาเป็นตึงเครียดชวนลุ้นมากขึ้น เมื่ออดีตของเบนกลับมาคุกคามครอบครัวของเขาเองและบุคคลลึกลับก็ขโมยหมาของครอบครัวไป เบนมีโจทก์ในอดีตมากมาย ต้องออกไปตามหาว่าใครเอาหมาไป แต่แม่ซึ่งยอมไม่ได้ที่ลูกชายจะกลับไปพัวพันกับโลกมืดอีกครั้งจึงขอตามไปด้วย โทนหนังจึงกลายเป็นการผจญภัยของแม่กับลูกในคืนคริสต์มาสอีฟ เป็นครึ่งหลังที่มีปริศนาและความตื่นเต้นให้ชวนลุ้นน่าติดตามมากขึ้น
จูเลีย โรเบิร์ต ยังคงเปอร์เฟ็กต์ในบทแม่ผู้ให้กำลังใจ มีทั้งภาคของแม่ผู้รักลูกหมดใจ และมีภาคของแม่ที่เข้มงวดเกรี้ยวกราดให้ได้เห็น ลูคัส เฮดจ์ นักแสดงวัยรุ่นที่มากฝีมือและอนาคตไกล เพราะในวัย 20 ปี เขาก็ได้เข้าชิงออสการ์สาขานักแสดงสมทบยอดเยี่ยมจาก Manchester by the Sea (2016) มาแล้ว ทั้งจูเลีย และ ลูคัส ต่างก็ทำการบ้านนอกจอด้วยกันมาดี เพื่อให้ได้ภาพความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูกที่คนดูสัมผัสความรักระหว่างแม่ลูกบนจอคู่นี้ได้จริง ๆ ด้วยการแสดงของลูคัส ในฐานะตัวละครหลักของเรื่องก็ทำให้จับคนดูให้อยู่กับหนังได้ ลูคัสทำให้เบนเป็นเด็กหนุ่มที่มีทั้งความน่าเห็นใจและความน่าเคลือบแคลงออกมาในขณะเดียวกัน ความลุกลี้ลุกลนของเบน ผสมกับเรื่องราวหนหลังที่เขาโกหกคนในครอบครัวมาแล้วหลายครั้ง ทำให้เราต่างก็ไม่เชื่อถือในตัวเบนไปด้วย คอยสังเกตว่าเบนแอบไปเล่นยาตอนไหนอีกหรือเปล่า กลายเป็นว่าทั้งต้องลุ้นให้แม่ลูกตามหาหมาเจอ แล้วปลอดภัยทั้งคนทั้้งหมา แล้วยังต้องลุ้นกับหลาย ๆ สถานการณ์ทดสอบจิตใจของเบนที่เข้าไปใกล้ชิดกับยาอีกครั้ง
ปีเตอร์ เฮดจ์ ผู้กำกับที่มาจากสายเขียนบท มองย้อนไปถึงผลงานเขียนก่อนหน้าของเขา The Odd Life of Timothy Green ,Dan in Real Life , What’s Eating Gilbert Grape มักจะเล่าเรื่องราวปัญหาในครอบครัว และคนที่แปลกแยกจากสังคม เช่นเดียวกับ เบน ในเรื่องนี้ที่เป็นมนุษย์ที่เหมือนแกะดำในครอบครัว และชั่งน้ำหนักผิดชอบชั่วดีในใจตัวเองเสมอ ว่าจะยอมแพ้กับอิทธิพลของยา หรือจะต่อสู้เพื่อเอาชนะแล้วกลับมาหาแม่ที่คอยเขาอยู่เสมอ แล้วลูคัส ก็น่าจะถ่ายทอดตัวตนของเบน ได้ตามที่ปีเตอร์วาดภาพไว้ได้อย่างสมบูรณ์ ก็เป็นเรื่องน่าภูมิใจครับ ที่ปีเตอร์ เฮดจ์ ผู้พ่อที่เป็นทั้งนักเขียนและผู้กำกับที่เคยเข้าชิงออสการ์บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจาก About a Boy (2002) แล้วมาวันนี้ก็ได้กำกับลูกชายตัวเอง ที่มารับบทนำในหนังที่เขาเขียนและกำกับเอง เคยได้เข้าชิงออสการ์ทั้งพ่อทั้งลูก
Ben is Back ไม่ใช่หนังที่ขายความบันเทิง แต่มาทางสายรางวัลที่โดดเด่นทั้งงานแสดง ได้ดูการแสดงที่ยอดเยี่ยมทั้งจูเลีย โรเบิร์ต และ ลูคัส เฮดจ์ เป็นหนังที่ปลอดภัยให้สาระข้อคิด ดูได้ทั้งครอบครัว ได้สัมผัสถึงความรักของคนในครอบครัวที่มีคู่ต่อสู้แบบมีตัวตนทั้งนักเลงแก๊งค้ายา และคู่ต่อสู้ที่มองไม่เห็นเพราะความรู้สึกด้านร้ายในใจของเบนเองว่าเขาจะผ่านมันไปได้หรือไม่ หนังจบแบบปลายเปิด ชวนอึ้งมาก เพราะทิ้งคำถามถึงเรื่องราวต่อจากนี้ไว้ให้คนดูจินตนาการต่อเอาเองกับอนาคตก้าวต่อไปของเบน หนังเข้าฉายในโปรแกรม M Exclusive ฉายเฉพาะเครือเมเจอร์เท่านั้นครับ เช็ครอบและโรงฉายได้ด้วยการคลิกภาพด้านล่างนี้เลย