Our score
9.0KUSAMA INFINITY
จุดเด่น
- เรื่องราวของป้า ยาโยอิ น่าสนใจมาก
- ได้ดูงานศิลปะของป้าบนจอหนังคือ นิพพานที่แท้ทรู
- ดูแล้วได้พลังใจกลับมาเต็มเปี่ยม
จุดสังเกต
-
ความน่าสนใจของประเด็นในสารคดี
9.0
-
ความน่าสนใจของซับเจคต์
10.0
-
การร้อยเรียงเรื่องราว
9.0
-
ความสนุก
8.0
-
ความคุ้มค่าตั๋ว
9.0
จะว่าไปแล้วชีวิตของคุณป้ายาโยอิ ก็ไม่ต่างจากศิลปินดังๆคนอื่น แต่จุดที่ทำให้มันน่าสนใจคงหนีไม่พ้นการที่มันเป็นเรื่องของ ป้ายาโยอิ เองที่ปรากฎในฐานะซับเจกต์ของหนังด้วยผมสีแดงแรงฤทธิ์ก่อนเรื่องราวจะพาเราไปพบกับชีวิตในวัยเด็กและจุดเริ่มต้นของอาชีพศิลปิน ซึ่งสำหรับเรื่องราวในส่วนการเป็นศิลปินก็เข้มข้นมาก เพราะมันพาเราไปสำรวจทั้งวัฒนธรรมของญี่ปุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 การเมืองเรื่องครอบครัวที่ขนบแบบชายเป็นใหญ่บีบให้เธอต้องเลือกที่จะหนีจากญี่ปุ่นไปเสี่ยงดวงในนิวยอร์คก่อนจะพบความผิดหวังเมื่อสงครามเวียตนาม การกลับมาของริชาร์ด นิกสัน ส่งผลต่อที่ยืนในวงการศิลปะที่มีพื้นที่ให้เพียงศิลปินชายผิวขาวเท่านั้น แถมธรรมเนียมของแกลอรีในอเมริกายังไม่นิยมจัดแสดงงานเดี่ยวของผู้หญิงอีกด้วย ซึ่งแม้เรื่องราวในส่วนของการเป็นศิลปินจะดูหดหู่แต่สาระสำคัญคือการทำให้หัวใจนักสู้ของยาโยอิ ที่ไม่เคยยอมแพ้อะไรง่ายๆ ซึ่งเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับศิลปินรุ่นหลังเลยทีเดียว
และใครที่อยากเห็นงานป้ายาโยอิบนจอภาพยนตร์ไม่ควรพลาดเลย เพราะหนังเสิร์ฟงานเด่นๆของป้าให้เราชมกันจุใจ และแถมด้วยหนังทดลองที่ป้ายาโยอิ อาสาเป็นนางเอกเองด้วย โดยงานเด่นๆมีทั้งการแอบลักลอบจัดแสดงงานที่ เวนิส เบียนนาเล่ ที่เธอสั่งทำบอลกระจกแล้วเร่ขายลูกละ 1 เหรียญ เพื่อตบหน้าคนจัดงาน รวมถึงงานมาสเตอร์พีซทั้งประติมากรรมอ่อนเป็นโซฟาที่เต็มไปด้วยลึงก์ และ จุดกำเนิดของงานห้องกระจกที่เล่นกับแสงภายในห้องอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอ
อีกจุดที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือหนังพาเราไปสำรวจเรื่องราวของเธอผ่านภาพถ่ายคุณป้าในวัยแรกแย้ม ซึ่งไม่น่าเชื่อเลยว่าป้ายาโยอิสมัยสาวๆจะสวยมาก แถมหนังยังพาเราไปพบมุมกุ๊กกิ๊กน่ารักเมื่อเธอถูกศิลปินหนุ่มรุ่นใหญ่ตามจีบและได้คบหากันในระยะเวลาหนึ่ง ที่ป้ายาโยอิเล่าได้ออกรสออกชาติจนอยากให้ใครเอามาทำหนังเลยแหละ ฮ่าาาาา รวมถึงกิจกรรมแฮพเพนนิ่งเปลือยกายเพื่อต่อต้านสงครามและอคติทางเพศที่แสดงให้เห็นถึงความหัวก้าวหน้าของเธอที่กล้าพูดประเด็นต้องห้ามในที่สาธารณะแม้จะเสี่ยงต่อการถูกตำรวจจับก็ตาม