[รีวิว]VoxLux : ฉากหลังชีวิตซูเปอร์สตาร์
Our score
6.8

VoxLux : เกิดมาเพื่อร้องเพลง

จุดเด่น

  1. ชมการแสดงอันยอดเยี่ยมของนาตาลี พอร์ตแมน
  2. ฉากยิงกราดสังหารหมู่ในตอนเปิดเรื่องชวนช็อคมาก

จุดสังเกต

  1. ไอเดียล้นเหลือของผู้กำกับไม่ได้ช่วยเสริมสร้างอารมณ์และเนื้อหาของเรื่อง
  2. ไม่ใช่หนังที่สร้างเพื่อความบันเทิง
  • ตรรกะ ความสมบูรณ์ของบท

    7.0

  • ความสมบูรณ์ของงานสร้าง

    8.0

  • ความแปลกใหม่

    8.0

  • ความสนุก

    5.0

  • ความคุ้มค่าตั๋ว

    6.0

ผลงานล่าสุดของนาตาลี พอร์ตแมน ที่ไม่ใช่หนังเอาใจตลาดวงกว้างแต่เป็นหนังฉายโชว์ตามเทศกาลหนัง และมีรางวัลติดตัวมาพอประมาณ เป็นผลงานกำกับและเขียนบทเรื่องที่ 3 ของ เบรดี้ คอร์เบ็ต นักแสดงมากประสบการณ์ที่เปลี่ยนแนวมาเอาดีทางงานกำกับ แต่ก็ยังไม่ไม่ถึงจุดเปรี้ยง ผลงานยังไม่ได้เสียงตอบรับในระดับที่โดดเด่นนัก

สนับสนุนเนื้อหาโดย

ไอเดียการเล่าเรื่องของเบรดี้ น่าสนใจ ด้วยการจำลองชีวิตของเด็กสาวนาม”เซเลสต์”ขึ้นมาให้สอดคล้องกับเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นจริงบนโลกเรานี้ เซเลสต์ เป็นเด็กสาวที่เพียงรายเดียวที่รอดชีวิตจากเหตุกราดยิงในโรงเรียน เธอพักฟื้นในโรงพยาบาลอยู่นาน ช่วงที่พักฟื้นก็เลยได้ใกล้ชิดกับ”เอเลนอร์” พี่สาวมากขึ้น เอเลนอร์ สอนให้เธอเล่นคีย์บอร์ด และใช้แรงบันดาลใจจากเหตุระทึกขวัญครั้งนี้มาแต่งเป็นเพลง เซเลสต์นำไปร้องในพิธีไว้อาลัยให้ผู้เสียชีวิตซึ่งถ่ายทอดไปทั่วสหรัฐฯ กลายเป็นว่าเพลงนี้เกิดฮิต ส่งให้เซเลสต์กลายเป็นศิลปินป๊อปที่โด่งดังไปทั่วโลก

หนังกระโดดข้ามมาในอีก 18 ปีต่อมา ในวันสำคัญที่เธอกำลังจะขึ้นคอนเสิร์ตใหญ่ในคืนนั้น แม้ว่าสาวน้อยราฟฟีย์ แคสสิดี้ วัย 16 ปีจะเจอบทหนักที่ต้องรับบทเป็นเซเลสต์ในวัยสาว แล้วยังต้องรับบทเป็นอับเบอร์ทีน ลูกสาวของเซเลสต์ในครึ่งหลังของหนัง ที่ต้องประกบตัวแม่อย่างนาตาลี พอร์ตแมน ที่แบกรับครึ่งหลังของหนังไว้เองคนเดียว ซึ่งเธอก็ทำได้สมบูรณ์และทำให้โทนหนังในช่วงนี้หนักอึ้งอย่างเห็นได้ชัด กับปัญหาสารพันที่อัดแน่นเข้ามา เซเลสต์ ของนาตาลี พอร์ตแมน ต้องสื่อให้ผู้ชมได้รับรู้เรื่องราวในช่วงเวลา 18 ปีที่หนังกระโดดข้ามมาภายในเวลาไม่กี่นาที ให้ผู้ชมได้เข้าใจถึงปัญหาต่าง ๆ ที่เธอได้เผชิญและก้าวผ่านมาอย่างแข็งแกร่ง ส่งผลให้เธอกลายเป็นหญิงกร้าวอย่างที่อยู่บนจอในขณะนี้

บทหนังของเบรดี้ สร้างชีวิตของเซเลสต์ให้ผูกพันกับโศกนาฏกรรมใหญ่ ๆ ของโลกอยู่ตลอด ตั้งแต่เหตุกราดยิงในโรงเรียน และเธอก้าวเข้าสู่วงการในวันที่เกิดเหตุ 9/11 จนมาถึงวันสำคัญในปี 2017 ที่เธอกำลังจะมีคอนเสิร์ตใหญ่ มีผู้ชมถึง 30,000 คน แต่ในเช้าวันนี้ก็เกิดเหตุผู้ก่อการร้ายกราดยิงผู้คนบนชายหาดในอีกซีกโลกหนึ่ง ปัญหาคือเหล่าผู้ก่อการร้ายเลือกใส่หน้ากากตามมิวสิควีดีโอของเธอ ทำให้เธอถูกโยงเข้ากับเหตุกราดยิงอย่างเลี่ยงไม่ได้ บทหนังตอกย้ำให้เห็นว่าชีวิตของเธอต้องเดินไปบนเส้นทางที่เผชิญกับวิกฤตการณ์ตลอดเวลา ในเวลาไม่กี่นาทีคนดูก็สามารถจมลึกไปกับตัวตนของเซเลสต์และเข้าใจได้ถึงสถานะของศิลปินที่อยู่บนตำแหน่งสูงสุด ที่ชีวิตจริงไม่ได้อู้ฟู่หรือสวยหรูแต่ประการใด เซเลสต์ในวัย 31 ต้องทำหน้าที่แม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องดูแลลูกสาววัยรุ่นคอยระแวดระวังไม่ให้ถูกตราหน้าว่าเป็นเด็กใจแตกเหมือนอย่างเธอที่มีลูกตั้งแต่ยังวัยรุ่น เซเลสต์เก็บงำปัญหาที่ไม่ลงรอยกับเอเลนอร์พี่สาวมาตลอดแล้วสุดท้ายก็ต้องมีปากเสียงกัน ขณะเดียวกันก็ต้องทำหน้าที่คนของประชาชนให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่กระหายข่าวฉาวพยายามโยงเธอให้เกี่ยวข้องกับเหตุกราดยิง และยังต้องเปิดแถลงข่าวต่อหน้าทัพสื่อมวลชน

เบรดี้ คอร์เบ็ต : ผู้กำกับ และ 2 นักแสดงนำ นาตาลี พอร์ตแมน , จูด ลอว์

ต้องยอมรับว่าเบรดี้ สร้างสรรค์ชีวิตของเซเลสต์ขึ้นมาได้อย่างน่าสนใจ มีทั้งฉากหน้าที่เป็นป๊อปสตาร์ และฉากหลังที่เต็มไปด้วยปัญหาชีวิต ขณะเดียวกันเบรดี้ ก็แสดงอาการร้อนวิชาด้วยการใส่ไอเดียมากมายลงไปในหนัง มีเทคนิกการเล่าเรื่องที่แปลกตามากมาย กับการเล่าเส้นทางสู่ซูเปอร์สตาร์ของเซเลสต์ผ่านเสียงบรรยายกับภาพที่เร่งสปีดด้วยความเร็วสูงแต่ยาวนานหลายนาทีจนชวนเวียนหัว แล้วยิงซ้ำด้วยภาพแสงกะพริบสว่างวาบนจอเป็นเวลานาน หลายฉากก็เลือกที่จะแช่กล้องเป็นเวลานาน ๆ บางฉากก็เล่าแบบเร่ง ๆ ให้ผ่านไป ซึ่งเทคนิกต่าง ๆ ที่เบรดี้อัดใส่ลงไป ไม่ได้เป็นผลบวกกับตัวหนังเลย โดยรวมแล้วรบกวนสภาพสายตาและสมองมากกว่าที่จะสื่อความหมายในหนังให้ได้รับรู้ เป็นการเหยียบเบรกอารมณ์คนดูที่กำลังจะลงลึกไปกับตัวตนเซเลสต์อยู่แล้ว เห็นได้ชัดว่าเบรดี้ มีอิสระในการทำงานอย่างมาก เพราะงานที่ออกมาเป็นงานที่ตามใจผู้กำกับเป็นอิสระจากนายทุนอย่างแท้จริง ฉากที่ชวนจดจำมากที่สุดในเรื่องคือฉากเปิด 10 นาทีแรกของหนัง ที่เล่าเหตุการณ์กราดยิงได้อย่างน่าตกใจและโหดมาก ชวนให้คิดว่าถ้าเบรดี้ไปทำหนังตื่นเต้นสยองขวัญก็คงจะน่ากลัวไม่เบา

ดูเผิน ๆ หน้าหนังที่เล่าเรื่องราวของป๊อปสตาร์ ทำให้เข้าใจไปว่านี่คือหนังเพลง แต่เอาเข้าจริง VoxLux คือหนังดราม่าที่เล่าชีวิตหนัก ๆ ของป๊อปสตาร์ที่ต้องเผชิญปัญหาชีวิตสารพัน ผ่านการแสดงที่เยี่ยมยอดของนาตาลี พอร์ตแมน ที่เห็นได้ชัดว่าเธอทำการบ้านมาดีพร้อม และสามารถจบงานแสดงเฉพาะส่วนของเธอได้เพียงแค่ 10 วัน หนังมีเพลงแทรกเข้ามาในเรื่องราวเนือง ๆ แต่ไม่ได้เน้นหรือเล่นเพลงจนจบ แต่ก็มีฉากท้ายเรื่องที่เราได้ดูคอนเสิร์ตใหญ่ของเซเลสต์แบบยาว ๆ หลายเพลง ส่วนหนึ่งก็ต้องชื่นชมไปถึง เบนจามิน มิลลีพีด สามีตัวจริงของนาตาลี พอร์ตแมน ที่เป็นนักออกแบบท่าเต้นมืออาชีพ เลยได้งานออกแบบท่าเต้นให้นาตาลี ในเรื่องนี้ด้วยเลย ด้วยเสื้อผ้าหน้าผมและท่าเต้น ล้วนทำให้ภาพของเซเลสต์บนเวทีดูเป็นศิลปินเพลงป๊อปตัวจริง แม้เพลงของเธอจะสนุกสนานเป็นป๊อปแดนซ์แต่เนื้อหาในเนื้อเพลงก็เกี่ยวโยงกับปัญหาชีวิตและโศกนาฏกรรมอยู่ในทุกเพลง หนังเหมาะสำหรับคนรักนาตาลี พอร์ตแมนครับ ได้เห็นเธอในภาพลักษณ์แปลกใหม่ในเรื่องนี้

Play video