Our score
6.4blind : เล่ห์รักบอด
จุดเด่น
- ความรู้สึกดี ๆ ที่ได้เห็นนักแสดงรุ่นเก่ากลับมาบนจออีกครั้ง
- เดมี่ มัวร์ ยังสวยอยู่มาก , อเล็ค บอลด์วิน ยังดูหล่อมากสำหรับคนวัย 64
- ให้อารมณ์ความรู้สึกของหนังรักยุค 80s ได้ดี
- งานโปรดัคชั่นประณีตตั้งใจ
จุดสังเกต
- บทหนังราบเรียบ เดาจุดลงเอยได้หมด
- ไม่สามารถสร้างอารมณ์ร่วมกับความรักของพระนางได้
-
บทภาพยนตร์ ตรรกะ , ความน่าเชื่อถือ , เหตุผลรับส่ง
6.0
-
คุณภาพงานสร้าง
7.0
-
นักแสดง
7.0
-
ความสนุก
6.0
-
คุ้มเวลา : ค่าตั๋วหนัง
6.0
หนังรักโรแมนติก ที่ดึง อเล็ค บอลด์วิน และ เดมี่ มัวร์ พระนางจากยุค 80s ให้กลับมาร่วมงานกันบนจออีกครั้ง ให้แฟน ๆ หายคิดถึง ผลงานกำกับของไมเคิล เมลเลอร์ ผู้กำกับมือใหม่ แต่เป็นผู้อำนวยการสร้างมือเก๋า อยู่ในวงการมาตั้งแต่ยุค 90s มีผล งานอำนวยการสร้างมาแล้ว 30 กว่าเรื่อง แล้วยังดึงน้องชาย จอห์น บัฟฟาโล เมลเลอร์ นักแสดงชายผู้มีฝืมือในการเขียนบทมาเขียนบทเรื่องนี้ให้ด้วย
หนังมาในอารมณ์ถวิลหายุค 80s แบบสัมผัสได้ชัดเจน ทั้งงานภาพ ดนตรีประกอบ และแน่นอนนักแสดงนำทั้งเช็ต รวมไปถึงโปสเตอร์หนังที่บอกความเป็น 80s มาก หนังเปิดเรื่องด้วยการแนะนำให้คนดูรู้จัก มาร์ค และ ซูซาน คู่สามีภรรยาสุดไฮโซ มาร์คเป็นนักธุรกิจที่รวยมาก ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียง แต่ก็ใช้วิธีฉ้อฉลในการปั่นหุ้น ซึ่งท้ายสุดความแตกทำให้เขาต้องเข้าคุก ซูซาน โดนร่างแหไปด้วย แต่โดนลงโทษสถานเบาให้ทำงานช่วยเหลือสังคม 100 ชั่วโมง เธอเลือกที่จะทำงานอ่านหนังสือให้คนตาบอดฟัง และนั่นคือสาเหตุให้เธอได้รู้จักกับ บิล โอคแลนด์ นักเขียนนิยายชื่อดังที่ตาบอดจากอุบัติเหตุ แต่ยังสอนหนังสือเรื่องการเขียนวรรณกรรมอยู่ และต้องการอาสาสมัครมาอ่านงานเขียนของนักศึกษาให้เขาฟังทุกวัน
หนังเปิดตัวพระนางแบบละครไทยมาก ๆ พระเอกนางเอกเกลียดขี้หน้ากันเมื่อแรกพบ แต่ด้วยภาระหน้าที่ทางกฏหมายบังคับทำให้ ซูซาน ต้องจำยอมสู้หน้าบิลต่อไป หนังพยายามใช้เวลาที่เหลือจากนี้ในการปรุงแต่งความสัมพันธ์ของบิลและซูซาน ที่พัฒนาไปเป็นความรัก ระหว่างหญิงไฮโซกับชายตาบอด และเรื่องราวที่เล่าขนานไปคือการพยายามดิ้นรนออกจากคุกของมาร์ค ที่เริ่มสงสัยอากัปกิริยาของเมียที่เปลี่ยนไปจนต้องส่งลูกน้องไปตามสืบ เรื่องราวทั้งหมดและที่เหลือก็ถูกเล่าแล้วทั้งหมดในตัวอย่างหนัง ซึ่งบทลงเอยของหนังก็ไม่มีอะไรพลิกผันจากที่คาดเดา
บทหนังเล่าทุกอย่างเป็นเส้นตรง ไม่มีวิกฤตการณ์รุนแรง ให้ต้องเอาใจช่วยลุ้นความรักระหว่างบิลและซูซานมากนัก แม้ว่าบทจะปูทางถึงตัวตนของมาร์คได้อย่างน่ากลัว ในฐานะนักธุรกิจจอมโฉด มีการเรื่องราวของมาร์คให้ได้เห็นถึงความโหดด้วยการกระทืบเจ้าพ่อในคุก ส่งผลให้มาร์คดูน่ากลัวบวกกับความแค้นที่เมียคบชู้ สร้างความกังวลว่าบิลจะต้องเจอกับตัวร้ายที่น่ากลัว แต่สุดท้ายก็…….
ดีแลน แม็คเดอร์มอตต์ พระเอกร่างสูงโปร่ง ที่ช่วงหนึ่งในอดีตเขาเคยเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่จะเป็นเจมส์ บอนด์ มาแล้ว ดีแลน เหมาะมากกับมาดนักธุรกิจไฮโซ ที่แฝงความเจ้าเล่ห์ไว้ภายในอย่างรู้สึกได้ เสียดายที่บทไม่ปล่อยให้เขาร้ายได้เต็มที่ อเล็ค บอลด์วิน ในวัย 61 ถ้าไม่นับหุ่นที่อ้วนลงพุง ก็ถือว่ายังดูดีอยู่มากมีเค้าความหล่อหลงเหลือ เป็นพระเอกรุ่นใหญ่ได้ไม่น่าเกลียด อเล็ก เหมาะมากกับบทบิลนักเขียนเจ้าสำอาง ที่มีลีลาจีบสาวได้อย่างน่ารัก ส่วนเดมี่ มัวร์ ในวัย 51 เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นนักแสดงที่ดูแลตัวเองดีมาก ระวังทั้งหน้าทั้งหุ่นได้ยังเป๊ะสุด ๆ แม้ว่าใบหน้าจะมีริ้วรอยตามวัย แต่ก็ต้องยอมรับว่าเธอเป็นนางเอกสูงวัยที่คงความสวยไว้ได้สามารถโคลสอัปหน้าใกล้ ๆ ได้และเห็นความสวยชัดเจน
สิ่งสวยงามในหนังเรื่องนี้คือบรรยากาศของหนังที่พาคนดูรุ่นใหญ่ย้อนไปสัมผัสอารมณ์ความรู้สึกเหมือนได้ดูหนังรักยุค 80s อีกครั้งทั้งสไตล์การถ่ายภาพและดนตรีแจ๊สที่เป็นดนตรีประกอบหนังทั้งเรื่อง ได้เห็นพระนางที่เคยโด่งดังสุด ๆ ในอดีตมาควงคู่บนจอกันอีกครั้ง แต่สิ่งที่ไปไม่ถึงก็คือบทหนังที่เล่าได้ราบเรียบเกินไป ทำไม่ได้ทั้งในแง่โรแมนติกและตื่นเต้น ทั้งที่พลอตหลักก็เอื้ออำนวยได้พอสมควร เล่าทุกอย่างแบบรวบรัดในเวลา 1 ชั่วโมง 38 นาที ยังไม่ได้รู้สึกอินไปกับความรักของบิลและซูซาน ซึ่งก็ไม่ได้สร้างอารมณ์ร่วมให้อยากลุ้นไปกับความสมหวังของชู้รักคู่นี้เท่าใดนัก แม้ว่าหนังจะให้เวลาไปเกือบชั่วโมงกับเวลาที่ทั้งคู่ได้อยู่ด้วยกัน แล้วก็มาเหยียบคันเร่งใน 30 นาที ที่ใส่วิกฤตการณ์เข้ามาและคลี่คลายลงแบบง่ายดายและรวบรัด , จอห์น บัฟฟาโล ดูออกได้ว่าทำการบ้านกับหนังที่พระเอกเป็นคนตาบอดมาเยอะ ก็พยายามจะสอดแทรกสัมผัสพิเศษของชายตาบอดมาใส่ให้เป็นสีสันในตัวบิล ในเรื่องประสาทสัมผัสทางกลิ่นที่อยู่ในระดับเหนือมนุษย์ แต่ทำให้รู้สึกขัดกับช่วงเวลาที่บิลเพิ่งตาบอดมาได้ไม่กี่ปี แต่มีประสาทสัมผัสพิเศษอย่างกับคนตาบอดมาแต่กำเนิด ก็เลยดูจะเป็นการเสียเวลากับการเพิ่มเติมรายละเอียดตรงนี้ที่ไม่มีผลกับอารมณ์หลักของหนัง
มาร์คในฐานะตัวร้ายของเรื่องก็โหด แต่เลวได้ไม่สุดเพราะทั้งเรื่องหนังก็ยังถ่ายทอดให้เห็นความรักที่เขามีต่อซูซาน บอกรักตลอดเวลา ซื้อของขวัญแพง ๆ ให้ กอด หอมมืออย่างทนุถนอม มันก็เลยทำให้รู้สึกตะขิดตะขวงว่าถูกแล้วหรือถ้าซูซานจะทิ้งสามีมาหาชู้รักตาบอดคนนี้ ในส่วนของบิล หนังก็ยังมีความเคลือบแคลงที่หนังทิ้งไว้และไม่เฉลยอย่างชัดเจน ในนาทีที่บิลและภรรยาเกิดอุบัติเหตุว่าเขากำลังจะบอกอะไรกับภรรยาของเขา
ในขณะที่หนังเล่าเรื่องราวแบบราบเรียบ ส่วนที่พอช่วยพยุงหนังไปได้ ก็คือบรรดาตัวประกอบที่เป็นสีสัน ทั้งแกวิน หนุ่มผิวสีทั้งศรัทธาในตัวบิล โอคแลนด์ และอาสาสมัครมาอ่านการบ้านให้เขาฟัง แกวิน ได้เป็นทั้งผู้ที่มารับวิชาความรู้จากบิล ไปต่อยอดวิชางานเขียนที่เขารัก ขณะเดียวกันก็เป็นผู้ที่เปิดแง่คิดมุมมองใหม่ ๆ ให้กับบิลด้วยเช่นกัน เอลล่า เจ้าหน้าที่ประจำบีคอน ศูนย์ดูแลคนพิการทางสายตา ด้วยภาพลักษณ์เป็นสาวใส แต่พอถึงเวลาจริงจังเธอก็เฮี้ยบได้ผิดคาด เล่นเอาซูซานอึ้งไปเหมือนกัน ดูทั้งเรื่องประทับใจสาว เอเด็น เอ็ปสไตน์ หน้าใหม่รายนี้สุด ๆ หน้าเธอสวยเป๊ะปังมาก ๆ อีกจุดที่น่าชื่นชมก็คืองานโปรดัคชั่นที่เอาใจใส่กับฉากหลักทั้ง 2 ที่ คือบ้านของมาร์คและซูซาน ที่คุมโทนสีให้เป็นขาว-เทา-ดำ สร้างความรู้สึกแห้งแล้งไร้สีสันเสมือนชีวิตคู่ของพวกเขา แต่ตรงกันข้ามในห้องส่วนตัวของบิล แม้จะเล็กนิด แต่ก็มีหน้าต่างด้านหลังที่มีแสงแดดส่องเข้ามาให้รู้สึกอบอุ่นตลอดเวลา
สรุปได้ว่า Blind เป็นหนังรักที่เอาใจผู้ชมวัย 40 อัป ที่เคยผ่านยุครุ่งเรืองของพระนางคู่นี้มาแล้ว ได้มาสัมผัสทั้งเขาและเธออีกครั้งบนจอภาพยนตร์ กับเรื่องราวรักโรแมนติกน้ำเน่าหน่อย ๆ แต่ 1 ชั่วโมงครึ่งได้เห็นความสวยและหุ่นยังเป๊ะในวัย 50 ของ เดมี่ มัวร์ บนจอ และเสน่ห์ของอเล็ค บอลด์วิน ในวัย 64 ก็แก้คิดถึงได้แล้วครับ