Our score
6.8cadaver : ห้องเก็บศพ
จุดเด่น
- เคอร์บี้ จอห์นสัน ใช้ความสามารถพิเศษทำให้ผีฮันนาห์น่ากลัวขึ้นมาก
- การออกแบบห้องเก็บศพเพิ่มความน่ากลัวให้หนังขึ้นเยอะ
- ความน่ากลัวต้องดูบนจอใหญ่เท่านั้น
จุดสังเกต
- ขึ้นต้นเหมือนจะมาแนวสาวที่ติดอยู่กับผีในห้องเก็บศพ แต่ลงเอยเป็นหนังเชือด
-
ตรรกะความสมบูรณ์ของบท
6.0
-
บทบาทการแสดง
7.0
-
คุณภาพงานสร้าง
8.0
-
ความสนุก
7.0
-
คุ้มเวลา ค่าตั๋ว
6.0
หนังสยองขวัญฟอร์มเล็ก แต่ความน่ากลัวไม่เล็ก หนังออกฉายในบ้านเราและแถบอเมริกาใต้ด้วยชื่อ Cadaver ซึ่งเป็นชื่อดั้งเดิมในตอนถ่ายทำ แต่ในตลาดวงกว้างออกฉายในชื่อ The Possession of Hannah Grace ซึ่งตั้งตามชื่อหญิงสาวที่เป็นศพ และเป็นจุดเริ่มต้นความสยองของเรื่องนั่นเอง
ตามธรรมเนียมของหนังสยองขวัญมักจะไม่ยาวนัก Cadaver ก็มาด้วยความยาวของหนังเพียง 1 ชั่วโมง 26 นาที ไม่ถึงชั่วโมงครึ่งด้วยซ้ำ แต่นั่นก็เพียงพอกับช่วงเวลาตึงเครียดที่ลากกันยาว ๆ ของหนัง ที่กำหนดให้เหตุการณ์เกิดขึ้นภายในเวลาแค่คืนเดียวที่เมแกน รีด ต้องเผชิญกับความน่ากลัวของฮันนาห์ เกรซ , เมแกน เป็นอดีตตำรวจสาวที่พบกับความสะเทือนใจรุนแรงระหว่างปฏิบัติหน้าที่กับการต้องเสียคู่หูไปต่อหน้าต่อตา เธอทำใจไม่ได้ออกจากตำรวจแล้วก็หันเข้าหาเหล้าและยา ติดหนักจนต้องเลิกกับแฟนที่เป็นตำรวจ เมื่อเข้าบำบัดจนเลิกติดยาและเหล้าจึงหันกลับมาหางานทำ เมแกนอยากได้งานที่ไม่ต้องพบปะผู้คนมากนัก ผู้ให้คำปรึกษาส่วนตัวเลยแนะนำให้เธอมาทำงานพนักงานกะดึกประจำห้องเก็บศพโรงพยาบาลบอสตัน คืนแรกผ่านไปด้วยดี แต่แล้วคืนที่ 2 ศพที่ส่งเข้ามากลางดึก ก็เป็นศพของฮันนาห์ เกรซ สาวที่ตายระหว่างพิธีไล่ผี ร่างของเธอมาในท่าคุดงอ มีแผลฉกรรจ์ที่คอ และเอว ผิวหนังครึ่งร่างถูกเผาไหม้ และตั้งแต่ร่างของฮันนาห์มาถึง เหตุการณ์ชวนขนลุกที่หาคำอธิบายไม่ได้ก็เกิดขึ้นมากมาย
cadaver เป็นหนังที่ชวนขนลุกตั้งแต่ได้เห็นตัวอย่างหนัง ก็ถือว่าเลือกตัดฉากสยองมารวมเป็นตัวอย่างได้น่าสนใจถึงดูดความสนใขคอหนังผีได้เป็นอย่างดี แต่สิ่งที่มากกว่าตัวอย่างหนังก็คือตัวละครที่มากขึ้น ทั้งพนักงานขับรถ รปภ. กะดึก และ แอนดรูว์ อดีตแฟนของเมแกน ล้วนใส่เข้ามาให้เป็นเป้าหมายสนุกของฮันนาห์ทั้งนั้น หนังก็เลยไม่ได้มีแค่เมแกน และ ฮันนาห์ อย่างที่ตัวอย่างหนังทำให้เข้าใจ
หนังมีองค์ประกอบที่ชวนขนหัวลุกมากมาย การออกแบบห้องเก็บศพที่หม่นมาก ทั้งสีผนังและการตกแต่งที่เน้นสีเข้มช่วยให้บรรยากาศดูสยองมากขึ้น บวกกับไอเดียผู้กำกับที่อยากให้ห้องเก็บศพดูว่าง ๆ เวิ้งว้างจะช่วยเล่นกับบรรยากาศสยองได้มากขึ้น และองค์ประกอบที่ทำให้น่ากลัวขึ้นไปอีกคือระบบไฟอัตโนมัติตามทางเดินยาว ๆ ที่จะติดขึ้นเองเมื่อมีคนเดินผ่าน ก็เลยกลายเป็นจุดที่เอามาขยายเล่นในฉากสยองได้อีกหลายครั้ง ทำให้ห้องเก็บศพนี้กลายเป็นอีกตัวละครสำคัญของหนังเลย และหัวใจหลักของเรื่องก็คือตัว ฮันนาห์ เกรซ นั่นเอง ที่ได้เคอร์บี้ จอห์นสัน สาววัย 23 ที่มาแคสต์บทนี้เอง แม้ประสบการณ์แสดงจะไม่มากแต่ด้วยความสามารถพิเศษของเธอนั่นล่ะ ที่ทำให้เธอเหมาะกับบทฮันนาห์ ที่สุดแล้ว เพราะเคอร์บี้เป็นทั้งนักเต้น นักยิมนาสติก และนักกายกรรมดัดตน การได้เคอร์บี้มาร่วมงานทำให้กองถ่ายลดต้นทุนในการทำซีจีไปได้มาก เพราะทุกการปรากฏตัวของฮันนาห์ เกรซ ที่คลานไปมาทำท่าทางบิด ๆ งอ ๆ ทำแขนขาผิดรูปนั้นล้วนเป็นความสามารถของเธอล้วน ๆ ไม่ต้องใช้ซีจีช่วย ดูแววแล้วน่าจะมีงานรองรับเธออีกมากในอนาคต
หนังได้ ดีเดอริค แวน รูเจ็น ผู้กำกับจากเนเธอร์แลนด์ มารับหน้าที่ หลังจากที่เคยมี TAPED ผลงานสร้างชื่อในประเทศเมื่อปี 2012 ดีเดอริค ก็ย้ายครอบครัวมาเอาดีในฮอลลีวู้ดเลย แล้วก็ได้ประเดิมงานกำกับแรกกับ cadaver นี่ล่ะ ที่เขาเอาชนะคู่แข่งอีก 24 คนได้ ด้วยการได้นำเสนอผลงานเป็นคนแรก และทำหนังตัวอย่างมาเสนอเพียงแค่ 5 นาที แต่ได้ใจทีมงานมาก ผสมกับบทของไบรอัน ซีฟ ที่เล่าเรื่องราวได้ครบถ้วนในเวลาสั้น ๆ เริ่มจากบทความในหนังสือพิมพ์ที่เล่าเรื่อง หญิงสาวที่โดนคำสั่งศาลให้ไปทำงานในห้องเก็บศพ แล้วก็ถูกขยายมาเป็นบทของ cadaver นี่ล่ะ
ความสยองของ cadaver ไม่ได้มาในแบบตุ้งแช่ แต่นั้นบรรยากาศตึงเครียดเสียมาก กับความน่ากลัวของห้องเก็บศพในยามวิกาล ที่เมแกน ต้องอยู่เพียงคนเดียวในชั้นใต้ดิน หนังไต่ระดับความน่ากลัวขึ้นทีละนิด จากอิทธิฤทธิ์ที่ค่อยเผยมาเล็กน้อยของฮันนาห์ แล้วลงเอยด้วยการแผลงฤทธิ์แบบเต็มร้อย ที่ผิดคาดมากคือผีฮันนาห์ไม่ใช่ผีธรรมดาแต่เปรียบเสมือนวิญญาณที่ร้ายอันดับต้น ๆ จากนรก ที่พยายามใช้ร่างของฮันนาห์เป็นประตูมาสู่โลกมนุษย์ก็เลยมีอิทธิฤทธิ์มากกว่าผีธรรมดาที่โผล่มาให้ตกใจกลัว แต่ผีฮันนาห์ดุถึงขั้นเอาชีวิต หนังเล่าเรื่องราวแบบมีชั้นเชิงด้วยการเล่าเหตุการณ์ปัจจุบัน แล้วก็หาช่องในการสอดแทรกอดีตของเมแกน ขณะเดียวกันก็ค่อย ๆ เผยความเป็นมาของฮันนาห์เช่นกัน สิ่งที่น่าผิดหวังก็คือแทนที่จะเป็นเกมสงครามประสาทระหว่างเมแกน กับ ฮันนาห์ แต่สุดท้ายหนังก็ลงเอยในแนว “หนังเชือด” ที่ค่อย ๆ ใส่บรรดาตัวประกอบดวงซวยเข้ามาให้ทยอยเป็นเหยื่อของฮันนาห์ และการปรากฏตัวของฮันนาห์ที่ก้าวกระโดนพอควร จากที่โผล่มาหลอกแบบแวบ ๆ ให้คอยลุ้นสะดุ้ง แต่แล้วอยู่ดี ๆ ก็ออกมายืนโล่ง ๆ ให้เห็นกันจะจะไปเลย ถ้าให้ความสำคัญกับฉากเผยตัวตนได้เท่ ได้น่ากลัวกว่านี้จะน่าจดจำมาก
หนังออกฉายหลายประเทศไปเมื่อปลายปีที่แล้ว ด้วยทุนสร้างเพียงแค่ 7.7 ล้านเหรียญ ทำเงินไปแล้ว 42 ล้านเหรียญ ด้วยกำไรขนาดนี้ ก็มีแววว่าเราจะได้ดูภาค 2 กันนะ พอดูได้นะครับ ตอบโจทย์คอหนังผีได้ดี ได้ทั้งลุ้น ทั้งสะดุ้ง และที่สำคัญคืออยากให้ได้ชมความสามารถพิเศษของน้องเคอร์บี้ จอห์นสัน ผู้รับบทฮันนาห์ เกรซ เพราะเธอนี่ล่ะที่ทำให้ฮันนาห์มีดีกรีความน่ากลัวขึ้นเยอะเลย น่าสงสารที่ต้องเปลือยกายเล่นทั้งเรื่องเลยล่ะ