เรื่องย่อ
แซม (แอนดรูว์ การ์ฟิลด์) ชายวัย 33 ปีที่ใช้ชีวิตสนุกไปวันๆอย่างไม่มีจุดหมาย จนเมื่อเขาได้พบกับ ซาราห์ หญิงสาวลึกลับที่สระว่ายน้ำในอพาร์ตเมนต์ของเขาและตกหลุมรักเธอ แต่ในวันรุ่งขึ้นซาราห์ได้หายตัวไป แซมจึงลงมือทำภารกิจในลอสแองเจลิสเพื่อถอดปริศนาหาเบาะแสการหายตัวไปของเธอ ปริศนาเหล่านั้นนำพาเขาไปสู่เรื่องราวอันลึกลับและอื้อฉาวที่ซ่อนอยู่ในเมืองแห่งนี้…ด้วยเงื่อนงำจากหนังสือนิยายชื่อเรื่อง ใต้ทะเลสาบสีเงิน
ผลงานใหม่ของ เดวิด โรเบิร์ต มิตเชล ผู้กำกับที่น่าจับตามองมากที่สุดคนหนึ่ง เพราะเพียงผลงานเรื่องแรก The Myth of the American Sleepover (2010) เขาก็เข้าชิง รางวัลกล้องทองคำในเทศกาลเมืองคานส์ที่จะมอบให้ผลงานเรื่องแรกที่ดีที่สุดจากหนังที่ได้รับคัดเลือกเข้าฉายในเทศกาลทั้งหมด พอเรื่องถัดมา It Follows (2014) ก็สร้างความลือลั่นเข้าไปอีกเพราะเป็นหนังสยองขวัญแนวใหม่ที่หลอนไปทุกเวทีประกวด และกลายเป็นหนึ่งใน 10 หนังแห่งปี 2015 ของนิตยสาร Entertainment Weekly เลยด้วย และใน Under the Silver Lake เรื่องล่าสุดนี้ก็ได้เข้าชิงรางวัลปาล์มทองคำรางวัลใหญ่สุดของคานส์ในปีนี้ที่กำลังจะเกิดขึ้นเรียบร้อยแล้ว ซึ่งต้องบอกเลยว่าหนังโคตรเฮี้ยนระดับหนึ่งเลยล่ะ
จริง ๆ ต้องยอมรับว่านี่เป็นหนังที่รีวิวลำบากเรื่องหนึ่งทีเดียว ไม่ใช่ว่าดูไม่รู้เรื่อง หากแต่หนังหยอดรายละเอียดทั้งทีเล่นทีจริงไว้เยอะมาก เหมือนคนดูดปุ้นแล้วนั่งอ่านวิกิพีเดียเกี่ยวกับป๊อปคัลเจอร์ทุกหน้าทุกคำ ระหว่างดูก็ยังสารภาพกับตัวเองว่าเก็บได้ไม่หมดจริง ๆ เพราะหนังกวาดกิมมิกมาตั้งแต่ยุคหนังเงียบ หนังตำนานอย่าง Citizen Kane เรื่องมาถึง มาริลิน มอนโร ยาวมาถึงเคิร์ท โคเบน เลื้อยไปถึง แบ็กสตรีท บอยส์ คืออะไรของเพ่ครับเนี่ย 55555 เอาจริงคือเล่าเรื่องย่อต่อจากด้านบนจนจบหนังนี่ก็ไล่ได้ไม่ครบทุกซีนแน่ ๆ เพราะมีรายละเอียดเรียงร้อยกันเป็นทอด ๆ แบบตำนานเมืองที่ไร้เหตุผล แต่ก็สอดคล้องกันแบบรับกันในซีนที่ทิ้งปมไว้ก่อนหน้าอีก นี่มันหนังอะไรฟระเนี่ย
สิ่งที่ต้องชมอีกอย่างคือหนังผสมองค์ประกอบหลากหลาย ทั้งหนังอันหลากประเภท ทั้งแนวสืบสวน ทั้งดราม่า ทั้งตลก ทั้งสยอง ทั้งรัก ทั้งแอบเซิร์ด ทั้งเสียดสี แล้วก็ทำได้ดีในซีนของตัวเองด้วย อย่างฉากหนึ่งที่ตัวละครเดินกลับบ้านแล้วพบบางอย่างยืนขวางทางอยู่ หนังก็ปรับโหมดจากฉากธรรมดาไปสู่ฉากที่รู้สึกเสียวสันหลังได้แบบปุ่บปั่บ คือคนเล่าเรื่องต้องช่ำชองในหนังตัวเองจริง ๆ ถึงกล้าเล่นอะไรอย่างนี้ หรือการที่หนังใช้กลวิธีแบบหนังยุคโบราณในการถ่ายและตัดต่อก็แสดงถึงรสนิยมที่ดี ทั้งยังสะท้องภาพอันไร้กาลเวลาของหนังได้อย่างน่าสนุก
ส่วนผสมสำคัญที่แบกหนังทั้งเรื่อง ทั้งยังคอยเป็นแกนกลางให้คนดูได้ติดตามเรื่องราวถูก ต้องชื่นชม แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ จริง ๆ ยอมรับว่าดูแรก ๆ จำไม่ได้ว่านี่มันนายสไปเดอร์แมนหยองกรอดคนนั้นจริงดิ ถึงตัวละครจะเรียกว่าอยู่ในอาการเมาแทบตลอดทั้งเรื่องตั้งแต่ฉากเปิดยันฉากจบ แต่การ์ฟิลด์ก็ชั่งระหว่างความเมาทางกายภาพ (คือตัวละครเมาจริง) กับเมาสังคมเมาเชิงปรัชญาได้อย่างเด็ดดวง ลูกตลกหน้าตายลูกตลกร้ายก็ทำได้ดี และทำให้หนังมีรสหวานลอยในบรรยากาศเมา ๆ ผสมรสขมของธีมที่วิพากษ์วิจารณ์ยุคสมัย ทุนนิยม อำนาจนิยม ความนิยมอันบ้าคลั่งของผู้คน ได้อย่างดี
ที่ต้องติงคงมีเรื่องของความวาบหวิว โชว์เปลือยของหนังค่อนข้างเยอะไปหน่อย แล้วก็หนังอัดรายละเอียดเยอะมากตลอด 2 ชั่วโมง 19 นาที ดูแล้วเหนื่อยมาก คือดูรู้ล่ะว่ามันมีอีสเตอร์เอ้กหยอดไว้ทั่วไปหมด แต่น่าหงุดหงิดตัวเองที่เก็บได้ไม่หมด ไม่งั้นคงมันกว่านี้แน่ ๆ เพราะเท่าที่เก็บได้ก็โคตรมันสะแด่วแล้ว
คงไม่สามารถรีวิวให้มากไปกว่านี้ แต่อยากชวนให้ไปดูแล้วถกเถียงพูดคุยกับคนที่ดูมาเหมือนกันดูมากกว่า เชื่อว่าบางคนคงมองว่าหนังไม่สุดไปสักแนว แต่ความผสมปนเปนี่ก็เป็นคอนเซ็ปต์ของหนังที่สะท้อนผ่านวิธีเล่ามากกว่าตัวเนื้อหาด้วย สรุปว่าแม้หนังอาจไม่ชนะปาล์มทองคำปีนี้ แต่น่าจะเป็นสีสันที่แมสอินดี้แปลกประหลาดสำหรับคานส์ และผู้ชมอย่างเรา ๆ ได้อย่างแน่นอน
ใต้ทะเลสาบสีเงินไม่รู้มีอะไร แต่ใต้ข้อความนี้มีลิ้งก์ในรูปไปซื้อตั๋วด้วยล่ะ