Our score
6.0ออนซอนเด
จุดเด่น
- บรรดานักแสดงนำเล่นกันได้ลื่นไหล
- มุกอัดแน่นทุก 2 นาที หลายมุกก็ได้เสียงหัวเราะ
- ถ่ายทอดความสวยงามของภาคอีสานได้ดี
จุดสังเกต
- มุกทะลึ่งลามกไม่เหมาะกับเด็ก
- หนังขายความบันเทิง ห้ามคาดหวังสาระใด ๆ ทั้งสิ้น
-
ตรรกะ ความสมบูรณ์ของบท
5.0
-
คุณภาพนักแสดง
7.0
-
คุณภาพงานสร้าง
6.0
-
ความสนุก
6.0
-
ความคุ้มค่า เวลา ค่าตั๋ว
6.0
ผลงานเรื่องที่ 2 ของ 3 ศิลปินลูกทุ่งสายอีสาน เบิ้ล ปทุมราช , ก้อง ห้วยไร่ และ แซค ชุมแพ ต่อเนื่องจาก “ฮักแพง” ที่ออกฉายไปเมื่อปีที่แล้ว และประสบความสำเร็จไปพอควร เบิ้ล ก็เลยสานต่อโปรเจ็กต์นี้ และได้เพื่อนเก่าทั้ง ก้อง ห้วยไร่ และ แซค ชุมแพ กลับมาร่วมงานกันเหมือนเดิม พร้อมทั้งผู้กำกับคนเดิม พร้อมผู้กำกับ ธีรเดช สพันอยู่ ที่รู้มือรู้ใจกันมาก่อนจากเรื่องที่แล้ว มารอบนี้ เบิ้ล ปทุมราช มั่นใจถึงขนาดควักกระเป๋าออกทุนสร้างเองในนาม บริษัท แลนด์ ออฟ สไมล์ ฟิล์ม
หนังมาพร้อมกับเรื่องราวในสไตล์พื้นบ้านอีสาน เล่าเรื่องราวง่าย ๆ ไม่มีอะไรซับซ้อน โดย เบิ้ล ปทุมราช มารับบทเป็น “ต่ง” พระเอกของเรื่องหนุ่มเลือดร้อนประจำตำบล ที่ไปถูกออกถูกใจ “แพทตี้” สาวสวยที่เพิ่งกลับมาจากเมืองกรุง ในขณะเดียวกัน “ดอกหญ้า” บทของ ธัญญ่า อาร์สยามสาวบ้านเดียวกันก็หลงรักต่ง แต่ต่งกลับไม่สนใจ จนกระทั่ง “ยุทธ” ชายหนุ่มจากเมืองกรุงฯ มาเที่ยวที่หมู่บ้านแล้วโดนโจรล้วงกระเป๋าไป ดอกหญ้าช่วยดูแลยุทธ พายุทธไปฝากกับหลวงตาที่วัด ทำให้ยุทธต้องอยู่ค้างแรมที่หมู่บ้านต่ออีกหลายวัน แล้วได้ใช้ความรู้เรื่องการตลาดมาช่วยกิจการปลาร้าของครอบครัวดอกหญ้า ด้วยความใกล้ชิดของดอกหญ้าและยุทธ ทำให้ต่งที่อกหักจากแพทตี้ เริ่มกลับมามองดอกหญ้าและเกิดอาการหึงหวง หนังยังเล่าเรื่องราวอีกคู่ระหว่าง “รวย” เพื่อนรักของต่ง ที่ไปหลงรัก “มะลิ”คุณหมอคนสวยที่เพิ่งมาประจำการที่อนามัยอำเภอ ที่ก็ต้องพยายามใช้ความจริงใจเพื่อชนะใจคุณหมอคนสวย
โทนหนังต่างจาก “ฮักแพง” เรื่องก่อนหน้าที่เน้นเพลงของทั้ง 3 ศิลปินที่มาแสดงนำเป็นหลัก แต่มารอบนี้เดินหน้ากันแบบคอมมีดี้ล้วน ๆ เน้นเล่นมุกขำกันแบบเอาเป็นเอาตาย ยิงมุกแบบถี่ ๆ ทุก 2 นาที ทั้งมุกที่จิกกัดกันในบทสนทนา และที่เน้นเล่นกันมากคือมุกแบบเจ็บตัว หกล้ม ตกน้ำ ร่วงหลังคา และที่ขาดไม่ได้คือ มุกผี โดยคนที่รับหน้าที่ตัวโจ๊กหลักของเรื่องก็คือ “ก้อง ห้วยไร่” ที่มาในฐานะเพื่อนพระเอกตัวชงมุก ในขณะที่เบิ้ล มาในฐานะพระเอกสายหล่อ ก็เลยต้องมาในมาดเก๊ก ขรึม แทบทั้งเรื่อง
อีกรายสำคัญคือ เรียว เชฟแดนปลาแดก เด็กน้อยที่มารับบทเป็น “เดียว” น้องของรวย ก็ทำหน้าที่เรียกเสียงหัวเราะได้มาก มาในมาดเด็กแก่แดด ที่คอยแซวคอยเผาพวกพี่ ๆ อยู่ทุกเมื่อ ในขณะเดียวกัน “เดียว”ก็เป็นต้วอันตรายของหนัง ที่ต้องเตือนกันว่า “ไม่ควรพาเด็กไปดู” เหตุจากมุกแก่แดดเกินตัวของเดียวเนี่ยแหละ ที่บทเขียนให้เดียวคอยตามจีบน้อง”ตีตี่”เด็กผู้หญิงตัวน้อยในเรื่อง แต่มุกที่เดียวจีบจะออกไปทางลามก หื่น กาม เกินเด็ก ซึ่งตีตี่สาวน้อยก็รับมุกต่อปากต่อคำได้ทันท่วงทีเสมอ ในฐานะผู้ใหญ่ดูไปก็ขำดี กับมุกทะลึ่งแบบนี้ แต่ถ้าเด็กในวัยเดียวกับน้องเดียว และ ตีตี่ เห็นเด็กบนจอเล่นมุกตลกลามกแล้วได้เสียงหัวเราะจากผู้ใหญ่ก็คงคิดว่าเป็นเรื่องดีงาม กลายเป็นเอาแบบอย่าง ก็ไม่เป็นการสมควรนะครับ , ส่วนบท “ยุทธ” ที่ได้ แน็ก ชาตรี มารับบทก็เป็น หนุ่มหล่อจากเมืองกรุง รูปงาม น้ำใจดี มีความรู้ มาในรูป แบบมาตรฐานของชายที่เป็นมารหัวใจของพระเอกในหนังและละครไทย ส่วนแซค ชุมแพ ในบท “อ๊อดแอ๊ด”นี่ไม่มีอะไรให้พูดถึงมากเลย เพราะเป็นหัวหน้าแก๊งวายร้ายของเรื่อง โผล่มาทีไรก็ไล่กระทืบแก๊งพระเอกอย่างเดียว ตามประสาคู่ปรับจากต่างหมู่บ้าน
สิ่งที่น่าชื่นชมก็คือบรรดานักแสดงนำที่ล้วนเป็นนักร้อง แต่เมื่อมาสวมบทนักแสดง ก็ต้องชื่นชมว่าทุกคนทำได้ดี เล่นกันได้ลื่นไหลเหมือนกับนักแสดงมืออาชีพ มีที่ไม่ผ่านคนเดียวคือ ซาร่า เสาวลักษณ์ นางเอกใหม่หน้าลูกครึ่งที่มาจากเวทีประกวดนางงามหลายเวทีมารับบทเป็น “มะลิ” คุณหมอที่เป็นที่หมายปองของรวย , อาจจะด้วยความสำเร็จของ “ฮักแพง” เรื่องก่อนหน้า และตัวเบิ้ล ปทุมราช ที่น่าจะเป็นที่รักใคร่ของพี่น้องร่วมวงการ ทำให้ “ออนซอนเด” กลายเป็นหนังรวมดาวทั้งวงการตลก และวงการเพลงลูกทุ่ง ที่มีนักแสดงรับเชิญเยอะมาก นับว่าเป็นสีสันที่ดีของหนัง ที่มีบรรดานักแสดงออกมาแจมคนละนิดคนละหน่อยเยอะมาก น้าค่อม ชวนชื่น และ โรเบิร์ต สายควัน มารับบทเป็นหลวงตา และ ลูกศิษย์วัดตัวแสบ ที่สร้างเสียงหัวเราะได้อย่างดีเหมือนเคย โน้ต เชิญยิ้ม และ เขาทราย แกแล็กซี่ ก็โผล่มาแจมเล็กน้อย ด้านนักร้องลูกทุ่งก็มรุ่นลายครามมาร่วมแสดงทั้ง ศิรินทรา นิยากร และ สุนารี ราชสีมา และ บัวผัน ทังโส เป็นรายเดียวในเรื่องที่ได้มาโชว์เพลง
อีกจุดที่อยากชื่นชมก็คืองานถ่ายภาพ แสดงให้เห็นเจตนาดีของทีมงานผู้สร้างที่แฝงมาในหนัง กับการถ่ายทอดทัศนียภาพความงามของภาคอีสาน หนังใช้กล้องโดรนในหลาย ๆ ฉาก ให้เห็นความงามของทุ่งนา ชะง่อนผา พระธาตุฯอะไรก็ไม่ทราบชื่อ แต่ทุกฉากที่เน้นภาพมุมกว้างก็ได้ความประทับใจถึงทิวทัศน์ที่สวยงามแปลกตา และสิ่งที่ตามมาก็น่าจะสร้างความใคร่รู้จากผู้ชมว่าหนังไปเสาะหาโลเคชั่นจากที่ไหนมาถ่าย ส่งผลต่อเนื่องถึงการท่องเที่ยวภาคอีสานตามรอย “ออนซอนเด” ก็นับว่าเป็นเจตนาอันดีงามของผู้สร้างที่แฝงมาโดยไม่ได้พยามอวดอ้างเอาความดีความชอบแต่อย่างใด
สรุปได้ว่า “ออนซอนเด” เป็นหนังอารมณ์ดี ที่ได้เสียงหัวเราะเกินคาด ได้เห็นความสามารถทางการแสดงของนักร้องลูกทุ่งที่มีฝีมือการแสดงได้เทียบเท่านักแสดงมืออาชีพ ได้เห็นทัศนียภาพสวย ๆ ของภาคอีสาน เป็นหนังที่เหมาะเข้าไปคลายเครียดจริง ๆ หลาย ๆ มุกได้เสียงหัวเราะดัง ๆ ลั่นโรง บนเส้นเรื่องที่เรียบง่าย สไตล์ละครหัวค่ำบ้านเรา พ่อแง่แม่งอน มีตัวร้าย ตัวอิจฉา มากันครบ จบแฮปปี้เอนดิ้งแบบไม่เกินคาดเดา หนังเข้าถึงกลุ่มผู้ชมได้ทุกภาค ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นคนภาคอีสานก็สนุกได้ แม้หนังจะพูดอีสานกันทั้งเรื่อง ก็มีซับไตเติ้ลแปลตลอด ให้ความรู้สึกเหมือนดูหนังต่างชาติแล้วต้องคอยอ่านซับแบบนั้นเลย