Our score
7.4long shot : นายโคตรแน่ ขอจีบตัวแม่หน่อยนะ
จุดเด่น
- ชาลิซ เธียรอน สวย สง่า มีเสน่ห์ เหมาะสมกับบทสุด ๆ
- มุกอัดแน่น ยิงถี่ ๆ ได้เสียงหัวเราะตลอดทั้งเรื่อง
- แอนดี้ เซอร์คิส คือความเซอร์ไพรส์ของเรื่อง
- มีหักมุมเล็ก ๆ ท้ายเรื่อง ลงเอยให้ได้ยิ้มตาม
จุดสังเกต
- การพิชิตใจชาร์ลอตต์ ฟิลด์ ดูง่ายไป ไม่ได้เห็นความพยายามเลย
- เป็นหนังที่เน้นบทสนทนา ซับวิ่งเร็วมาก อ่านให้ทันล่ะ
-
ตรรกะ ความสมบูรณ์ของบท
6.0
-
คุณภาพนักแสดง
8.0
-
คุณภาพงานสร้าง
8.0
-
ความสนุก
8.0
-
คุ้มเวลา ค่าตั๋ว
7.0
ผลงานเรื่องล่าสุดของผู้กำกับโจนาธาน เลวิน ที่สร้างชื่อมาจาก 50/50 (2011) และ Warm Bodies (2013) ที่ตัวละครหลักในหนังของโจนาธานยังคงเป็น ชายที่มีอุดมการณ์สุดโต่งและมีความยึดมั่นถือมั่นในความเชื่อของตน แม้บางครั้งมันจะไม่ถูกต้องนัก จาก อดัม หนุ่มวัย 27 ที่พบว่าตัวเองเป็นมะเร็งที่กระดูกสันหลัง แต่กำลังใจดีและพยายามฮึดสู้เพื่อเอาชนะมะเร็งให้ได้ มาถึง R ซอมบี้ ที่ใช้ความซื่อพิสูจน์ความจริงใจต่อสาวสวยว่าแม้ร่างกายเขาเป็นซอมบี้แต่ก็ยังมีหัวใจ และล่าสุด เฟรด นักข่าววัย 41 ที่มาพร้อมภาพลักษณ์ซกมก หนวดเครารุงรัง และแต่งตัวได้ไร้รสนิยมสุด ๆ แต่ก็ยึดถืออุดมการณ์สุด ๆ เช่นกัน ถึงกับยอมลาออกจากงานที่กำลังรุ่งโรจน์ เหตุเพราะหนังสือพิมพ์ถูกนายทุนที่เขาเกลียดเพราะไร้คุณธรรมซื้อไป
บทเฟรด ฟลาร์สกี้ ได้เซ็ธ โรเจ็น ดาราตลกร่างท้วมขาประจำของผู้ประกบโจนาธาน เลวิน มารับบท ซึ่งเซ็ธ ก็ถ่ายทอดบุคลิกลักษณะของเฟรด ออกมาได้เหมาะสมและชัดเจน หลังเป็นคนว่างงานเฟรดได้มาคลุกคลีกับแลนซ์ เพื่อนรัก แลนซ์พาเฟรดไปงานปาร์ตี้ และที่นี่เขาได้พบกับ ชาร์ลอตต์ ฟิลด์ รัฐมตรีกระทรวงต่างประเทศ ซึ่งเธอเคยเป็นพี่เลี้ยงดูแลเขาเมื่อตอนอายุ 13 ปี เมื่อได้กลับมาเจอและพูดคุยรื้อฟื้นอดีตทำให้ทั้งคู่สานต่อกันติด และประจวบเหมาะที่ชาร์ลอตต์ กำลังลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในสมัยถัดไป เลยชวนให้เฟรดมาเป็นคนเขียนคำปราศัยให้เธอ ด้วยเหตุนี้กลับกลายมาเป็นโอกาสอีกครั้งของเฟรดให้พยายามสานฝันให้เป็นจริงอีกครั้ง กับสาวในฝันของเขาสมัยยังไม่แตกหนุ่ม
ด้วยเนื้อหาที่มีตัวละครหลักเป็นนักการเมืองและนักข่าว หนังเลือกมือเขียนบทได้ตรงกับแนวหนังมาก แดน สเตอร์ลิ่ง ที่มีผลงานมาแล้วกับ Southpark และ king of the hill ทีวีซีรีส์การ์ตูนตลกลามก เสียดสี และ ลิซ ฮันนาห์ ที่เคยเขียนบท The Post หนังในแวดวงหนังสือพิมพ์ ทำให้ Long Shot อัดแน่นไปด้วยมุกที่ส่วนใหญ่ออกมาจากปากของ เฟรด ฟลาร์สกี และเป็นมุกในแนวจิกกัด ประชดประชัน แต่ก็ล้วนได้เสียงหัวเราะกลับไปแทบทุกประโยค กลายเป็นหนังที่มีฉากหน้าเป็นคอมมีดี้ และมีฉากหลังเป็นแนวการเมือง ก็ต้องยอมรับว่ามุกที่ระดมใส่มาอย่างอัดแน่นทำงานได้ดี และทำให้หนัง 2 ชั่วโมงเรื่องนี้ เดินหน้าไปอย่างลื่นไหล เชื่อว่าหลายคนจะต้องประทับใจกับฉากที่ชาร์ลอตต์ ต้องเผชิญวิกฤตการณ์ต่อรองกับประเทศมหาอำนาจในตะวันออกกลางให้ปล่อยตัวประกัน ที่ทั้งลุ้นทั้งฮา
บทหนังทำได้ดีในการกำหนดบุคลิกลักษณะตัวละครอย่าง เฟรด ฟลาร์สกี และ ชาร์ลอต ฟิลด์ ที่ทำให้คนดูรู้จักตัวตนของทั้งสองได้ในเวลาไม่นาน และสิ่งที่คนดูสัมผัสได้คือความแตกต่างกันสุดขั้วของทั้ง 2 เช่นเดียวกับชื่อหนังทั้งไทยและอังกฤษ “Long Shot”ที่แปลว่า การยิงระยะไกล หรือโอกาสที่เป็นไปได้ยาก และชื่อไทยคือ “นายโคตรแน่ ขอจีบตัวแม่หน่อย” ซึ่งล้วนแล้วแต่บรรยายถึงความหวังสูงของเฟรดที่หวังจะพิชิตใจชาร์ลอต ฟิลด์ ที่เธอเป็นถึงขั้นว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่
แต่แล้วหนังที่ปูทางมาแบบนี้ สร้างภาพให้คนดูเข้าใจว่านี่คือ หนังคอมมีดี้หมาวัดหวังเด็ดดอกฟ้า แต่เนื้อหาหนังกลับ”ไม่มี”ฉากเหล่านี้ให้เห็นเลยแม้แต่น้อย ไม่เห็นว่าเฟรดจะพยายามจีบชาร์ลอตต์ เห็นแต่ฉากโต้เถียงระหว่างทั้งคู่ด้วยความยึดมั่นในอุดมการณ์ความถูกต้องของเฟรด แต่แล้วหนังก็รวบรัดให้ทั้งคู่ลงเอยกัน โดยไม่ได้ความรู้สึกคล้อยตามจากผู้ชม ไม่มีช่วงเวลาพิศวาส หรือวีรกรรมใดที่ทำให้เฟรดชนะใจรัฐมนตรีหญิงที่มีความทะเยอะทะยานสูงผู้นี้ แต่สิ่งที่หนังเลือกขับเน้นหลังจากนั้นและเล่าได้สนุกน่าติดตามคือการที่ชาร์ลอตต์แสดงความจริงใจที่เธอมีต่อเฟรด และพยายามจะรักษาความสัมพันธ์ครั้งนี้ไว้ ซึ่งต้องต่อสู้กับอุปสรรคมากมาย ทั้งเสียงคัดค้านจากลูกน้องและที่ปรึกษา ศัตรูในเวทีการเมืองที่เล็งจะดึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเฟรดมาโจมตี และแน่นอนว่าจะมีความเสี่ยงต่อคะแนนนิยมที่กำลังไปได้ดีในอนาคตที่จะได้นั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีของเธอ
ชาลิซ เธียรอน ในวัย 41 ปี เหมาะสมที่สุดกับบทชาร์ลอตต์ ฟิลด์ ด้วยหุ่นนางแบบของเธอที่สูงถึง 177 ซม. ทำให้ภาพลักษณ์ของชาร์ลอตต์ ออกมาเป็นรัฐมนตรีสาวดูสูงระหง สง่าผ่าเผย ภูมิฐาน และบทนี้เป็นบทแรกในรอบหลายปีที่เราได้กลับมาเห็นชาลิซ เธียรอน กลับมาขายเสน่ห์ความสวยงามของเธอ จากที่ช่วงหลังไปเป็นสาวบู๊บ้าง ตัวร้ายบ้าง แม่มดบ้าง บทหนังลงลึกไปกับชีวิตประจำวันของเหล่านักการเมืองระดับสูงที่ต้องระมัดระวังภาพลักษณ์ในที่สาธารณะกันอย่างเข้มงวดมาก ซึ่งก็หยิบมาเป็นมุกให้ได้หัวเราะกันไปยกใหญ่ และจากจุดนี้ที่ทำให้เราเข้าใจชาร์ลอตต์ ที่เธอได้ปลดปล่อยตัวตนจากหัวโขนนักการเมืองและได้ผ่อนคลายยามเมื่อเธอได้อยู่กับเฟรด และฉากที่ทั้งคู่ได้สนุกอยู่ด้วยกันก็ทำให้เราทั้งยิ้มและหัวเราะไปกับเขาด้วย
บทเฟรด ฟลาร์สกี เหมือนถูกเขียนมาให้เซ็ธ โรเจ็น ดูเป็นตัวตนของเขาในแบบที่เซ็ธ ไม่ต้องปรับเปลี่ยนอะไรเลย ซกมก เอะอะโวยวาย ซ้ำยังโดนชาลิซ เธียรอนกลืนไปแทบทุกฉากที่ออกมาด้วยกัน กลายเป็นอีกบทของเขาที่ผ่านไปโดยไม่น่าจดจำ ทั้งที่อดีตเขาเคยพิสูจน์ตัวเองมาแล้ว กับบทสตีฟ วอซเนียค ใน Steve Jobs ว่าเขาก็เล่นดราม่าได้ ที่ประทับใจและเซอร์ไพรส์ที่สุดในเรื่องนี้คือบท ปาร์คเกอร์ เว็มบลีย์ มหาเศรษฐีตัวร้ายของเรื่อง ที่ดูจนจบยังไม่รู้ว่าใครมารับบทนี้ มาเห็นชื่อตอนดู IMDB ว่าผู้รับบทนี้คือ แอนดี้ เซอร์คิส เจ้าพ่อโมชั่นแคปเจอร์ ที่ไม่ยอมปรากฏตัวในภาพลักษณ์ปกติสักเรื่องเลย เบื้องหลังบอกว่าทีมงานไม่ได้คาดหวังให้แอนดี้ปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ แต่กลับเป็นความประสงค์ของเขาเองที่ต้องการปรากฏตัวในภาพกลัษณ์ที่ไม่มีใครจำได้ และเขาเป็นคนออกแบบภาพลักษณ์ของปาร์คเกอร์ เวมบลีย์นี่เอง แล้วต้องยอมเมคอัปวันละหลายชั่วโมงเพื่อบทนี้
แง่มุมหนึ่งที่น่าตั้งข้อสังเกตว่าหนังฮอลลีวู้ดยังคงอยู่ในช่วงถวิลหาอดีตยุค 90s หลาย ๆ เรื่องที่ผ่านตามาจะต้องใช้เพลงประกอบเป็นเพลงฮิตในยุค 90s Long Shot เองก็เป็นอีกเรื่องที่เต็มไปด้วยเพลงจากยุค 90s แถมยังดึงวง Boyz II men ตัวเป็น ๆ มาโชว์ในเรื่องด้วย ซึ่งก็เข้ากับเนื้อหาของหนังที่ เฟรด และ ชาร์ลอตต์ ต่างก็เป็นวัยรุ่นในยุค 90s ที่กลับมาเจอกันในวัย 40 บวกก็เลยมีอารมณ์ถวิลหาอดีตไปด้วยกัน
Long Shot เป็นหนังที่เพียบพร้อมในทุกด้าน ภาพลักษณ์ที่สวยสง่าน่าจดจำของชาลิซ เธียรอน 2 ชั่วโมงที่อัดแน่นไปด้วยเสียงหัวเราะ บทที่จิกกัดการเมืองที่เบื้องหน้าดูสดใสแต่กลับมีเบื้องหลังอันฉ้อฉลและการใช้วิธีการอันโสมมเพื่อผลประโยชน์ของนายทุน แต่หนังก็ยังวกกลับมาให้ลุ้นกันเบา ๆ ในฉากไคลแมกซ์ กับบทลงเอยที่ชวนยิ้มตาม แถมท้ายด้วยข้อคิดว่า บางครั้งก็เลือกตามหัวใจตัวเองและยึดมั่นในอุดมการณ์ที่ถูกต้อง แม้จะดูขัดในสายตาคนอื่น แจาก็ให้ผลลัพธ์ที่สวยงามได้เช่นกัน