Our score
8.0Backstreet Girls Gokudoruzu
จุดเด่น
- หนังทำออกมาได้ฮาแตก แทบหยุดหัวเราะไม่ได้เลย
- คงเสน่ห์แบบมังงะและอนิเมะไว้ค่อนข้างดี
- ตอนเป็นสาวไอดอลคือนักแสดงตกผู้ชมหนุ่มจนหลงรักถอนตัวไม่ขึ้นเลย
- นักแสดงชาย ยังคงมีบทบาททั้งเรื่อง เสริมดราม่าได้ดี
- จับเหตุการณ์ต่างๆจากมังงะมาเสริมเรื่องได้สนุกสนาน และเข้ากับประเด็นที่เล่า
จุดสังเกต
- บทหัวหน้าแก๊งยากูซ่าน้อยไปนิดนึง
- หนังสั้นไปนิดนึง
-
ความสมบูรณ์ของบท
8.0
-
คุณภาพการแสดง
8.0
-
คุณภาพโปรดักชั่น การผลิต ความแปลกใหม่
8.0
-
ความฮา บ้า มันส์
8.0
-
ความคุ้มค่าตั๋ว
8.0
ว่ากันถึงที่มาของ BACKSTREETGIRLS GOKUDOLS ก็ไม่ต่างจากหนังญี่ปุ่นทั่วไปที่ต้นธารก็คือ มังงะสุดฮิตที่คนเขียนได้แรงบันดาลใจมาจากวง AKB48 ที่กว่าเหล่าไอดอลจะฝ่าฟันด่านแห่งชื่อเสียงก็จำต้องฝึกหนักฝึกโหดไม่ต่างจากยากูซ่า มาผสมเรื่องราวตลกๆที่เล่นกับความขัดแย้งระหว่างยากูซ่าแมนๆโหดๆกับความเป็นเหล่าไอดอลสาวสวยน่ารัก เมื่อตัวตนของยากูซ่าถูกแปลงเพศเป็นไอดอล พวกเขาจะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทั้งกฎเกณฑ์การใช้ชีวิตหรือศักดิ์ศรีของยากูซ่าไว้ได้อย่างไร และมันยังเอื้อให้คิดมุกที่เล่นกับความลักลั่นดังกล่าวได้มหาศาลจนถูกใจคนอ่านจนถูกดัดแปลงให้เป็นทั้ง อนิเมะซีรีส์ทางเน็ตฟลิกซ์ หรือ มินิซีรีส์คนแสดงมาแล้ว
สำหรับผมเองเคยชมเวอร์ชั่นอนิเมะซีรีส์ทางเน็ตฟลิกซ์มาก่อน ยอมรับว่าแม้จะได้ฮากับมุกต่างๆอยู่บ้างแต่ก็ยากที่จะติดตามเรื่องได้นานๆเนื่องจากตัวอนิเมะซีรีส์เน้นมุกต่อมุกมากกว่าเล่าเรื่องราวให้ต่อเนื่องกัน เหมือนเอามังงะมาฉีกแต่ละตอนแล้วเล่าตามนั้น. ซึ่งโชคดีที่เวอร์ชั่นหนังคราวนี้มีการคิดเรื่อง วางปมดราม่าไว้ค่อนข้างดีและลำดับเรื่องให้ง่ายต่อการติดตามโดยยังไม่ทิ้งเหตุการณ์ตลกๆจากในมังงะ มาเป็นสีสันของเรื่องราวได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการเลือกปูเรื่องราวในสมัยที่ยังเป็น 3 หนุ่มเลือดร้อนแห่งแก๊งอินุงาเนะที่ทำให้เห็นว่าตัวละครทั้งสามผูกพันธ์กันด้วยสาบานเลือด พร้อมร่วมเป็นร่วมตายกันจริงๆ ซึ่งการปูเรื่องตอนต้นที่ดูแข็งแรงนี้ยังส่งผลให้เราเชื่อในความสัมพันธ์เมื่อกลายเป็นไอดอลอีกด้วย
อีกจุดที่น่าพูดถึงมากๆคือการที่เวอร์ชั่นหนังนี้เลือกบอกเล่าความสับสนจากผู้ชายมาเป็นผู้หญิง โดยอาศัยทั้งกลไกของเรื่องอย่างความสัมพันธ์กับคนรักสมัยเป็นผู้ชาย หรือการออกแบบฉากความคิดที่ตัวละครทั้งตอนเป็นผู้ชายและผู้หญิงได้สะท้อนความคิดซึ่งกันและกัน เพื่อให้เรารู้ถึงสภาพจิตใจของตัวละครและค่อยๆซึมซับปมในใจตัวละครให้ได้คอยเอาใจช่วยให้พวกเธอได้ยอมรับกับตัวตนของตัวเอง และนอกจากนี้หนังยังมีเนื้อหาบางส่วนที่เริ่มพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเพศเดียวกัน จึงนับได้ว่าตัวหนังเปิดกว้างมากพอจะพูดถึงความหลากหลายทางเพศ และทำให้มันรอดพ้นจากการเอาเรื่องเพศมาปู้ยี่ปู้ยำเพื่อสนองคนดูหนุ่มๆอย่างผิวเผินไปได้อย่างสวยงาม
กระนั้นแล้วเราก็ยังพบส่วน ‘ขาด’ บางอย่างที่อนิเมะซีรีส์เคยสร้างความประทับใจไว้ โดยเฉพาะบทหัวหน้ายากูซ่าที่ในหนังมีบทบาทน้อยไปหน่อย หรือจะเป็นแก๊กฮาๆที่ชอบมากอย่างรายการทีวีที่พวกเธอไปชิมอาหารมักเจ๊งหลังเปิดกิจการมานานเพราะพวกเธอมักจะสร้างวีรกรรมเปิ่นๆจนร้านถูกปิดหรือฉากงานจับมือที่เป็นกิจกรรมที่หมิ่นเหม่ในเรื่องทางเพศเพราะโอตะบางคนก็ขอให้ไอดอลทำอะไรประหลาดๆซึ่งถือเป็นการวิพากษ์กิจกรรมของไอดอลในเชิงการเมืองเรื่องเพศได้อย่างแหลมคมเป็นต้น แต่กระนั้นฉากที่มาท้ายเอนด์เครดิตก็พอจะทำให้ใจชื้นได้ว่าหนังน่าจะมีโอกาสได้เล่าเรื่องราวสนุกๆได้อีกเพียบเลยแหละ
พูดถึงนักแสดง หากดูจากตัวอย่างหนังอาจทำให้ผู้ชมสาวๆเมินหนังเพราะคิดว่ามันจะขายแต่นักแสดงสาวสวยตอนเป็นไอดอลเท่านั้น แต่ความจริงแล้วเหล่านักแสดงหนุ่มๆทั้ง จิน ชิราสึ ในบทเคน หัวโจกของสามหนุ่มก็มากับหน้าหล่อๆคมๆ, มาซาโตะ ฮานาซาวะ ในบทคาสุก็หล่อเท่แบบแบดบอย ส่วนเรยะ มาซากิ ก็ฉีกลุคเท่ในบทเรียวแม้จะเป็นหนุ่มหน้าหวานก็ตาม ซึ่งทั้ง 3 หนุ่มก็มีบทบาทไม่แพ้สาวๆเลยนะทั้งเป็นตัวละครเปิดเรื่องและยังมาคอยรับบทแฟนตาซีของสาวๆที่ถามถึงตัวตนของยากูซ่าสมัยยังเป็นผู้ชายแถมมีคิวบู๊ที่ได้โผล่หน้าหล่อๆมาอีกด้วย และแน่นอนเราจะไม่พูดถึงเหล่าสาวๆโกคุดอลคงไม่ได้แถมยังเป็นทีมนักแสดงที่ผ่านงานซีรีส์และหนังจากมังงะมาแล้วทั้งนั้น เริ่มจาก นัตสุมิ โอกาโมโตะ ที่มารับบท ไอริ (หรือเคนตอนเป็นผู้ชาย) ก็เคยผ่านซีรีส์ GTO เวอร์ชั่นปี 2014 ก็นำหน้าหวานๆมาตกหนุ่มๆจนแทบถอนตัวไม่ขึ้น ซี่งตัวละครของเธอก็มีจุดพลิกผันในส่วนของดราม่าที่หนักหนาเอาการแต่การแสดงของ นัตสุมิ ก็เอาอยู่จริงๆ ส่วน รุกะ มัตซูดะ ในบท มาริ (หรือเรียวก่อนแปลงเพศ) สาวสวยเท่จากหนังชุด Masked Raiders ก็ไม่ทำให้ผิดหวังโดยมาในมาดสาวสวยโหดเถื่อนแต่กลับทำให้หนุ่มๆใจเต้นทุกครั้งที่เธอปรากฎตัว และปิดท้ายที่ อากาเนะ ซากานูอิ ในบทจิกะ (หรือคาสุตอนเป็นหนุ่มยากูซ่า) นักแสดงสาวที่แจ้งเกิดมาจากซีรีส์ Ultraman X (2015) ก็มาในมาดน้องเล็กน่ารักน่ากอดแต่แอบฮาใช่ย่อยได้ดีเหมือนกัน ซึ่งบรรดาสาวๆก็ร่วมร้องเพลงในภาพยนตร์ได้สมบทบาทจนนึกว่าเป็นไอดอลในชีวิตจริงไปเลยยังไงยังงั้น
เอาเป็นว่าตลอดช่วงเวลา 87 นาทีหนังเสิร์ฟความบันเทิงทั้งเสียงฮาและเพลงสุดไพเราะได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แต่แอบให้บทกับหัวหน้ายากูซ่าน้อยไปสักนิด ทั้งที่เป็นตัวละครที่มีสีสันมากๆทั้งในมังงะและอนิเมะซีรีส์ แต่โดยภาพรวมถือว่าเป็นหนังที่บันเทิงที่สุดเรื่องหนึ่งในปี 2019 เลยครับ อ้อ..มีฉากหลังเอนด์เครดิตต้องดูนะครับ แต่รับรองว่ารอไม่นาน