วันที่ 3 กรกฎาคมนี้ ทุกคนก็จะได้ชมพ่อหนุ่มสไปดี้กับตาแล้ว แต่ก่อนจะเข้าโรงภาพยนตร์ไปดู เรามีการจัดอันดับหนังของมาร์เวลอัปเดตล่าสุดมาให้รู้กัน ลองเดาดูว่าสไปดี้ฉบับทอม ฮอลล์แลนด์ครั้งนี้จะติดอันดับที่เท่าไหร่ ไปดูกัน!!

20.“X-Men: Days of Future Past”

แม้จะมีเรื่องเวลาเข้ามาทำให้ชวนฉงนหน่อย ๆ แต่ก็บันเทิงมิใช่น้อย สำหรับ X-Men ภาคนี้ เพราะมีควิกซิลเวอร์ (Quicksilver) เพิ่มมาโชว์ออฟความสามารถเท่ ๆ ให้ได้ดูกันในฉากสโลว์โมชันที่ห้องครัว ไหนจะตัวร้ายเซนทินอล (Sentinel) ที่ค่อนข้างเจ๋ง เพราะใช้พลังของมนุษย์กลายพันธุ์ได้ด้วย! สนุกจนติดท็อป 20 เลยทีเดียว 

19.“Iron Man 2”

ภาคนี้เรียกได้ว่านักแสดงคับจอมาก เพราะได้ตัวร้ายอย่างวิปแลส (Whiplash) มาแก้แค้นแทนรุ่นพ่อที่รับบทโดยมิกกี้ รูร์ก (Mickey Rourke) ไหนจะเป็นการเปิดตัวแบล็ควิโดว์ (Black Widow) รับบทโดยสการ์เลต โจแฮนส์สัน (Scarlett Johansson) และวอร์แมชชีน (War Machine) รับบทโดย ดอน เชียเดล (Don Cheadle) นอกจากนี้เรายังได้เห็น แซม ร็อคเวลล์ (Sam Rockwell)  เป็นตัวร้ายคู่แข่งธุรกิจของโทนี่ สตาร์ค (Tony Stark) ด้วย 

18. “Deadpool”

คงจะเป็นหนังซุปเปอร์ฮีโร่ ที่ไม่ใช่ฮีโร่ และค่อนข้างเป็นฮีโร่ที่แตกต่าง นอกจจากความกวนที่ทำให้คนดูชอบแล้ว ความเก่งของเจ้าเดดพูล (Deadpool) และความทนของบาดแผลเหวอะ ๆ บนใบหน้าของพี่ไรอัน เรย์โนลด์ส (Ryan Reynolds) ก็เกรียนได้ใจ แถมเวลาต่อสู้นั้นก็โหดอยู่พอสมควร ใครเป็นสายฮาร์ดคอร์คงจะถูกใจพี่เดดพูลเข้าไปเต็ม ๆ

17. “X-Men: Dark Phoenix”

ภาคใหม่ของ X-Men ครั้งนี้ แม้ว่าจะได้โซฟี เทอร์เนอร์ (Sophie Turner ) มารับบท จีน เกรย์ (Jean Grey) แต่ก็ไม่ได้แย่แล้วก็ไม่ได้ปังซะทีเดียว และเชื่อว่าหลาย ๆ คนที่ได้ดูนั้นจะมีฉากแอ็คชันหลายฉากที่ประทับใจ ส่วนฉากที่ดี และถูกพูดถึงมากที่สุดก็คงไม่พ้นฉากบนรถไฟ พร้อมกับซาวด์ประกอบจากฮาน ซิมเมอร์ (Hans Zimmer) คอมโพสเซอร์รุ่นใหญ่ของเดอะไลออนคิง (The Lion King) นั่นเอง

16. “Spider-Man: Far From Home”

มาถึงหนังที่ทุกคนลุ้นว่าจะอยู่อันดับไหน และสไปดี้ฉบับทอม ฮอลแลนด์ (Tom Holland) ในภาคนี้ก็มาอยู่ในท็อป 20 จากทั้งหมด 58 เรื่องของมาร์เวลเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเรื่องนี้เป็นเหตุการณ์หลัง Avengers: End Game และยังเป็นการปิดมาร์เวลเฟส 3 อีกด้วย แต่ถ้าอยากรู้ทำไมลำดับสูงขนาดนี้ อย่าลืมไปพิสูจน์ในโรงด้วยตาตัวเองกันนะ 

15. “X-Men: First Class”

เรียกได้ว่าเป็น ‘กำเนิดมนุษย์กลายพันธุ์’ ก็ว่าได้ รวมถึงยังเป็นการรีบูธเรื่องราวของ X-Men ในทุก ๆ ภาคด้วย ซึ่งผู้ชมจะได้เห็นศาสตราจารย์ซาเวียร์ (Xavier), แมกนีโต (Magneto) และมิสทีค (Mystique) ตอนยังหนุ่ม ๆ สาว ๆ อยู่ นอกจากนี้ยังเข้าใจการกระทำ และการตัดสินใจของแต่ละตัวละครมากขึ้นด้วย

14. “Spider-Man: Homecoming”

เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของสไปเดอร์แมน (Spider-Man) เพราะคราวนี้มาร์เวลสร้างปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ (Peter Parker) มาในรูปแบบเด็กมัธยม แทนที่จะเป็นวัยมหาลัย แล้วยังมีเศรษฐีโทนี่ สตาร์ค (Tony Stark) อย่างไอออนแมน (Iron Man) คอยซัพพอร์ตด้วย แต่ที่ผู้ชมอึ้งกันที่สุด คงจะเป็นป้าเมย์ในเวอร์ชันยังสาว และสวยมาก ๆ แตกต่างจากสไปดี้เวอร์ชันก่อน ๆ อย่างสิ้นเชิง 

13. “Deadpool 2”

แฟนหนังแอนตี้ฮีโร่คงจะถูกใจความเกรียนของภาคนี้มากแน่ ๆ เพราะนอกจากจะเหมาะกับคอหนังเน้นความบันเทิงแล้ว พี่เดดพูลยังล้อเลียนไม่หยุด คล้ายหนังตระกูลสแคร์รี่มูฟวี่ (Scary Movie) ที่เราดู ๆ ไป ฉากเด่นของหนังนั้น ๆ ก็ลอยมาทันที ส่วนตัวใครที่ชอบเดดพูล (Deadpool) แล้วเก็ตมุกตลกโปกฮาไปด้วยแล้วถือว่าคุ้ม!  

12. “Ant-Man”

เราจะได้เห็นฮีโร่ที่สื่อสารกับมดได้ ย่อส่วนได้ และมดเหล่านั้น หรือแม้แต่รถไฟโทมัสเองก็ตัวใหญ่มากด้วย คงเป็นฮีโร่อีกคนที่เด็ก ๆ ชอบเนื่องจากฉากแอ็คชันนั้นครีเอทมาก ๆ  แล้วยังเหมาะดูกับครอบครัวด้วย แต่จะขาดตัวละครอย่าง ลูอิส (Louis) ที่รับบทโดยไมเคิล พีน่า (Michael Pena) ไม่ได้ เพราะทุกครั้งที่เขาเล่าอะไร เป็นต้องปูเรื่องยาวทุกที

11. “Ant-Man and the Wasp”

อยู่ลำดับติด ๆ กันเลยทีเดียว และความสนุกก็มากกว่า เพราะมีฮีโร่ใหม่ขึ้นมาอย่าง โฮป (Hope) รับบทโดย  อีวานเจลีน ลิลลี่ (Evangeline Lilly) ลูกสาวของแฮงค์ พิม (Hank Pym) รับบทโดยไมเคิล ดักลาส (Michael Douglas) มาสวมชุดเป็นเดอะวอส์พออกโรง แถมคราวนี้เราจะได้เห็นเจเน็ต (Janet) รับบทโดย มิเชลล์ ไฟฟ์เฟอร์ (Michelle Pfeiffer) แม่ของโฮปที่สก็อต แลงก์ (Paul Rudd) ช่วยกลับมาจากมิติควอนตัมด้วย 

10.“Doctor Strange”

คุณหมอจอมเวทย์สเตรนจ์ เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์ (Benedict Cumberbatch) เรื่องนี้ เต็มไปด้วยความแฟนตาซี และวิชวลในการใช้พลังต่าง ๆ ก็น่าทึ่งชวนตะลึงมาก พอกันกับอินเซปชัน (Inception) เลยทีเดียว แม้จะเป็นหนังปฐมบท แต่การดำเนินเรื่องฉับไว แฝงมุกตลกง่าย ๆ พอขำบางช่วงไว้ จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจหากเรื่องนี้จะเข้ามาอยู่ในท็อป 10 

9.“Spider-Man 2”

เป็นสไปดี้ภาคที่ดีที่สุด เพราะทำให้เราได้รู้เบื้องลึกของตัวละครหลักอย่างปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ โทบี้ แม็คไกวร์ (Tobey Maguire) มากขึ้น แม้ว่าเขาจะช่วยโลกโดยการเป็นสไปดี้ยังไง เขาก็ยังคงเป็นนักศึกษามหาลัยที่อาศัยอยู่ในห้องพักราคาถูกอยู่ดี คนดูเลยเข้าถึงความรู้สึกของตัวละครมากขึ้น รวมถึงตัวร้ายดร.ออคโตปุสด้วย

8.“Iron Man 3”

โทนี่ สตาร์ค (Robert Downey Jr.) ดูจะเป็นคนชิลล์ และสบาย ๆ เวลามีเรื่องเกิดขึ้น แต่ในภาคนี้ทำให้คนดูใกล้ชิดกับตัวละครยิ่งกว่า เพราะเขาก็เป็นคนหนึ่งที่กลัวเป็น เจ็บเป็น และการแสดงของพี่โรเบิร์ตก็ดีขึ้นมาก ๆ นอกจากนี้เราจะได้เห็นการสวมชุดเกราะโดยไม่ต้องมีคนอยู่ข้างในอีกด้วย เอาใจเด็ก ๆ แฟนมาร์เวลไปเต็ม ๆ 

7. “Thor: Ragnarok”

ธอร์ (Thor) ภาคนี้ถือว่าประสบความสำเร็จมาก ๆ นอกจากจะต้องไปเอาฮัค (Hulk) รับบทโดยมาร์ค รัฟฟาโล (Mark Ruffalo) กลับมารวมทีมแล้ว เรายังได้เห็นพี่คริส เฮมส์เวิร์ธ (Chris Hemsworth) ในลุคผมสั้นอีกด้วย รวมถึงตัวร้ายพี่สาวของธอร์ หรือเฮลา (Hela) รับบทโดยเคต แบลนเชตต์ (Cate Blanchett) ที่น่าจับตามองตั้งแต่ทำให้ค้อนของธอร์แตก แต่ละองค์ประกอบส่งให้เรื่องนี้ถูกใจแฟนมาร์เวลมาก

6. “Captain America: Civil War”

เป็นภาคที่ทำให้ Avengers แบ่งแยกออกเป็น 2 ฝั่ง และสู้กันเอง ซึ่งเหมือนกับหนังอุ่นเครื่องรวมทีม โดยมีสไปดี้เข้ามาแจมด้วย และฉากที่ประทับใจไม่ลืมก็คงเป็นการต่อสู้กันระหว่าง 2 ทีมที่สนามบิน แค่นี้ก็สุดยอดแล้ว เรื่องบทองก์สุดท้ายที่กัปตันอเมริกา คริส อีแวน (Chris Evans) ปะทะกับไอออนแมน โรเบิร์ต ดาวน์นี่ จูเนีบยร์ (Robert Downey Jr.) ก็จะหน่วงหน่อย ๆ 

5. “Avengers: Infinity War”

การกลับมาของ Avengers ครั้งนี้ ผู้ชมแฟนมาร์เวลาต่างรอคอยกันมานาน แล้วใครล่ะจะไม่อยากดูฮีโร่รวมกันคับจอมาสู้กับพี่มันม่วงธานอส จอช โบรลิน (Josh Brolin) กันบ้าง และที่ลุ้นกว่าก็คือธานอสดีดนิ้วแล้วใครใน Avengers อยู่ หรือไป เรียกได้ว่าเป็นช่วงหลบสปอยล์ที่เหนื่อยที่สุด เพราะมาเป็นภาพ แล้วมีกาหัวทำตัวแดงให้ดูเลยทีเดียวว่าใครไม่รอดบ้าง

4. “Black Panther”

ฝ่าบาท หรือ แชดวิก โบสแมน (Chadwick Boseman) จากการเปิดตัวใน Civil War หนังเดี่ยวเรื่องนี้ ถือว่าประสบความสำเร็จของ MCU มาก ๆ เพราะไม่ว่าจะเป็นเนื้อเรื่อง การแสดง นักแสดง หรือแม้กระทั่งซาวด์ประกอบหนังก็ดีไปหมด จนได้รางวัลออสการ์สาขา Best Original Music, Best Costume Design, Best Production Design ไปครองในฐานะหนังฮีโร่เรื่องแรกด้วย

3. “Spider-Man: Into the Spider-Verse”

แม้จะเป็นหนังอนิเมชัน แต่ไมล์ โมราเลส (Miles Morales) ก็เป็นสไปดี้เวอร์ชันผิวสีได้น่าประทับใจมาก ๆ นอกจากนี้เนื้อเรื่องเรายังได้เห็นการข้ามมิติมีสไปดี้มาจากมิติอื่น รวมถึงปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ (Peter Parker) ก็ด้วย และประโยคที่ได้จากเรื่องนี้ก็คงไม่พ้น ‘ทุกคนเป็นสไปเดอร์แมนได้’ ไม่ว่าจะเป็นหมู หรือหุ่นยนต์ ที่หนังเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าอะไรก็เป็นไปได้ 

2. “Logan”

ที่ผ่านมา X-Me  ยังเป็นหนังฮีโร่มนุษย์กลายพันธุ์ธรรมดาอยู่ และวูล์ฟเวอรีน (Wolverine) ที่รับบทโดย ฮิวจ์ แจ็คแมน (Hugh Jackman) เองก็อยู่กับเรามานานมาก ๆ จนถึงเวลาหมดยุคของวูล์ฟเวอรีน และหนังเรื่องนี้ก็ปิดฉากของเขาได้อิ่มใจมาก ๆ นอกจากนี้ความดาร์ก และโหดกว่าเรื่องไหน ๆ ยิ่งทำให้คนดูอินกับตัวละครที่เรารักมากขึ้นด้วย เรียกได้ว่าเป็นหนังวูล์ฟเวอรีนที่ดีที่สุดเลยก็ว่าได้

1. “Captain America: The Winter Soldier”

มาถึงอันดับหนึ่งของหนัง MCU กันแล้ว เป็นเรื่องที่ฮีโร่ของอเมริกากลายมาเป็นผู้ร้ายในสายตามวลชน ในขณะเดียวกันก็ทำให้เราเชื่อในสตีฟ โรเจอร์ส (Steve Rogers) มากขึ้น ว่าเขาเหมาะที่จะนำทีม Avengers และเป็นตัวแทนสิทธิเสรีภาพจริง ๆ จนกลายเป็นหนังซุปเปอร์ฮีโร่จากมาร์เวลที่แตกต่างมาก ๆ ทั้งฉากแอคชันระหว่างกัปตันอเมริกา (Captain America) รับบทโดยคริส อีแวน (Chris Evans) และวินเทอร์โซลเยอร์ (Winter Soldier) รับบทโดยเซบาสเตียน สแตน (Sebastian Stan) ที่ดุเดือด และความเรียลของหนังเกี่ยวกับการเมืองอเมริกาที่มีหนอนบ่อนไส้หน่วยชิลด์ (S.H.I.E.L.D.) เป็นไฮดร้า (Hydra) เลยมาครองอันดับหนึ่งในครั้งนี้ไป

Top 20 ของหนังมาร์เวล (Marvel) นั้นก็ถือจัดลำดับตามท้องเรื่อง และใช้เหตุผลพอสมควร แต่ถ้าใครเห็นต่าง หรือหนังมาร์เวลอันดับหนึ่งในใจไม่ตรงกับการจัดลำดับก็อย่าพึ่งเศร้าไป เพราะความคิดเห็นคนเราต่างกันได้ ส่วนใครที่อยากรู้ต่อว่าอันดับ 21-58 จะมีเรื่องอะไรบ้าง ก็เลื่อนลงไปดูด้านล่างต่อได้เลย 

  1. “Venom” 
  2. “Punisher: War Zone”
  3. “The Wolverine”
  4. “Hulk”
  5. “Avengers: Endgame”
  6. “Iron Man”
  7. “Guardians of the Galaxy vol. 2”
  8. “Captain Marvel”
  9. “Big Hero 6”
  10. “Blade 2”
  11. “Guardians of the Galaxy”
  12. “Captain America: The First Avenger”
  13. “Ghost Rider: Spirit of Vengeance”
  14. “Blade”
  15. “The Avengers”
  16. “Avengers: Age of Ultron”
  17. “X-Men: Apocalypse”
  18. “Spider-Man”
  19. “X2: X-Men United”
  20. “Blade: Trinity”
  21. “Thor: The Dark World”
  22. “The Amazing Spider-Man 2”
  23. “Thor”
  24. “The Incredible Hulk”
  25. “X-Men”
  26. “The Amazing Spider-Man”
  27. “Ghost Rider”
  28. “The Punisher” (1989)
  29. “Howard the Duck”
  30. “Spider-Man 3”
  31. “The Punisher” (2004)
  32. “Fantastic Four” (2005)
  33. “Daredevil”
  34. “Fantastic Four” (2015)
  35. “X-Men: The Last Stand”
  36. “Elektra”
  37. “X-Men Origins: Wolverine”
  38. “Fantastic Four: Rise of the Silver Surfer”

อ้างอิง