Our score
6.6MA : แม่_ร้าย
จุดเด่น
- ความพยายามให้น้ำหนัก ปูมหลังของ "มา" ดี
- มีฉากให้ลุ้น ให้สะดุ้ง ตามมาตรฐานหนังสยองขวัญ
จุดสังเกต
- หนังเก็บฉากโหดมาปล่อยตอนท้าย ฉากเดียว
- การปรากฏตัวของออคทาเวีย ยังไม่รู้สึกถึงความน่ากลัว
- คอหนังสยองขวัญน่าจะผิดหวัง
-
ตรรกะความสมบูรณ์ของบท
8.0
-
คุณภาพการแสดง
8.0
-
คุณภาพโปรดักชั่น การผลิต ความแปลกใหม่
7.0
-
คะแนนความน่ากลัว ตามมาตรฐานหนังสยองขวัญ
5.0
-
ความคุ้มค่าตั๋ว
5.0
เทต เทย์เลอร์ นี่เป็นผู้กำกับที่ไม่หยุดนิ่ง พยายามพิสูจน์ความสามารถตัวเองด้วยการลองกำกับหนังแนวใหม่อยู่เสมอ เขาแจ้งเกิดจากหนังดราม่าน้ำดี The Help (2011) หนังประสบความสำเร็จมาก ถึงขั้นได้เข้าชิงออสการ์ รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแจ้งเกิดดาราสาวมากฝีมือ เจสซิกา แชสเทน และส่งให้ออคทาเวีย สเปนเซอร์ คว้าออสการ์นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมในปีนั้น แต่แล้ว เทต ก็ไม่ย้อนกลับไปกำกับหนังดราม่าฟีลกู๊ดอีก ทั้งที่เป็นแนวที่ตัวเองประสบความสำเร็จ เขาสานต่อด้วย Get On Up หนังชีวประวัติ เจมส์ บราวน์ นักร้องผิวสีชื่อดังระดับตำนาน และ The Girl on the Train หนังลึกลับระทึกขวัญ จนมาถึงผลงานล่าสุด MA ที่เทต เทย์เลอร์ ชวนออคทาเวีย สเปนเซอร์ กลับมาร่วมงานกัน ในหนังสยองขวัญ ที่มีตัวเอกเป็นฆาตกรโรคจิต
ดูตามหน้าหนังแล้ว ก็เป็นหนังเชือดแนวนิยมของฮอลลีวู้ด ที่ดูแล้วห่างไกลจากภาพจำของทั้งเทต เทย์เลอร์ และ ออคทาเวีย สเปนเซอร์ มาก แต่ก็พอเข้าใจได้ว่า เป็นงานลองลับฝีมือของทั้งคู่ ที่อยากจะพิสูจน์ความสามารถตัวเองในแนวอื่น ๆ ดูบ้าง โดยเฉพาะออคทาเวีย สเปนเซอร์ ที่งานแสดงที่ผ่านมาส่วนใหญ่ของเธอ คือสาวปากร้ายใจดี เป็นเพื่อนนางเอกผู้คอยสนับสนุนให้กำลังใจ เมื่อเทต เทย์เลอร์ ยื่นบทให้เธอลองอ่าน ออคทาเวีย ก็ตอบรับทันที ทำให้เทต ต้องแก้บทของ “ซูแอน” จากสาวผิวขาวให้กลายเป็นสาวผิวสีเพื่อออคทาเวียโดยเฉพาะ
จากที่ดูตัวอย่าง ก็ไม่เห็นว่า MA จะมีความแตกต่างจากหนังเชือดอีกหลายสิบเรื่องจากฮอลลีวู้ดแต่อย่างใด ซูแอน เป็นสาวที่ใช้ชีวิตสันโดษในบ้านที่อยู่ห่างไกลผู้คน เธอได้สานสัมพันธ์กับกลุ่มนักเรียนไฮสคูลที่อยู่ในวัยชอบปาร์ตี้ให้ไปสนุกกันที่ชั้นใต้ดินบ้านเธอ จากความสนุกในคืนแรก ๆ กลายเป็นความอึดอัดและเคลือบแคลงเมื่อ “มา”คอยตามกระเซ้าเหล่าเด็ก ๆ ให้ไปสนุกที่บ้านของเธอถี่ขึ้น เมื่อเด็ก ๆ บ่ายเบี่ยงก็ “มา”ก็เริ่มไม่พอใจและเริ่มคุกคามชีวิตส่วนตัวของพวกเธอ เท่านี้คือพลอตที่ผู้ชมได้รับรู้ผ่านตัวอย่างหนัง แต่ในหนังจริงนั้น บทภาพยนตร์ก็ได้ลงลึกอธิบายถึงปูมหลังของมามากขึ้น ให้เราเข้าใจว่าทำไมมาถึงอยากตีสนิทกับพวกเด็ก ๆ เผยเหตุจูงใจของเธอที่แฝงประสงค์ร้ายไว้ซึ่งผลักดันไปถึงฉากโหดท้ายเรื่อง
ในด้านบทหนังถือว่าเล่าเรื่องได้ดีกับการสร้างปริศนาตัวตนของ”มา”เมื่อเรื่องเดินหน้าไป ก็ตัดภาพสลับไปเล่าอดีตของ”มา”ในฉากที่สอดคล้องกับอดีตอันเลวร้ายของเธอ ทำให้คนดูเข้าใจได้สถานการณ์ที่ส่งผลถึงการกระทำของเธอในปัจจุบัน ในด้านอารมณ์บรรยากาศของหนังสยองขวัญ ถือว่าอยู่ในระดับกลาง ๆ มีสิ่งที่หนังสยองขวัญควรจะมีทั้งฉากเงียบลุ้นระทึก ฉากตุ้งแช่ที่ทำให้สะดุ้งโหยงได้ 2-3 ครั้ง มีปริศนาที่ซุกซ่อนอยู่ในบ้านของ “มา” ซึ่งเธอกำชับนักหนาว่าห้ามเด็ก ๆ ขึ้นไป เมื่อเฉลยออกมาก็นับว่าผิดคาดจากรูปแบบหนังสยองขวัญทั่วไปพอดู แต่สิ่งที่คอหนังสยองขวัญน่าจะผิดหวังก็คือดีกรีความโหดของหนัง ที่นับว่า”เบาบาง”มาก ถ้าเทียบกับหนังสยองขวัญที่มีตัวเอกเป็นจอมเชือดโรคจิต
ออคทาเวีย เรียกว่าพอไปได้กับบท “มา” เห็นได้ชัดว่าเธอพยายามอย่างมากกับการแสดงหนังด้วย “สายตา” ที่ถ่ายทอดถึงความเคียดแค้นที่ฝังลึกไว้ แต่บทหนังเลือกที่จะเก็บฉากโหดไว้มาปล่อยในองก์สุดท้ายทีเดียว เราก็เลยไม่เห็นความโหด ความน่ากลัวของเธอ รู้แค่เพียงเธอมีปัญหาทางจิตเท่านั้น นั่นทำให้”มา”ขาดความน่ากลัวไป ไร้รังสีอำมหิต การปรากฏตัวของ”มา”จึงไม่ทำให้รู้สึกว่าเธอเป็นอันตรายต่อเด็ก ๆ แน่นอนว่าบทของ “มา”จะต้องถูกหยิบไปเปรียบเทียบกับ “แอนนี่ วิลคส์” สาวโรคจิตจาก “Misery”(1990) หนังคลาสสิกที่สร้างจากบทประพันธ์ของสตีเฟน คิง ที่แคธี่ เบตส์ ถ่ายทอดความน่ากลัวให้คนดูสัมผัสได้ และคาดเดาความคิดตัดสินใจของเธอไม่ได้เลย และการแสดงอันน่าจดจำนี่เองที่ส่งให้ แคธี่ เบตส์ คว้าออสการ์นักแสดงนำหญิงไปแม้ว่านี่จะเป็นงานแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกของเธอเลย ซึ่งเทต เทย์เลอร์ ก็รู้ดีว่าบท “มา” ก็รับอิทธิพลจาก แอนนี่ วิลคส์ มาพอสมควร ถึงกับใส่ฉากแมวเซรามิกที่วางบนโต๊ะ เหมือนกับในหนัง Misery เพื่อเป็นการคารวะ
สรุปได้ว่า งานแสดงดี มีความตั้งใจ บทภาพยนตร์ค่อนข้างรัดกุมให้น้ำหนักกับปูมหลังของตัวละคร แต่ในด้านความโหด อย่าคาดหวังมาก ยังไม่ตอบโจทย์คอหนังสยองขวัญได้ครับ