Our score
7.7Holmes & Watson
จุดเด่น
- ตลกคือเป้าหมาย ไม่สนอะไรอย่างอื่นอีกแล้ว
- นักแสดงถือว่าลงตัว
- สนุกกว่าความคาดหวังเยอะมาก
- ไม่ต้องเสียตังค์ดูโรงนี่โคตรคุ้มโคตรดีเลย
จุดสังเกต
- โปรดักชั่นยำแย่
- มุกเสื่อมมุกหยาบเยอะ
-
ความสมบูรณ์ของบท
6.0
-
คุณภาพนักแสดง
8.5
-
คุณภาพงานสร้าง
5.0
-
ความสนุก
10.0
-
คุ้มเวลาดู
9.0
เรื่องย่อ
เชอร์ล็อค โฮล์มส์ ได้ถูกนำมาตีความใหม่ผ่านแนวคิดหนังตลกเบาสมองแบบสุด ๆ ว่าด้วยปมความสัมพันธ์ระหว่างคู่ซี้อย่างโฮล์มส์ กับ นายแพทย์วัตสัน ที่ทำดีแทบตายก็ได้แค่พระรองตลอดศกเหมือนแค่เงาของโฮล์มส์ จาดปมขัดใจเล็ก ๆ ยิ่งขยายแผลใหญ่ขึ้นเมื่อมีจอมวายร้ายนาม ศจ.มอริอาร์ตี้ เข้ามาวางแผนใส่ร้ายให้ทั้งคู่ตกเป็นจำเลยในคดีลอบสังหารควีนแห่งอังกฤษ แล้วโฮล์มส์จะแก้ไขความบาดหมางกับเพื่อนรักไปพร้อมกับเอาตัวรอดจากคดียักษ์นี้อย่างไรต้องไปดู
หนังคือผลงานการกำกับของ อีตาน โคเฮน ที่ชื่อไปละม้ายผู้กำกับดังอย่าง อีธาน โคเอน จนใครอ่านผ่าน ๆ อาจเผลอเข้าใจผิดว่านี่คือหนังตลกร้ายคุณภาพสูงอย่าง Fargo (1996) ก็เป็นได้ ทว่าอีตานนั้นเคยผ่านงานกำกับหนังมาแค่ Get Hard (2015) ที่มี วิล เฟอร์เรล แสดงนำ และด้วยสัมพันธ์อันดีครั้งนั้นบวกฝีมือเขียนบทหนังตลกดี ๆ อีกหลายเรื่องก่อนหน้าของอีตานอย่าง Tropic Thunder (2008) Madagascar: Escape 2 Africa (2008) และ Men in Black 3 (2012) ก็นำพาทั้งคู่มาร่วมงานอีกครั้งในหนัง เชอร์ล็อค โฮล์มส์ เรื่องนี้ ซึ่งก็สร้างเกียรติประวัติเข้าชิงรางวัลของเวที ราซซี่อะวอร์ด ที่ชิงชัยบรรดาหนังห่วยแตกที่สุดแห่งปีถึง 6 รางวัลด้วยกัน และก็ไม่พลาดคว้ามา 4 รางวัลรวมถึงรางวัลใหญ่ หนังที่ห่วยที่สุด ของปีล่าสุดมาครองด้วย
และนี่คือโอกาสอันดีที่เราจะได้รับชมหนังเรื่องนี้แบบไม่ต้องเสียดายตังค์ให้โรงหนัง เพราะเน็ตฟลิกซ์ซื้อเอามาฉายเรียบร้อย
ถ้ามองแบบใจร่ม ๆ ก็พบว่าหนังมันเบาสมองเข้าขั้นปัญญาเหลว และมีมุกตลกที่ทำงานดีจนถึงขั้นเลยเถิดไปนิดอยู่ตลอดเรื่อง ทั้งในแง่ดาราที่มาแสดงก็ไม่ได้เลวร้ายเลย ทั้งวิล เฟอร์เรล ทั้งจอห์น ซี. ไรลี่ ทั้งรีเบคก้า ฮอลล์ และอย่างราล์ฟ ไฟนส์ คือเล่นเหมาะกับบทตัวเองทั้งนั้น และเมื่อมองเป้าประสงค์ของผู้สร้างหนังต้องบอกว่าโคตรสำเร็จด้วย เพราะหนังตลกแบบไม่ต้องหาสาระและความเป็นจริงอะไรเลย เปิดเรื่องมาโฮล์มส์เจอวัตสันที่กลับมาจากสงครามและกำลังจะกระโดดตึกฆ่าตัวตาย บังเอิ๊ญว่าด้านล่างจุดที่จะโดดลงมาเป็นสวนผักแสนรักของโฮล์มส์ เขาจึงตะโกนด่าวัตสันว่าให้ไปโดดที่อื่น แต่วัตสันเข้าใจท่าทางของโฮล์มส์ผิด กลายเป็นว่าคิดว่าโฮล์มส์ให้กำลังใจเขามีชีวิตต่อ ทำให้วัตสันติดตามโฮล์มส์มาตั้งแต่บัดนั้น นี่คือแม้แต่จุดเริ่มต้นก็บันเทิงแท้แล้ว หนังยังมีมุกไร้เหตุผลมาอีกมากทั้งการตัดสินคดี ศจ.มอร์อาร์ตี้ ที่โฮล์มส์ดันไปช่วยว่าความให้พ้นผิดเสียแบบนั้น ด้วยเหตุผลบัดซบว่า ศจ.มอริอาร์ตี้ ตัวจริงนั้นควรจะหลักแหลมเกินกว่าจะทิ้งหลักฐานให้โดนจับได้ ดังนั้นที่ตำรวจใช้เวลาหลายปีตามจับมาได้ต้องเป็นตัวปลอมแน่นอน
นอกจากนั้นพวกมุกตลกเจ็บตัว มุกล้อหนัง มุกล้อบุคคล ล้อยุคสมัย ก็มาเต็ม และแน่นอนมันต้องไม่ลืมล้อหนังเชอร์ล็อก โฮล์มส์เองด้วย เช่นมุกการคำนวณในใจระหว่างต่อสู้ หรือการสันนิษฐานสุดเจ๋ง ก็ถูกเอามาแสดงซ้ำแต่โคตรฮาหลายดอกมาก ๆ
ความตลกแบบดี ๆ ว่าไปแล้ว หนังก็มีความเลยเถิดที่ต้องเปิดใจในการตลกอยู่ด้วย ซึ่งอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำหลายคนไม่ฮา ทั้งการทายตัวจริงของชายแปลกหน้าโดยล้อนักเขียนระดับตำนานอย่าง มาร์ค ทเวน หรือการเล่นหูเล่นตากับควีน กระทั่งทำทรมาณกรรมควีนแบบต้องอื้อหือ การล้อหนัง Ghost (1990) ด้วยฉากชันสูตรศพพร้อมเพลง Unchained Melody หรือแม้แต่การล้อคนผิดปกติทางสมองด้วย คือมุกตลกเสื่อม ๆ ที่บางคนไม่ตลกด้วย แต่มันกลับกล้าเล่น แถมเยอะด้วยไง ซึ่งเอาจริงมันตลกล่ะ แค่อาจไม่สมควรเล่นเท่านั้นเอง
ความที่มันสมควรได้รางวัลหนังห่วยแตกที่สุดของปี 2019 เอาจริงก็ไม่ได้ขนาดนั้นนะ เพราะมันตอบโจทย์ความบันเทิงได้เยอะอยู่ บางฉากบางมุกนี่เผลอหัวเราะออกมาดังมาก ๆ ที่น่าจะแย่จริงจังต้องเป็นเรื่องของงานสร้างโปรดักชั่นนี่คือระดับทีวีเท่านั้นเอง แล้วเป็นหนังทีวีแบบง่อย ๆ เลยนะ คือถ้าดูในโรงหนังคงเสียดายตังค์ค่าโปรดักชั่นที่ควรจะดีกว่านี้ แต่นี่ดูบนเน็ตฟลิกซ์เลยชิลและเฉยมาก หรืออาจเพราะคิดว่ามันต้องห่วยอยู่แล้วแต่แรกก็ไม่รู้ เลยไม่ได้คาดหวังให้รู้สึกแย่อะไร
ดังนั้นการที่หนังเรื่องนี้ได้รางวัลหนังห่วยแห่งปีไปครอง กลับมองว่าเป็นข้อดีเสียอีก เพราะคนคงไม่คาดหวังอะไรมากมาย และกลายเป็นบันเทิงกับมันได้แบบเหนือความคาดหมายเอามาก ๆ กลายเป็นสนุกเฉยเลย แนะนำครับถ้าว่าง ๆ อยากหาอะไรไร้สาระดูเพลิน ๆ 55
กดดูได้ที่นี่เลย https://www.netflix.com/watch/81004274
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส