Our score
7.9The Divine Fury มือนรกพระเจ้าคลั่ง
จุดเด่น
- งานสร้างดีงาม เนี้ยบใช้ได้
- นักแสดงโคตรดี โดยเฉพาะบาทหลวงแก่นี่ประทับใจเลย
- บทดราม่าเสริมเรื่องได้น่าสนใจดีมาก
จุดสังเกต
- ดราม่ากับการปูเรื่องแบบอยากมีภาคต่อ อาจเป็นยานอนหลับสำหรับบางคน
- ช่วงท้ายทำได้ไม่ถึงใจเท่าไหร่ ทั้ง ๆ ที่ชงมาดีตลอดเรื่อง
- หนังให้ความรู้สึกนานเกินไปเหมือนกันนะ
-
คุณภาพงานสร้าง
8.0
-
คุณภาพนักแสดง
8.5
-
ตรรกะความสมบูรณ์ของบท
8.0
-
ความสนุกน่าติดตาม
7.5
-
คุ้มเวลา ค่าตั๋ว
7.5
เรื่องย่อ The Divine Fury ว่าด้วยเรื่องของ ยงฮู (พัค ซอจุน) สุดยอดนักสู้ของโลกผู้ไร้ศรัทธาในเทพองค์ใดนอกจากตัวเอง จู่ ๆ เขากลับมีแผลเป็นที่ฝ่ามือเหมือนพระเยซู เขาจึงไปพบบาทหลวงเพื่อหวังจะรักษาแผลเป็น แต่กลายเป็นว่าตัวเขาเองที่เป็นฝ่ายช่วย บาทหลวงอัน (อัน ซึงกิ) ที่เกือบเอาชีวิตไม่รอดจากการไล่ผีแทนยงฮู เริ่มเรียนรู้พลังพิเศษที่เขาได้รับจากแผลเป็นบนฝ่ามือนี้ เพื่อช่วยคนบริสุทธิ์ที่ถูกวิญญาณร้ายเล่นงาน แต่สิ่งที่เป็นอุปสรรคชิ้นใหญ่ของเขาคือ จอมมารจีชิน (อู โดฮวาน) ที่หวังครอบงำจิตใจมนุษย์ด้วยความชั่วร้ายไปตลอดกาล
เจสัน คิม หรือ คิม จูฮวาน (Kim Joo-hwan) ผู้กำกับที่มีผลงานคุ้นหูแฟนหนังเกาหลีชาวไทยอย่าง Midnight Runners (2017) ได้กลับมาลองเปลี่ยนแนวจากหนังแอ็กชันกวน ๆ มาสู่หนังแอ๊กชันเหนือธรรมชาติที่ว่าด้วยภูติผีปีศาจกับบาทหลวงในสไตล์ The Exorcist ผสมความดาร์กโมเดิร์นเท่ ๆ แบบ Constantine และแอ็กชันซัดพลังหมัดที่ชวนให้นึกถึงบางส่วนของ Iron Fist อยู่เหมือนกัน โดยยังได้ดึงดาราหนุ่มกระแสแรงที่เพิ่งมีผลงานดังในบ้านเราจากการเล่นบทสมทบ (เพื่อนของลูกชายคนโต) ในเรื่อง Parasite และเป็นที่รู้จักของแฟนเกาหลีในบ้านเราจากซีรีส์ What’s Wrong With Secretary KIM อย่าง พัค ซอจุน (Park Seo-joon) มารับบทนำ แล้วก็เอาดารานำตัวหลักที่เล่นเป็นลูกชายคนโตจากเรื่อง Parasite อย่าง ชอย วูซิก (Choi Woo-sik) มารับบทสมทบแทน เออสับหน้าที่กันตลกดี นอกจากนี้ยังได้ทีมเอฟเฟกต์ชั้นแนวหน้าของเกาหลีจากหนัง Along with the Gods มาดูแลความสมจริงด้วย คือทีมงานคัดสรรมาแล้วจริง ๆ
นอกจากนี้หนังยังได้ดารารุ่นใหญ่ เจ้าของ 2 รางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยมของเกาหลีอย่าง อัน ซึงกิ (Ahn Sung-Ki) มารับบทสมทบสำคัญในฐานะบาทหลวงที่เป็นเหมือนอาจารย์ของพระเอก ในฟากตัวร้ายก็ไม่น้อยหน้าได้เจ้าของรางวัลนักแสดงหน้าใหม่ชายยอดเยี่ยม จากละครเรื่อง Mad Dog และเป็นที่รู้จักของแฟนชาวไทยจากซีรีส์ Great Seducer อย่าง อู โดฮวาน (Woo Do-Hwan) มารับบทบิชอปดำผู้รับใช้จอมปีศาจร้ายแห่งขุมนรกด้วย
ส่วนที่ต้องชื่นชมอย่างมากเลยคือ การนำชั้นเชิงเรื่องดราม่าที่เอกอุของหนังเกาหลี มาผสมผสานใส่แนวหนังไล่ผีของฝรั่งได้อย่างน่าสนใจ เพิ่มมิติการเล่าเรื่องได้แปลกรสที่กำลังเบื่อเลี่ยนได้พอดิบพอดี ถ้าหนังฝรั่งเราก็คงมีตัวเอกที่ไม่ศรัทธาในพระเจ้า แต่ต้องรับบททดสอบด้วยการเผชิญหน้าปีศาจที่เข้าสิงผู้บริสุทธิ์ แล้วสุดท้ายก็เกิดเชื่อมั่นศรัทธาแล้วก็เอาชนะไปได้ง่าย ๆ เป็นอันจบ เป็นแนวคุ้นเคยดีจากหนังตระกูลนี้ แต่กับหนังเกาหลีเรื่องนี้ได้สร้างบันไดแห่งการพิสูจน์ตัวละครที่ละเอียดกว่า ดูน่าเชื่อกว่า พระเอกไม่ได้อยู่ ๆ จะมาเชื่ออย่างปุ่บปั่บได้ เอาว่ากันตรง ๆ แล้วจนจบเรื่องเขาก็ยังพูดว่าเขาไม่ได้ศรัทธาในพระเจ้าอยู่ดีด้วยซ้ำ และเส้นทางการเรียนรู้ของตัวเอกก็ไม่ได้เรียบราบจนไร้สติ หากแต่เป็นการเรียนรู้ที่ค่อย ๆ มีพัฒนาการโดยคงลักษณะนิสัยที่เป็นเสน่ห์ของพระเอกที่นิ่งกวนเล็ก ๆ และเหมือนมีคำถามขัดแย้งกับศาสนาอยู่ตลอดเวลาให้คนดูชวนคิดตามด้วย และบาทหลวงเฒ่าก็เก่งในการสอนด้วยสิ หนังเลยมีโมเมนต์ดี ๆ อยู่ตลอด
ตรงนี้เป็นการสร้างความขัดแย้งที่น่าจับตามองตลอด ของการแสดงคู่กันระหว่างคู่หูต่างรุ่น อย่างพระเอกกับบาทหลวงสูงวัย ซึ่งตรงนี้ต้องยอมรับว่าการแสดงของ อัน ซึงกิ นั้นชูชงให้บทบาทของ พัค ซอจุน ยิ่งดูเข้มข้นขึ้นมาก ทั้งเรายังไม่อาจละสายตาจากการเล่นน้อยแต่สะกดของทั้งคู่ได้เลย บ่อยครั้งเป็นเพียงการเล่นด้วยการกะพริบตา แต่สื่ออารมณ์ได้หลากหลาย แม้แต่บทสมทบเล็ก ๆ ของ ชอย วูซิก เอง เราก็จะได้เห็นว่าเขามีฉากโชว์ของตัวเองที่น่าสนใจเช่นกัน คือเป็นเครื่องยืนยันว่าบท การกำกับ และการแสดงของหนังเรื่องนี้ คือเครื่องเทศรสใหม่ ที่ทำให้หนังแนวนี้แตกต่างอย่างมีนัยยะสำคัญจริง ๆ
จุดอ่อนของหนังมีที่หนักหน่อยคือ ฉากช่วงสุดท้ายนั้นไม่ค่อยมันเร้าใจสมการรอคอยที่ปูกันมายาวนาน คิวบู๊และการออกแบบฉากต่าง ๆ ยังน่าจะทำได้สนุกกว่านี้ น่าตื่นตาตื่นใจกว่านี้ได้อีก และยิ่งฉากถ้ำนรกที่พระเอกต้องปิดบัญชีกับบอสใหญ่นั้นก็ไม่ได้รู้สึกว่า อิ่ม เท่าที่ควร ตัวนักแสดง อู โดฮวานก็ทำได้ดีในการสร้างความน่ากลัวกลางเรื่องมา แต่พอมาถึงฉากสุดท้ายที่ต้องปะหนังเทียมทั้งตัวก็กลับลดทอนปิดบังการแสดงดี ๆ ของเขาไปกลายเป็นแค่พวกปีศาจดาด ๆ ที่มีเห็นในหนังทั่วไป ซ้ำพลังอะไรก็ไม่ได้ดูว้าวเลย มีตอนท้ายสุดที่เผยร่างปีศาจจากบ่อนรกนั่นล่ะที่รู้สึกว่าหนังกั๊กไว้ปล่อยของภาคต่อหรือเปล่าหว่าอยู่เหมือนกัน
แต่พอหนังจบเราก็พอเข้าใจได้ว่าทำไมจังหวะการเล่าของหนังมันช่างเหมือนการปูเรื่องอยู่ตลอดเรื่องเลย นั่นก็เพราะมันมีความทะเยอทะยานสำคัญที่จะสร้างจักรวาลหนังไล่ผีเกาหลีในแบบของตัวเอง และเรื่องนี้ก็เป็นเพียงการปูพื้นจักรวาลไล่ผีเท่านั้นเอง ตรงนี้ก็คงเป็นทั้งจุดแข็งและจุดอ่อนในตัว เพราะใครหวังมาดูหนังแอ็กชันมัน ๆ บอกเลยอาจมีหลับเอาได้บางช่วงเหมือนกัน แต่ถ้าชอบแนวดราม่าดี ๆ นี่คือหนังที่น่าลองรสสุด ๆ ในแนวขนบหนังผีตอนนี้ครับ
มือนรกมีเปลวไฟ มือจองตั๋วไวกดที่รูปด้านล่าง
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส