Our score
7.8ready or not : เกมพร้อมตาย
จุดเด่น
- บทเดินหน้าน่าติดตาม ผลัดกันได้เปรียบเสียเปรียบ
- ไม่เขียนให้นางเอกเก่งเกินไปนัก
- สอดแทรกมุกตลกอย่างได้ผล
- ซามารา วีฟวิง โดดเด่น เอาหนังอยู่
จุดสังเกต
- ไม่ค่อยโอเคกับบทลงเอยที่หลุดโลกเกินไป
-
คุณภาพงานสร้าง
7.0
-
คุณภาพนักแสดง
8.0
-
ตรรกะความสมบูรณ์ของบท
7.0
-
ความสนุกน่าติดตาม
9.0
-
คุ้มเวลา ค่าตั๋ว
8.0
เข้าสู่ฤดูหนังเล็กหลังจากจบสิ้นฤดูหนังซัมเมอร์ไปแล้วกับ Hobbs and Shaw ที่เป็นเรื่องส่งท้ายเทศกาล หนังฟอร์มเล็กที่ใช้ทุนสร้างต่ำก็ต้องเป็นหนังสยองขวัญเนี่ยล่ะ โอกาสเสี่ยงที่จะขาดทุนต่ำ ถึงแม้ว่าพลอตเรื่องของ Ready or Not จะฟังดูแปลกใหม่ แต่ก็ยังดำเนินบนสูตรสำเร็จที่ว่าด้วยการไล่ล่าเหยื่อในพื้นที่ปิดล้อม รอบนี้ขยายมาเป็นพลอตเรื่องได้น่าสนใจ เมื่อเกรซเจ้าสาวคนสวยกำลังดีใจเนื้อเต้นที่กำลังจะเป็นสะใภ้ในตระกูลใหญ่ เลอ โดมาส เป็นตระกูลเก่าแก่มีศักดินามายาวนาน ร่ำรวยจากธุรกิจเกมกระดาน และเป็นเจ้าของทีมอเมริกันฟุตบอลอีก 4 ทีม งานแต่งจัดอย่างเรียบง่ายในปราสาทส่วนตัวของครอบครัว
ทุกอย่างดูจะสวยหรูราบรื่น เมื่อเสร็จพิธีในช่วงค่ำ อเล็กซ์เจ้าบ่าวของเกรซก็บอกกับเธอว่า ตระกูลของเขามีพิธีการเก่าแก่ที่สะใภ้หรือเขยที่แต่งงานเข้าสู่ตระกูลนี้จะต้องเล่นเกมด้วยกันกับสมาชิกครอบครัว ขึ้นอยู่กับว่าเธอจะเสี่ยงทายได้เกมอะไร นี่มันหนังสยองขวัญนะ เกรซก็จำต้องดวงซวยสุดเสี่ยงทายได้เกม “ซ่อนหา” ซึ่งฟังดูขำ ๆ แต่กลับกลายเป็นว่านี่คือเกมไล่ล่าเอาชีวิต เกมที่ทุกคนภาวนาว่าอย่าได้เจอ ในขณะที่สะใภ้และเขยที่แต่งเข้ามาก่อนหน้าก็ได้เกมน่ารัก ๆ อย่างหมากรุก หรือไพ่อีแก่กัน เกมที่เกรซเผชิญก็เหมือนเกมซ่อนหาทั่วไป แต่ถ้าเกรซซ่อนไม่ดีถูกหาเจอ นั่นหมายถึงจุดจบชีวิตเพราะสมาชิกในครอบครัวที่มีทั้ง พ่อ, แม่, พี่ชาย, พี่สะใภ้, พี่สาว, พี่เขย และอาหญิงที่หน้าตาดูโรคจิตกระหายอยากจะเล่นเกมนี้ที่สุด ทุกคนมาพร้อมอาวุธหนักที่พร้อมจะเอาชีวิตเกรซทันทีที่พบตัว
หนังใช้เวลาปูความไม่นาน เพราะหนังยาวเพียงแค่ 90 นาที ไม่รวมเครดิตท้ายเรื่อง เกรซต้องควบคุมสติไม่ให้เตลิดเปิดเปิงเพื่อจะเอาชีวิตรอดจากครอบครัวโรคจิตนี้ในปราสาที่เธอไม่ชำนาญพื้นที่นัก ความตื่นเต้นของหนังก็คือฉากหลบซ่อนและไล่ล่า มีฉากให้ลุ้นแทบทั้งเรื่อง หลบซ่อนกันแบบฉิวเฉียดให้คนดูได้ลุ้นว่าฝ่ายล่าจะเจอตัวเธอไหม หนังเพิ่มบรรยากาศให้ตึงเครียดด้วยการปรับโทนสีหนังให้มืดหม่น ไม่มีสีสันสดใสให้เห็นเลย ฉากฆ่ากันถือว่ารุนแรงตามมาตรฐานหนังสยองขวัญ ยิงหน้าไม้ทะลุปาก ฟันกันคอขาด ยิงเข้าแสกหน้า แต่ให้เห็นกันแบบแวบเดียว ไม่มีการแช่กล้องกันให้กระอักกระอ่วน ส่วนฉากตุ้งแช่เรื่องนี้มีบ้างเล็กน้อย ไม่เน้นครับ
จุดที่ชอบที่สุดใน Ready or Not คือมุกตลกร้ายที่หยอดเข้ามาได้ถี่ เลยทำให้หนังเดินหน้าแบบลุ้นไปขำไป มุกที่ยิงมาได้ผล หัวเราะได้เสียงดัง ๆ ช่วยผ่อนเบาให้บรรยากาศหนังได้มากไม่เครียดเกินไป ระหว่างการไล่ล่าก็ยังมีช่วงให้ผ่อนพักหายใจ 2 – 3 รอบ แทรกด้วยบทสนทนาในครอบครัวซึ่งทำให้เราได้รู้ถึงความสัมพันธ์ในครอบครัวนี้ที่ไม่สู้ดีนัก และเผยถึงคำสาปโบราณที่ครอบครัวนี้กลัวกันหนักหนา และเป็นเหตุให้สมาชิกครอบครัวต้องพยายามเอาชีวิตเกรซให้ได้ก่อนรุ่งเช้า บทอเล็กซ์สามีของเกรซ ก็เป็นอีกส่วนสำคัญที่ทำให้หนังน่าติดตาม เพราะคนดูจะต้องคาดเดาความคิดการตัดสินใจของเขาว่าจะอยู่ข้างเกรซ ช่วยเธอให้รอดชีวิตจากคืนนี้ หรือจะเลือกครอบครัวแล้วเอาชีวิตของเกรซเข้าแลก จุดที่เกินคาดเดาไปมากคือฉากจบ ไม่คิดว่าจะเลยเถิดไปถึงขั้นแฟนตาซีเพียงนี้
ซามารา วีฟวิ่ง นักแสดงวัยรุ่นที่เคยสร้างชื่อมาจากบทพี่เลี้ยงสุดเซ็กซี่ใน The Babysitter เธอเป็นตัวเลือกที่เหมาะมากกับบท เกรซ มีทั้งความสวย ห้าว แล้วก็แกร่ง บทหนังก็ใจร้ายกับเธอพอควรที่ต้องเผชิญกับคนนับสิบคอยจ้องเอาชีวิตเธอ ในการดูหนังฮอลลีวู้ดแบบนี้เราก็ทำใจไว้แล้วระดับหนึ่งว่าหนังต้องเวอร์ ตัวเอกต้องเก่งเกินจริง แต่สำหรับ Ready or Not ก็ไม่ได้เขียนให้เกรซกลายเป็นซูเปอร์ฮีโรสาว แต่ก็พลาดท่าเสียทีบ่อยครั้ง ผ่านค่ำคืนนี้ไปแบบสะบักสะบอมมีบาดแผลทั้งตัว ฉากปีนขึ้นบันได (บอกแค่นี้พอ เดี๋ยวกลายเป็นสปอยล์) เป็นฉากที่โคตรลุ้น แล้วซามาราก็ถ่ายทอดสีหน้าได้ดีมาก พาคนดูให้รู้สึกร่วมเจ็บปวดไปกับเธอได้เลย
อีกรายที่อยากพูดถึงสำหรับคอหนังรุ่นเก่า คือการกลับมาปรากฏตัวของ แอนนี แม็กโดเวลล์ นางเอกแถวหน้าจากยุค 90s เธอเป็นเจ้าของบทนำในหนังระดับตำนานหลายเรื่อง Groundhog day (1993), Four Weddings and a Funeral (1994) และ Hudson Hawk (1991) แอนดี กลับมารับบทขุ่นแม่ในเรื่องนี้ด้วยวัย 61 ปี ใบหน้าก็สมวัยละครับเหี่ยวย่นทั้งหน้า แต่สำหรับคนที่เคยเห็นเธอในวัยสวยสุดมาแล้ว ก็ต้องทำใจพอควรกับการยอมรับสัจธรรมชีวิตอันน่ากลัว แต่อย่างน้อยเธอก็ยังมีร่องรอยความสวยในวัยสาวให้เห็นอยู่นะ
Ready or Not จัดอยู่ในกลุ่มหนังสยองขวัญมาตรฐานระดับกลาง ในสัปดาห์ที่ไม่มีหนังฟอร์มใหญ่แบบนี้ก็เป็นตัวเลือกที่แนะนำไม่เสียดายเงินไม่เสียดายเวลาแน่นอน แต่ถ้าพลาดไปก็ไม่น่าเสียดายแต่อย่างใด