Our score
9.2Weathering with You
จุดเด่น
- งานภาพเหนือคำบรรยายไปแล้ว สุดมาก
- ไอเดียของเรื่องราวยังน่าสนใจมาก ๆ
- เพลงจาก Radwimps ยังทำงานดีมาก ๆ
- หนังมีจุดหักมุมหลายจุด ทั้งเล็กและใหญ่ แต่สร้างอิมแพกต์ดีมาก ๆ
จุดสังเกต
- การเล่าเรื่องของแต่ละตัวละครยังเอามารวมกันไม่ค่อยกลมกล่อม
-
คุณภาพงานสร้าง
10.0
-
เพลงประกอบ
10.0
-
ตรรกะความสมบูรณ์ของบท
8.0
-
ความสนุกน่าติดตาม
8.5
-
คุ้มเวลา ค่าตั๋ว
9.5
เรื่องย่อ เมื่อเด็กหนุ่มมัธยมปลายจากเมืองเล็ก ๆ ในชนบท โมริชิมะ โฮดากะ (ไดโกะ โคทาโร่) ได้ตัดสินใจหนีออกจากบ้านไปใช้ชีวิตในโตเกียวเพียงลำพัง เขาก็ได้พบกับความผิดปกติบางอย่างในเมืองแห่งนี้ เนื่องด้วยเพราะต้องทำงานเบ๊ให้นิตยสารรวมสิ่งลึกลับเลี้ยงชีพ เขาจึงเริ่มสังเกตเห็นถึงสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นบ่อยจนคนในเมืองคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติ และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาได้พบกับ อามาโนะ ฮินะ (โมริ นานะ) สาวน้อยปริศนาที่มีความสามารถในการควบคุมสภาพอากาศ และความลับที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าของโลกใบนี้ไปตลอดกาล
เนื่องด้วยตัวหนังได้จัดรอบพิเศษก่อนรอบสื่อเสียอีก ในวันที่ 28,30 สิงหาคม และ 1 กันยายน นี้ เราจึงรีบไปลองของมาอย่างว่องไว เพื่อตอบคำถามสำคัญของแฟน ๆ ที่คงอยากรู้ที่สุดก่อนได้ไปชมเองกับตาว่า หนังเรื่องนี้เหนือกว่าเรื่องก่อนหน้าอย่าง Your Name. หรือไม่? โดยผมมีคำตอบในใจแบบรวบรัดว่า เหนือกว่า และด้อยกว่า แต่จะในจุดใดขอให้อ่านรีวิวนี้ตามกันไปครับ
นี่คือผลงานหนังยาวฉายโรงลำดับที่ 6 ของผู้กำกับอนิเมะแห่งยุคอย่าง ชินไค มาโกโตะ (Shinkai Makoto) ผู้เคยฝากผลงานโรแมนติกระหว่างหนุ่มสาวที่มีระยะห่างของบางอย่างมาคั่นไว้อันตราตรึงใจผู้ชม ทั้ง Kimi no na wa. หรือ Your Name. (2016) ที่พระเอกกับนางเอกมีระยะห่างของสถานที่และกาลเวลามากั้นขวาง หรือจะเป็น 5 Centimeters Per Second: A Chain of Short Stories About Their Distance (2007) ที่ตัวเอกมีระยะห่างจากกันเท่าความต่างของปัจจุบันและความทรงจำแสนไกล หรืออาจต้องพูดไปถึง Voices of a Distant Star (2002) หนังสั้นขนาดยาวที่เป็นผลงานสร้างชื่อเรื่องแรกของชินไคเอง ก็มีระยะห่างของอวกาศและความต่างความเร็วของเวลามาเกี่ยวข้อง และใน Weathering with You นี้ชินไคก็ได้นำเสนอระยะห่างที่กั้นขวางและเพิ่มโจทย์ยากให้ตัวละครอีกเช่นเคย ซึ่งพูดไปก็สปอยล์แน่ ๆ อยากให้ดูกันเองครับ บอกได้แค่ว่า โหหห
สำหรับส่วนที่ยังทำได้ดีของหนังเรื่องนี้ คงเป็นคาแรกเตอร์ดีไซน์ที่ชินไคได้ทีมงานมืออาชีพมาช่วยมากขึ้น ทำให้ลายเส้นพัฒนาขึ้นจากที่เคยวาดเองแบบสไตล์เฉพาะตัวที่ตัวละครมักจะแข็ง ๆ นิ่ง ๆ แม้จะเหมาะกับภาพจมดิ่งกับความรู้สึกได้ดี อย่างในเรื่อง 5 Centimeters Per Second และ The Garden of Words (2013) แต่ก็ทำให้หนังขาดรสชาติอื่น ๆ ที่ควรมีไป พอลายเส้นส่งเสริมเรื่องมากขึ้นนับตั้งแต่ Your Name. หนังของชินไคจึงเริ่มมีอารมณ์ที่หลากหลายมากขึ้น เล่าได้สนุกขึ้น ทั้งความยินดี สนุก เศร้า เสียใจ แฟนตาซี มีครบทุกรสให้หยิบเลือกกลายเป็นเสือติดปีกในที่สุด
และอีกอย่างที่ยังทำได้ดีคือการร่วมงานดนตรีประกอบและเพลงประกอบกับวง แรดวิมป์ส (Radwimps) ที่เคยมีผลงานเด่นในเรื่อง Your Name. ทั้งเพลง Sparkle และ Nandemonaiya มารอบนี้ก็ยังมีเพลงที่ได้พลังในระดับเดียวกันทั้งเพลง Is There Still Anything That Love Can Do? ที่มองผ่านสายตาของโฮดากะ พระเอกที่รุ้สึกตัวเองต่ำต้อยไร้ค่าในโลกสีเทาไม่ต้องคิดแม้แต่จะทำอะไรเพื่อใครเลย แต่เพราะฮินะหรือนางเอกปรากฏตัวเข้ามาในชีวิต เขาจึงตั้งคำถามกับตัวเองครั้งแรกว่า อาจมีบางอย่างที่คนอย่างเขาสามารถทำให้คนอย่างเธอได้บ้าง โรแมนติกสุด ๆ ยังต้องรวมถึงเพลงจบอย่าง We’ll Be Alright เพลงที่บอกว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ไปเธอกับฉันจะต้องไม่เป็นอะไร (ตราบที่ได้อยู่ข้างกัน) เป็นเพลงจบที่ซึ้งมากอีกแล้ว ดีงามพอกับใน Your Name. จริง ๆ
ส่วนที่ดีกว่าเหนือกว่า หนังเรื่องที่แล้ว ก็คงเป็นมิติทางภาพ และความซับซ้อนของเทคนิคการสร้างสรรค์ที่ต้องบอกว่า มีฉากที่สวยแปลกตา มีมิติความลึกและชั้นของภาพ ตลอดจนการเคลื่อนกล้องที่สวยขึ้น ว้าวขึ้นไปอีก ยิ่งตัวหนังขับเน้นความสำคัญของเม็ดฝนที่เป็นคีย์หลักของเรื่อง ต้องบอกว่า โหหห งามทุกเม็ดใส่ใจกับการนำเสนอ น้ำ มากจริง ๆ ซึ่งไม่ใช่งานง่ายเลยนะ ยิ่งเอาสภาพอากาศเป็นพระเอกอีกหนึ่งคนของเรื่องแล้วยิ่งเข้าทางสายภาพวิวภาพบรรยากาศอย่างชินไคเข้าไปอีก คือเข้าไปดูไปศึกษาเรื่องการวาดการลงสีการให้แสง หรือการอนิเมตภาพ มุมกล้องการเคลื่อนไหว ก็โคตรคุ้มแล้ว
ส่วนที่รู้สึกว่าด้อยลงนิดหน่อย คงเป็นความกลมกล่อมของเนื้อหานั่นเอง หากตัดฉาบเคลือบทั้งหลายออก ต้องยอมรับว่าเนื้อเรื่องมีอะไรให้เล่าเยอะเกินไป ทั้งชีวิตพระเอก ชีวิตนางเอก น้องชายนางเอก ชีวิตของเจ้าของบริษัทที่ให้พระเอกมาทำงาน คือเยอะไป และเอามาอยู่ร่วมกันได้ไม่ดีพอ เพราะหนังมันมีจุดสำคัญในการพลิกหักมุม มีจุดเหนือธรรมชาติ และความแฟนตาซีอะไรพอสมควรตั้งแต่แบบ หือ จนกระทั่งโอ้โหเฮ้ยเล่นงี้เลยเรอะ! ซึ่งพอมันต้องมาคำนึงถึงปมดราม่าต่าง ๆ แล้ว ดันกลายเป็นตัดทอนความดีเด่นของกันและกันไปเสียแทนระหว่างดราม่ากับแฟนตาซี
อย่างไรก็ตามถามความรู้สึกส่วนตัวว่าดูแล้วอยากดูอีกไหม ก็ต้องบอกคุ้มค่ามาก ดูอีกได้สบาย ดังนั้นไม่ต้องห่วงเลย ดูเรื่องนี้ออกมาอิ่มเอมสุด ๆ แน่ ๆ ยิ่งมีเซอร์ไพรส์ให้แฟนหนังชินไคเป็นอีสเตอร์เอ้กในเรื่องได้กรี๊ดกร๊าดอีก แนะนำสุด ๆ ไปเลย
ดูภาพ ฟังเพลง ก็คุ้มโคตรแล้ว ยัง ยัง ยังไม่รีบกดจองตั๋วที่รูปด้านล่างอี๊ก
อ่านประวัติและผลงานทั้งหมดของมาโกโตะ ชินไค
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส