![[รีวิว]AD Astra ภารกิจตะลุยดาว – ไซไฟสไตล์กวีที่อาจไม่ใช่หนังสำหรับทุกคน](https://www.beartai.com/wp-content/uploads/2019/09/Ad-Astra-Cover-780x439.jpg)
Our score
7.3AD ASTRA
จุดเด่น
- หนังผสมการเล่าเรื่องเชิงปรัชญาเข้ากับหนังอวกาศจนได้รสชาติใหม่
- หนังพยายามปลุกคนดูด้วยฉากแอ็คชั่น และสยองขวัญ
จุดสังเกต
- คนที่หวังมาดูหนังไซไฟมันส์ๆ มีผิดหวังแน่ๆ
- เนื้อเรื่องยัดทั้งดราม่าและแอ็คชั่นที่ไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่
- ดราม่าพ่อลูกในเรื่องยังไม่ทำให้อินเท่าที่ควร
-
คุณภาพงานสร้าง
9.0
-
คุณภาพนักแสดง
7.0
-
ความสมบูรณ์ของบท
7.5
-
ความสนุกน่าติดตาม
6.0
-
ความคุ้มค่าตั๋ว
7.0
เมื่อจักรวาลกำลังเผชิญกับภัยร้ายอันเป็นผลมาจากการทดลองลึกลับของ คลิฟฟอร์ด แมคไบรด์ (ทอมมี ลี โจนส์) นักวิทยาศาสตร์ที่หายตัวไปกว่า 30 ปี ทำให้ รอย แมคไบรด์ (แบรด พิตต์) นักบินอวกาศลูกชายของเขาต้องออกเดินทางฝ่าอันตรายนานับประการเพื่อยับยั้งมหันตภัยครั้งใหญ่ที่กำลังก่อตัว

สนับสนุนเนื้อหาโดย Major Cineplex
แม้ตัวอย่างหนังจะพยายามขายฉากแอ็กชันตะลุยอวกาศกันแบบตูมตามหวังโกยเงินกันเต็มที่ แต่เนื้อแท้แล้วหนังของ เจมส์ เกรย์ ผู้กำกับที่เคยดังจากหนังแก๊งสเตอร์อย่าง Little Odessa และ We Own The Night กลับมุ่งสำรวจจิตใจของตัวละครอย่าง รอย แมคไบรด์ ที่มีปมเรื่องพ่อกับการสำรวจอวกาศที่ทิ้งบาดแผลในจิตใจของเขาจนภารกิจตะลุยดาวกลายเป็นการตามหาคำตอบที่ค้างคาในใจมาตลอด 30 ปี ซึ่งต้องยอมรับว่าเนื้อเรื่องและการนำเสนอในส่วนนี้ เจมส์ เกรย์ แทบจะลอกสไตล์การเล่าเรื่องของ เทอร์เรนซ์ มาร์ลิค มาชัดมาก ยิ่งพอได้แบรด พิตต์มาเล่น ภาพของ Tree of Life ก็แจ่มชัดขึ้นมาทีเดียวจนอาจทำให้คนที่คาดหวังมาดูหนังไซไฟแอ็กชันตะลุยอวกาศเหวอปนหาวหวอดๆ ได้เหมือนกัน ที่สำคัญดราม่าพ่อลูกในเรื่องยังบางเบาเกินกว่าเราจะเชื่อหรืออินตามตัวละครไปได้

Brad Pitt

Ad Astra
แต่กระนั้นเกรย์เองก็เหมือนรู้ตัวว่ากำลังทำหนังไซไฟอวกาศอยู่ก็เลยใช้บริการ ฮอยต์ ฟาน ฮอยเตมา ที่เคยถ่าย Interstellar ให้เสด็จพ่อโนแลนมาก่อนมารับผิดชอบในส่วนงานภาพ แต่ปัญหาก็ตามมาอีกนั่นแหละ เพราะภาพอวกาศของหนังก็ไม่ได้หนีจาก Interstellar นัก มิหนำซ้ำยังมีภาพบางส่วนไปคล้ายคลึงกับ Gravity หนังไซไฟอวกาศดีกรีออสการ์ ยังไม่พอเกรย์เหมือนกลัวหนังตัวเองจะดูอาร์ตไปถึงขั้นเอาใจคนดูด้วยการใส่ฉากสยองขวัญที่อยู่ๆ ก็ใส่มายังทำให้นึกถึงงานคลาสสิกทั้ง Alien และ Event Horizon ไม่น้อยรวมถึงใส่ฉากแอ็กชันแบบไม่สนที่มาที่ไปอยู่ดีๆก็มีการปล้นชิงกันบนดวงจันทร์ซึ่งแม้จะไม่ค่อยเข้ากับเนื้อหาในภาพรวมนักแต่อย่างน้อยก็ช่วยปลุกคนดูจากอาการง่วงหงาวหาวนอนในส่วนพระเอกพร่ำพรรณนาได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

Brad Pitt from AD Astra

Brad Pitt From AD Astra
ข้อสังเกตสำคัญสำหรับคนที่ผ่านตาหนังไซไฟอวกาศยุค 90 มาก่อนคงหนีไม่พ้นการแคสติงบรรดานักแสดงที่เคยเล่นหนังไซไฟอวกาศมาก่อนทั้ง ทอมมี ลี โจนส์ และ โดนัลด์ ซุตเธอร์แลนด์ จาก Space Cowboy หรือ ลิฟ ไทเลอร์ จาก Armageddon ที่มาร่วมจอกับ แบรด พิตต์ ที่ไม่เคยสวมชุดอวกาศมาก่อนแบบพยายามบอกเป็นนัยอ้อมๆว่า AD Astra จะพยายามสร้างภาพของหนังอวกาศที่แตกต่างจากรสชาติที่คุ้นเคย ซึ่งก็ยอมรับในความใหม่ของหนังที่แม้จะมีกลิ่นงานดังๆอยู่บ้าง แต่อย่างว่ารสชาติใหม่นี้ก็อาจไม่ได้ถูกใจคนดูทุกคนเท่าไหร่นัก.
อย่างที่บทความในแบไต๋ก่อนหน้านี้เคยพูดถึงที่มาของชื่อเรื่อง AD Astra ไว้ว่ามาจากวลีดังที่กลายเป็นคำขวัญประจำกองทัพอากาศหลายประเทศอย่าง Per aspera ad astra ที่กล่าวถึงการตะลุยความยากลำบากไปสู่ดวงดาว ซึ่งนอกจากจะกล่าวถึงภารกิจของพระเอกแล้ว ยังอาจหมายถึงความยากลำบากของคนดูในการทำความเข้าใจกับหนังที่บอกตรงๆเลยว่าเป็นหนังที่ดูไม่ง่ายเท่าใดนัก.
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส