[รีวิว]AD Astra ภารกิจตะลุยดาว – ไซไฟสไตล์กวีที่อาจไม่ใช่หนังสำหรับทุกคน
Our score
7.3

AD ASTRA

จุดเด่น

  1. หนังผสมการเล่าเรื่องเชิงปรัชญาเข้ากับหนังอวกาศจนได้รสชาติใหม่
  2. หนังพยายามปลุกคนดูด้วยฉากแอ็คชั่น และสยองขวัญ

จุดสังเกต

  1. คนที่หวังมาดูหนังไซไฟมันส์ๆ มีผิดหวังแน่ๆ
  2. เนื้อเรื่องยัดทั้งดราม่าและแอ็คชั่นที่ไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่
  3. ดราม่าพ่อลูกในเรื่องยังไม่ทำให้อินเท่าที่ควร
  • คุณภาพงานสร้าง

    9.0

  • คุณภาพนักแสดง

    7.0

  • ความสมบูรณ์ของบท

    7.5

  • ความสนุกน่าติดตาม

    6.0

  • ความคุ้มค่าตั๋ว

    7.0

เมื่อจักรวาลกำลังเผชิญกับภัยร้ายอันเป็นผลมาจากการทดลองลึกลับของ คลิฟฟอร์ด แมคไบรด์ (ทอมมี ลี โจนส์) นักวิทยาศาสตร์ที่หายตัวไปกว่า 30 ปี ทำให้ รอย แมคไบรด์ (แบรด พิตต์) นักบินอวกาศลูกชายของเขาต้องออกเดินทางฝ่าอันตรายนานับประการเพื่อยับยั้งมหันตภัยครั้งใหญ่ที่กำลังก่อตัว

Play video

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย Major Cineplex

 

 

 

 

 

 

แม้ตัวอย่างหนังจะพยายามขายฉากแอ็กชันตะลุยอวกาศกันแบบตูมตามหวังโกยเงินกันเต็มที่ แต่เนื้อแท้แล้วหนังของ เจมส์ เกรย์ ผู้กำกับที่เคยดังจากหนังแก๊งสเตอร์อย่าง Little Odessa และ We Own The Night กลับมุ่งสำรวจจิตใจของตัวละครอย่าง รอย แมคไบรด์ ที่มีปมเรื่องพ่อกับการสำรวจอวกาศที่ทิ้งบาดแผลในจิตใจของเขาจนภารกิจตะลุยดาวกลายเป็นการตามหาคำตอบที่ค้างคาในใจมาตลอด  30  ปี ซึ่งต้องยอมรับว่าเนื้อเรื่องและการนำเสนอในส่วนนี้ เจมส์ เกรย์ แทบจะลอกสไตล์การเล่าเรื่องของ เทอร์เรนซ์ มาร์ลิค มาชัดมาก ยิ่งพอได้แบรด พิตต์มาเล่น ภาพของ Tree of Life ก็แจ่มชัดขึ้นมาทีเดียวจนอาจทำให้คนที่คาดหวังมาดูหนังไซไฟแอ็กชันตะลุยอวกาศเหวอปนหาวหวอดๆ ได้เหมือนกัน ที่สำคัญดราม่าพ่อลูกในเรื่องยังบางเบาเกินกว่าเราจะเชื่อหรืออินตามตัวละครไปได้

Brad Pitt

Ad Astra

แต่กระนั้นเกรย์เองก็เหมือนรู้ตัวว่ากำลังทำหนังไซไฟอวกาศอยู่ก็เลยใช้บริการ ฮอยต์ ฟาน ฮอยเตมา ที่เคยถ่าย Interstellar ให้เสด็จพ่อโนแลนมาก่อนมารับผิดชอบในส่วนงานภาพ แต่ปัญหาก็ตามมาอีกนั่นแหละ เพราะภาพอวกาศของหนังก็ไม่ได้หนีจาก Interstellar นัก มิหนำซ้ำยังมีภาพบางส่วนไปคล้ายคลึงกับ Gravity หนังไซไฟอวกาศดีกรีออสการ์ ยังไม่พอเกรย์เหมือนกลัวหนังตัวเองจะดูอาร์ตไปถึงขั้นเอาใจคนดูด้วยการใส่ฉากสยองขวัญที่อยู่ๆ ก็ใส่มายังทำให้นึกถึงงานคลาสสิกทั้ง Alien และ Event Horizon ไม่น้อยรวมถึงใส่ฉากแอ็กชันแบบไม่สนที่มาที่ไปอยู่ดีๆก็มีการปล้นชิงกันบนดวงจันทร์ซึ่งแม้จะไม่ค่อยเข้ากับเนื้อหาในภาพรวมนักแต่อย่างน้อยก็ช่วยปลุกคนดูจากอาการง่วงหงาวหาวนอนในส่วนพระเอกพร่ำพรรณนาได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

Brad Pitt from AD Astra

Brad Pitt From AD Astra

ข้อสังเกตสำคัญสำหรับคนที่ผ่านตาหนังไซไฟอวกาศยุค 90 มาก่อนคงหนีไม่พ้นการแคสติงบรรดานักแสดงที่เคยเล่นหนังไซไฟอวกาศมาก่อนทั้ง ทอมมี ลี โจนส์ และ โดนัลด์ ซุตเธอร์แลนด์ จาก Space Cowboy หรือ ลิฟ ไทเลอร์ จาก Armageddon ที่มาร่วมจอกับ แบรด พิตต์ ที่ไม่เคยสวมชุดอวกาศมาก่อนแบบพยายามบอกเป็นนัยอ้อมๆว่า AD Astra จะพยายามสร้างภาพของหนังอวกาศที่แตกต่างจากรสชาติที่คุ้นเคย ซึ่งก็ยอมรับในความใหม่ของหนังที่แม้จะมีกลิ่นงานดังๆอยู่บ้าง แต่อย่างว่ารสชาติใหม่นี้ก็อาจไม่ได้ถูกใจคนดูทุกคนเท่าไหร่นัก.

อย่างที่บทความในแบไต๋ก่อนหน้านี้เคยพูดถึงที่มาของชื่อเรื่อง AD Astra ไว้ว่ามาจากวลีดังที่กลายเป็นคำขวัญประจำกองทัพอากาศหลายประเทศอย่าง Per aspera ad astra ที่กล่าวถึงการตะลุยความยากลำบากไปสู่ดวงดาว ซึ่งนอกจากจะกล่าวถึงภารกิจของพระเอกแล้ว ยังอาจหมายถึงความยากลำบากของคนดูในการทำความเข้าใจกับหนังที่บอกตรงๆเลยว่าเป็นหนังที่ดูไม่ง่ายเท่าใดนัก.

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส