Our score
8.6Vagabond
จุดเด่น
- บทบิ้วให้เอาใจช่วย เอาใจลุ้นดี
- ลีซึงกิได้คาแรกเตอร์ที่มีเสน่ห์มาก
- แบซูจียังสวยมีเสน่ห์มาก และดูลึกลับด้วย
- โปรดักชันตั้งใจสร้างดีมาก
จุดสังเกต
- ช่วงแรกซ่อนปมหลอกเยอะ ดูจะงง ๆ ลำดับตัดต่อนิดหน่อย
- ตัวละครเยอะ และต้องจำเยอะพอสมควร
- คาแรกเตอร์พระเอกถ้าไม่สงสารก็ชวนหงุดหงิดไปเลยเหมือนกันนะ
-
คุณภาพงานสร้าง
8.5
-
คุณภาพนักแสดง
8.5
-
ความสมบูรณ์ของบท
8.5
-
ความสนุกน่าติดตาม
9.0
-
คุ้มค่าเวลาในการรับชม
8.5
เรื่องย่อ สตันท์แมนนามว่า ชาดัลกอน (ลีซึงกิ) ซึ่งได้เข้ามาพัวพันกับโศกนาฏกรรมเครื่องบินตก และจบลงด้วยการพบเจอเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับการคอรัปชันระดับชาติ ในขณะเดียวกัน โกแฮริ (แบซูจี) ลูกสาวคนโตของทหารเรือผู้ล่วงลับ ได้ตัดสินใจทำงานในหน่วยความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะหน่วยสืบราชการลับ เพื่อเลี้ยงดูแม่และพี่น้องของเธอ แม้แฮริฝันที่จะได้ใช้ชีวิตเรียบง่ายในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐธรรมดาก็ตาม
Vagabond หรือ Baegabondeu (배가본드) ซึ่งแปลว่า คนพเนจร เป็นดราม่าซีรีส์จำนวน 16 ตอน ที่ออกอากาศทางช่อง SBS (Seoul Broadcasting System) ทุกคืนวันศุกร์-เสาร์ เวลา 4 ทุ่มเป็นต้นไป และออกอากาศผ่านทางสตรีมมิ่งชื่อดังอย่าง เน็ตฟลิกซ์ (Netflix) ในเวลาเดียวกัน ไม่ต้องรอให้ออนแอร์ในเกาหลีครบแล้วค่อยมาลงทีเดียว เรียกว่าบ้านเราได้ดูผ่านเน็ตฟลิกซ์ไปพร้อม ๆ กับทางเกาหลีแบบไม่มีโฆษณาคั่นด้วย (ดีกว่าอีกแน่ะ)
ความน่าสนใจของซีรีส์นี้เริ่มที่ 2 ดารานำนั้น เป็นการกลับมาร่วมงานกันของนักแสดงชั้นแนวหน้าของเอเชียที่มีแฟนติดตามเยอะมาก ๆ อย่าง ลีซึงกิ (Lee Seung-Gi) กับ แบซูจี (Bae Suzy) นับตั้งแต่ซีรีส์ย้อนยุคเรื่อง Gu Family Book คังชิ คัมภีร์ตระกูลจิ้งจอก เมื่อ 6 ปีก่อน ซึ่งทั้งคู่ก็มีแฟนติดตามจากที่ทั้งสองเป็นศิลปินที่มีผลงานเพลงดัง และติดตามในฐานะที่เป็นนักแสดงที่มีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่องด้วย เขาว่าดารานำมีชื่อเสียงก็โกยเรตติ้งไปเป็นกระบุงแล้ว และเพียงเปิดตัวตอนแรกก็สามารถขึ้นไปที่อันดับ 3 เป็นรองแค่ Home for Summer (여름아부탁해) ของช่องใหญ่ KBS และ A Place in the Sun (태양의계절) ของช่อง KBS2 (ทั้งสองเรื่องเป็นซีรีส์ขนาดยาวทีมีฐานแฟนแน่นเหนียวระดับ 100 ตอนขึ้น และในไทยมีให้รับชมทางสตรีมมิ่งของ viu)
ส่วนในด้านทีมงานสร้างทางเน็ตฟลิกซ์ก็ชูว่าเป็นการร่วมงานครั้งที่ 4 ของผู้กำกับ ยูอินชิค (Yu In-Sik) ที่มีผลงานคว้ารางวัลอย่าง Dr. Romantic (นี่ก็มีใน viu) และทีมเขียนบทอย่างจางยองชอล และ จางคยองซุน นอกจากนั้น นี่ยังเป็นโปรดักชันทุ่มทุนที่ถ่ายทำถึง 3 ประเทศคือ เกาหลี โปรตุเกส และโมรอคโค และจัดเต็มทั้งฉากบู๊อัดแน่นร่วมกับวิช่วลเอฟเฟกต์ที่ให้ความรู้สึกระดับหนังโรงเกาหลีเลยทีเดียว
ตามที่บอกว่านี่ไม่ใช่รีวิวเต็ม แต่เป็นการดูทรงสัปดาห์แรกที่ฉายว่าควรตามดูต่อไหม เพราะต้องรอเกาหลีฉายไปพร้อม ๆ กันรวม ๆ ก็ต้องลากยาวกัน 8 สัปดาห์ทีเดียวกว่าจะได้ดูจบ จากที่ดูมา 2 ตอนนี้ สิ่งหนึ่งที่พูดได้ คือนี่เป็นหนังแนวสืบสวนแก้ต่างที่มีเบื้องหลังเป็นอาชญากรรรมคอรัปชันในภาครัฐที่โยงใยบริษัทผู้ผลิตอาวุธและคนในรัฐบาล ซึ่งพอฉากหลังมันใหญ่มาก ๆ แบบนี้มันก็เลยยิ่งที่ให้เล่นกับคอนทราสต์ความเล็กจ้อยของตัวเอกได้อย่างดี เพราะพระเอกโคตรธรรมดา เป็นพวกทำอะไรไม่สำเร็จหาความภาคภูมิใจในตัวเองได้ยาก มีความฝันเป็นดาราคิวบู๊แบบ บรูซ ลี แบบเฉินหลง ถึงขนาดคิดชื่อในวงการของตัวเองไว้ว่าง บรูซ ชาน เลยทีเดียว แต่กระนั้นเขาก็แค่พวกฝีมือปลายแถวเป็นตัวประกอบเจ็บตัวที่ไม่รุ่งเอาเสียที จนท้ายสุดเพื่อหลานคนเดียวที่กำลังโตขึ้นมีค่าใช้จ่ายมากขึ้น เขาเลยต้องลาออกและขับรถแท็กซี่แทน คือคนแบบนี้เองหรือที่กำลังงัดข้อกับอำนาจที่ใหญ่ล้นฟ้าขนาดประกอบอาชญากรรมใหญ่เช่นก่อการร้าย และฆ่าปิดปากได้อย่างไม่มีใครล่วงรู้ แค่นี้เราก็ลุ้นช่วยพระเอกจะแย่แล้ว
แต่คนเขียนบทก็ยังดันดราม่าสูตรสำเร็จเข้าไปอีก เอาให้สงสารจับใจกันไปเลย เพราะสาเหตุที่ทำให้ชาดัลกอนต้องไปพัวพันกับเรื่องใหญ่นี้เพราะเขาต้องสูญเสียหลานรักคนเดียวไปบนเครื่องบินที่ถูกก่อการร้ายแต่ทำให้เหมือนประสบอุบัติเหตุตกลงในโมรอคโคนั่นเอง และคลิปสุดท้ายที่หลานเขาบันทึกเพื่อขอโทษที่ทั้งสองทะเลาะกันก่อนจะมาขึ้นเครื่องดันไปถ่ายติดชายต้องสงสัยที่น่าจะเป็นคนก่อวินาศกรรมได้เข้าไปอีก ถือว่าการวางหมากจูงด้านอารมณ์ และด้านเหตุผลต่าง ๆ ทำออกมาได้โอเคเลยนะ แม้ว่าตัวพลอตจริง ๆ ก็ยังไม่ได้ว้าวอะไรมากนะ เราเห็นหนังแนวนี้มาเยอะแล้วล่ะ แต่ซีรีส์นี้ก็หาที่ทางใหม่ของตัวเองได้ด้วยการสร้างคาแรกเตอร์แทนนี่ล่ะ แต่ก็ต้องยอมรับว่าคาแรกเตอร์พระเอกเป็นดาบสองคมพอสมควร เพราะเขามุ่งล้างแค้นจนบางทีก็ทำอะไรไม่มีเหตุผลมากเกินไป หลายครั้งเราหงุดหงิดกับการตัดสินใจที่ไม่มีสติของเขามากกว่าจะสงสารว่าเขาทำอะไรโง่ ๆ เพราะความเสียใจที่เสียหลายชายไปเสียอีกนะ
ด้านนางเอกอย่างโกแฮรี ในตอนแรกเหมือนจะถูกวางมาเพื่อหลอกคนดูว่าเธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อการร้าย แต่พอตอนที่ 2 ทุกอย่างก็เหมือนจะเคลียร์ไปหมด คาแรกเตอร์เธอจะงอแง ๆ หน่อย ดูไม่มีพิษมีภัยจริง ๆ ได้ แม้เธอจะทำงานในฝ่ายความมั่นคงในฐานะสายลับก็ตาม (ก็ไม่แน่ว่าทั้งหมดก็หลอกคนดูอีก) อย่างไรก็ดีพอตอนที่ 2 เราได้เห็นความชัดเจนอะไรมากขึ้น เมฆหมอกหนาที่ปิดบังความเข้าใจเราในตอนเปิดตัวก็พลันจางหายไป เราเริ่มแบ่งแยกฝั่งคนดีกับคนร้ายออกพอสมควร ซึ่งจะว่าไปก็ดูเร็วเกินไปล่ะนะ อาจมีพลิกอีกหลายตลบก็ได้ แต่ที่ต้องพูดคือการเพียงสองตอนเราก็รู้สึกว่าความเข้มข้นของเนื้อหามันลดลงด้วยความกระจ่างที่ว่ามา บุคลิกนางเอกที่ดูผ่อนคลายทำให้เนื้อหาฝั่งพระเอกทอนความเครียดลงเยอะ ไม่รู้จะบิ้วกลับไปซีเรียสมาก ๆ ได้อีกไหม คงต้องหวังพึ่งบทของตัวร้ายที่เป็นนักฆ่าที่ดำเนินงานอยู่รอบ ๆ ตัวพระนางว่าจะทวีความน่ากลัวคุกคามได้มากกว่านี้อีก และบทเบื้องหลังของเหล่าตัวร้ายจอมบงการที่มีสายอยู่ในรัฐบาล กับเจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคงไม่กี่คนที่พยายามสืบหาความจริงนั้น จะทำให้ตัวซีรีส์ซับซ้อนและสนุกขึ้นได้อีก
สิ่งที่คาดหวังได้อีกอย่างคือฉากแอ็กชันนี่ล่ะ เพราะแค่ตอนแรกเราก็ได้เห็นฉากไล่ล่าบนรถกับลีซึงกิโชว์ฟรีรันนิ่งเท่ ๆ ไปตามอาคารสถานของโมรอคโคได้แปลกตาและเร้าใจมาก ๆ ตอนสองก็มีฉากโชว์ฟัดในครัวและฉากเท่ ๆ ในการหนีคุกอีก ก็เป็นซีรีส์แนวแอ็กชันสปายที่ชัดเจนล่ะนะ ใครชอบแนวนี้ก็น่าสนใจทีเดียว
ตัวซีรีส์ยังมีอีก 14 ตอนต้องรอดูทุกคืนวันศุกร์และวันเสาร์เอา แต่ถ้าถามจากเปิดหัวมา 2 ตอนแรกนี้คิดว่าอย่างไร ก็ต้องบอกให้คะแนนผ่านมาตรฐานนะ แต่ยังไม่ถึงกับรู้สึกว่าจะเป็นปรากฏการณ์ที่ต้องดูขนาดนั้น คิดว่าต้องรอดูกันยาว ๆ อีกสักหน่อย ยิ่งชื่อเรื่องที่แปลว่าพเนจรร่อนเร่ ก็น่าจะหมายถึงพระเอกที่น่าจะไม่ได้อยู่กับที่ต้องหนีตายและหลบซ่อนไปเรื่อย ๆ ก็ไม่เชื่อหรอกว่าที่ปล่อยเผยความจริงมาขนาดนี้ในเวลาแค่ 2 ตอน จะเป็นการหมดไอเดียของทีมงานแล้ว มันน่าจะมีจุดพลิกหลอกเราอีกแน่ ๆ คอยดูสิ โดยเฉพาะฉากในอนาคตที่เอามาเปิดเรื่องสั้น ๆ ชวนให้ติดตามสงสัย ที่พระเอกเหมือนจะกลายเป็นทหารรับจ้างและอาจจะต้องฆ่านางเอกในต่างประเทศ นี่น่าสนใจมากว่าจากสตันท์แมนธรรมดาจะไปถึงจุดนั้นได้อย่างไร
ติดตามซีรีส์เกาหลีข้ามโลกเรื่องนี้ทางเน็ตฟลิกซ์ได้ที่ลิงก์นี้เลย https://www.netflix.com/watch/81120248
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส