Our score
9.0Brave Father Online : our story of Final Fantasy XIV
จุดเด่น
- คาแรกเตอร์พ่อดูเคร่งขรึมและเดาทางยากกว่าซีรีส์ ทำให้ภารกิจของลูกน่าลุ้นมากขึ้น
- การเพิ่มตัวละครน้องสาวทำให้เห็นดราม่าครอบครัวได้ชัดขึ้นสนุกขึ้น
- โลกในเกมดูคู่ขนานไปกับเรื่องเล่านอกจอได้อย่างแนบเนียน
- ทีมนักแสดงทำหน้าที่ได้ดีมาก
- หนังครบรสทั้ง ตลก ดราม่า อบอุ่น ชวนเสียน้ำตา
จุดสังเกต
-
คุณภาพงานสร้าง
9.0
-
คุณภาพนักแสดง
9.0
-
ความสมบูรณ์ของบท
9.0
-
ความสนุกน่าติดตาม
9.0
-
คุ้มเวลา ค่าตั๋ว
9.0
หลัง อากาซึกิ (โคทาโร่ โยชิดะ) พ่อผู้บ้างานลาออกเพื่อกลับมาอยู่บ้านทั้งที่กำลังจะได้ตำแหน่งใหญ่โตสร้างความสงสัยให้กับครอบครัว โดยเฉพาะ อากิโอะ (เคนทาโร่ ซาคากุจิ) ลูกชายคนโตที่ไม่ได้สื่อสารกับพ่อมาเป็นเวลาช้านาน จนกระทั่งความคิดหนึ่งจากเพื่อนในเกมออนไลน์ไฟนอล แฟนตาซี 14 ได้จุดประกายให้เขาชักชวนคุณพ่อมาเล่นเกมและจัดแจงให้ตัวเองกลายเป็นเพื่อนในเกมโดยไม่บอกความจริง เพื่อหวังจะได้สื่อสารกันฉันท์พ่อลูกเหมือนในอดีตและที่สำคัญมันยังเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้พ่อของเขายอมเปิดอกบอกความลับคาใจก่อนทุกอย่างจะสายเกินไป
ตามข้อมูลในสื่อที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าตัวหนังสร้างมาจากซีรีส์งานเขียน Hikari no Otousan ในเว็บบล็อกของผู้เล่นเกม Final Fantasy XIV ที่ใช้ชื่อว่า Ichigeki Kakusatsu SS Nikki โดยอ้างว่านี่คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงระหว่างเขากับพ่อ ปัจจุบันมียอดผู้เข้าชมบล็อกนั้นมากกว่า 10 ล้านวิว และยังเคยได้ขึ้นหน้าแนะนำของ Yahoo! จนถูกนำไปตีพิมพ์และNetflix เคยซื้อลิขสิทธิ์ไปสร้างซีรีส์มาแล้วในชื่อ FINAL FANTASY XIV Dad of Light สตรีมในปี 2017 ซึ่ง โนงุจิ เทรุโอะ เคยร่วมกำกับก่อนจะต้องมากุมบังเหียนฉบับหนังเรื่องนี้ มันจึงกลายเป็นความท้าทายเป็นอย่างยิ่งทั้งทำยังไงให้ต่างจากฉบับซีรีส์ที่คนได้ดูและรู้ชะตากรรมตัวละครไปหมดแล้ว แถมยังต้องทำให้การเล่าเรื่องบนจอภาพยนตร์ดูน่าตื่นตาตื่นใจกระชับและจับใจผู้คน ซึ่งก็น่ายินดีที่งานนี้ โนงุจิ ทำได้สำเร็จ.
โดยจุดที่ฉบับหนังเลือกเปลี่ยนแปลงมีหลายจุดทั้งการเริ่มเรื่องในเหตุการณ์ก่อนพ่อจะกลับมาอยู่บ้าน (ต่างจากในซีรีส์ที่เปิดมาพ่อก็มาอยู่บ้านแล้ว) หรือการกล่าวถึงชีวิตในที่ทำงานของ อากิโอะ ที่นอกจากจะทำให้เห็นอาชีพครีเอทีฟโฆษณาแล้วยังเอื้อให้มีฉากโรแมนติกกับเพื่อนร่วมงานที่น่ารักน่าชังอีกด้วย แต่การเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุดเห็นจะหนีไม่พ้นการเพิ่มตัวละครน้องสาวที่ได้ ยามาโมโตะ ไมกะ มาแสดง (เราเพิ่งเห็นหน้าเธอไปเมื่อต้นปีใน SUNNY หนังแก๊งเพื่อนสาวสุดประทับใจ) ซึ่งการเพิ่มตัวละครน้องสาวก็ทำให้มิติของคำว่าครอบครัวลึกขึ้น เราได้เห็นความเป็นห่วงของคนเป็นพ่อที่บางทีก็สร้างรอยแผลให้ลูกในฉากที่เธอพาแฟนหนุ่มมาบ้านแล้วถูกพ่อพูดจาดูถูกจนปัญหาต่างๆ คลี่คลายเมื่อพ่อได้คำแนะนำจากเพื่อนในเกม (ซึ่งก็คือลูกชายตัวเอง) โดยเราจะเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงต่างๆในฉบับหนังช่วยให้เราสัมผัสด้านที่อ่อนโยนของทั้งพ่อและลูกได้อย่างลึกซึ้ง แถมยังใช้เวลาในการเชื่อมโยงโลกใบต่างๆของตัวละคร อากิโอะ ทั้งพ่อ ที่บ้าน เพื่อนร่วมงานและสาวที่แอบชอบเขา และโลกในเกมไฟนอล แฟนตาซี ได้อย่างกลมกลืนและเป็นเหตุเป็นผลคู่ขนานและส่งผลต่อชะตากรรมตัวละครได้ดีกว่าฉบับซีรีส์เยอะเลย
และแน่นอนว่าในเมื่อหนังเกี่ยวของกับเกม ไฟนอล แฟนตาซี 14 หลายคนคงจับตามองภาพเกมในหนัง เพราะหากพูดตามตรงฉบับซีรีส์เรายังไม่รู้สึกว่าภาพในเกมมันเชื่อมโยงมาสู่ตัวละครนัก แต่ในฉบับหนังหายห่วงได้เลยเพราะผู้สร้างลงทุนทำภาพแอนิเมชันขึ้นมาใหม่ให้มีการเคลื่อนไหวและปรับมุมกล้องตามอารมณ์ในฉากต่างๆเพื่อเชื่อมโยงมาเล่าในโลกจริงที่ตัวละครกำลังคิดหรือตัดสินใจได้อย่างแนบเนียน ซึ่งเชื่อว่าทางเจ้าของเกมอย่าง สแควร์อีนิกซ์ น่าจะมองเห็นศักยภาพของหนังที่จะผลักให้ Final Fantasy มีเรื่องเล่าทรงพลังไว้ต่อยอดความนิยมให้แฟรนไชส์ได้ เลยยอมให้มีการนำตัวละครและฉากหลังมาทำเป็นฉบับภาพยนตร์ จนผลลัพธ์ที่ได้คือนอกจากภาพสวยแล้วมันยังเสริมการเล่าเรื่องได้อย่างทรงพลังอีกด้วย.
สำหรับทีมนักแสดงต้องบอกว่านี่คือดรีมทีมอย่างแท้จริง ตั้งแต่ โคทาโร่ โยชิดะ ในบทพ่อผู้เงียบขรึมซึ่งด้วยใบหน้าที่ดูเขร่งขรึมเดาทางลำบากก็ทำให้เราเข้าใจในกำแพงกั้นระหว่างพ่อลูกได้ทันที แถมในซีนเรียกน้ำตาเขาก็ยังทำได้ดีมากๆมาแบบนิ่งๆแต่หนักหน่วงเหลือเกิน ส่วนหนุ่มหล่ออย่าง เคนทาโร่ ซาคากุจิ ก็ทำให้บท อากิโอะ ดูน่าเอ็นดู แถมยังน่าเห็นใจจนเราอดเอาใจช่วยตามไม่ได้ แต่ใช่ว่าหนังจะเอาใจแต่สาวๆ เพราะอยากจะบอกว่าฉบับหนังนี้เหมือนจะพยายามล้างความแห้งผากของซีรีส์ด้วยบรรดาสาวสวยทั้ง ยามาโมโตะ ไมกะ ในบทน้องสาวของอากิโอะที่โผล่มาพร้อมรอยยิ้มชวนละลายแล้ว ยังมี ซากุมะ ยูอิ ในบทเพื่อนร่วมงานสาวที่แอบหลงรักอากิโอะ ที่มองเผินๆลุคสาวผมสั้นดูเก้ๆกังๆอาจทำให้มองผ่านไปได้ แต่พอช็อตน้องซากุมะใส่แว่นเท่านั้นแหละรับรองหนุ่มๆมีใจละลายแน่นอน
สำหรับใครที่กลัวว่าตัวเองไม่ได้อินกับเกมไฟนอลแฟนตาซีนักอาจจะดูหนังไม่สนุก ตรงนี้อยากบอกว่าผมเองก็ไม่เคยเล่นเกมมาก่อนสักภาคแต่ตัวหนังสามารถดึงเสน่ห์ของเกม ใช้ฟังก์ชันเกมมาช่วยให้ตัวละครพ่อลูกสื่อสารกันได้อย่างน่าประทับใจจนต่อให้ไม่ได้เป็นแฟนเกมก็อินได้ไม่ยากรับรองว่าตลอด 114 นาทีของหนังจะเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ขอบตาอุ่นและได้ความประทับใจกลับไปแน่นอนครับ
หนังเข้าฉาย 26 กันยายนนี้
คลิกซื้อตั๋วตะลุยด่านสานสัมพันธ์พ่อลูกได้เลยเพียงคลิกภาพด้านล่างนี้