[รีวิว] Zombieland Double Tap: สนุกฮากว่าภาคแรกแบบ 4×100
Our score
8.5

Zombieland Double Tap ซอมบี้แลนด์ แก๊งซ่าส์ล่าล้างซอมบี้

จุดเด่น

  1. ฮามาก มุกเยอะมาก
  2. สานต่อจักรวาลซอมบี้อินดี้ตลกได้กว้างขึ้นมีอนาคตขึ้น
  3. ตัวละครโตขึ้นอีกก้าว เป็นเรื่องน่าจดจำสำหรับแฟนของหนังภาคแรก
  4. กราฟเรื่องราวดีขึ้นกว่าภาคแรกเยอะมาก

จุดสังเกต

  1. บางมุกเนิร์ดป๊อปคัลเจอร์มาก อาจมีคนไม่เก็ต
  2. หลายอย่างอิงจากภาคแรกควรดูภาคแรกไปก่อน (ในเน็ตฟลิกซ์มี)
  3. เอฟเฟกต์พิเศษบางฉากไม่เนียน
  4. อย่าคาดหวังพัฒนาการตัวละครหรือเนื้อเรื่องอะไรมาก
  • ความบันเทิงเริงใจของบท

    9.0

  • คุณภาพนักแสดง

    8.0

  • คุณภาพการผลิต

    7.5

  • ความสนุกน่าติดตาม

    9.5

  • คุ้มเวลาในการรับชม

    8.5

สนับสนุนข้อมูลโดย Major Cineplex

สนับสนุนข้อมูลโดย Major Cineplex

เรื่องย่อ เรื่องราวของโลกที่ได้ล่มสลายลงจากการที่มนุษย์ติดเชื้อซอมบี้ และตัวหนังเป็นเรื่องราวการเอาชีวิตรอดด้วยกฎสุดฮาของกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน หลังเหตุการณ์ซอมบี้ระบาดในภาคแรก สหรัฐฯกลายเป็นเมืองที่รกร้างไร้ผู้คน เหล่าแก๊งซ่าส์ล่าซอมบี้ได้ออกเดินทางไปตามสถานที่ต่าง ๆ ร่วมผจญภัยและพบผู้รอดชีวิตอื่น ๆ ที่นำมาซึ่งความฮาแบบขั้นสุด ภารกิจล่าซอมบี้มาพร้อมกับเสียงหัวเราะ ความป่วน และอาวุธครบมือกลับมาอีกครั้ง

Play video

หนังภาคต่อที่ห่างจากภาคแรกอย่าง Zombieland (2009) ถึง 10 ปีเต็ม โดยได้ทีมงานสร้างและนักแสดงชุดเดิมกลับมาพร้อมหน้า ไล่ตั้งแต่ผู้กำกับ รูเบน เฟลชเชอร์ (Ruben Fleischer) ที่หลังจากหนังภาคแรกผ่านไปเขาก็ไปจับหนังแนวอาชญากรรมสนุก ๆ ทั้ง 30 Minutes or Less (2011) และหนังแก๊งสเตอร์ดราม่ารวมดาวอย่าง Gangster Squad (2013) ตลอดจนได้ไปจับหนังซูเปอร์ฮีโรวายร้ายอย่าง Venom (2018) มาแล้ว ก่อนจะวกกลับมาสานต่อหนังที่สร้างชื่อให้เขาอีกครั้งใน Zombieland Double Tap นี่เอง ซึ่งเราก็ได้เห็นถึงพัฒนาการเล่าเรื่องของเขาที่ดูแน่นขึ้นมีการวางจุดพลิกผันที่สนุกขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งว่าภาคแรกใช้เวลาแนะนำคาแรกเตอร์ตัวละครไปจนชัดเจนแล้ว พอมาภาค 2 นี้ก็เลยไม่ต้องเยิ่นเย้ออีกต่อไป เรียกว่าดันเรื่องลุยกับจักรวาลที่ลงตัวมากขึ้นแล้วให้สนุกใส่อีสเตอร์เอ้ก ใส่มุกเล็กมุกใหญ่ได้สบายมือ โดยหนังยังคงเล่นกับกฎของการเอาตัวรอดที่กลุ่มตัวละครบัญญัติกันขึ้นมา และชื่อของหนังภาค 2 นี้ก็เอามาจากกฎข้อ 2 ในหนังภาคแรกที่ว่า “Double Tap จงยิงย้ำ 2 นัดถ้าไม่แน่ใจว่าซอมบี้ตายจริงหรือไม่” นั่นเอง

ZOMBIELAND: DOUBLE TAPZOMBIELAND

สำหรับด้านบท นี่ยังเป็นการขนทีมเขียนบทเดิมอย่างสองคู่หู เรต รีส (Rhett Reese) และ พอล เวอร์นิก (Paul Wernickคู่กาวสายฮาที่ก่อกำเนิดหนังมัน ๆ อย่าง Deadpool ทั้ง 2 ภาคมาแล้ว แถมสมทบทีมเขียนบทเพิ่มด้วย เดฟ คัลลาแฮม (Dave Callaham) ที่เขียนบทให้แฟรนไชส์ The Expendables และกำลังมีผลงานบทหนังซูเปอร์ฮีโรใหญ่ยักษ์จาก 3 ค่ายใหญ่ให้ชมในอนาคตอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น Wonder Woman 1984 ของวอร์นเนอร์ Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings ของมาร์เวลสตูดิโอ และ Spider-Man: Into the Spider-Verse 2 ของโซนี่ด้วย เรียกว่าทีมบทนี่แน่นแข็งปั๋งเอามาก ๆ คาดหวังในทางแอ็กชันผสมตลกร้ายมุกพรั่งพรูแบบ Deadpool ได้เลยล่ะ

ZOMBIELAND: DOUBLE TAP

มุกล้อสไตล์เกรียนเดดพูลต่าง ๆ แนวมุกเมอร์เรย์ในภาคแรกมีมาเต็ม

ซึ่งก็ส่งผลให้หนังมีอารมณ์แบบเน้นฮาเข้าว่า ปล่อยมุกไม่ยั้ง ฮามากฮาน้อยไม่ซีเรียสขอได้ปล่อยของ หลายมุกอาศัยความเนิร์ดหนังแบบพอปคัลเจอร์พอสมควร ถ้าเข้าใจหมดนี่คือกำไรผู้ชมล้วน ๆ และน่าสนใจว่ากระจายบทกันได้เด่นทั่วถึงทั้งตัวหลัก 4 คนและตัวรองที่มาเพิ่มก็มีช่วงเวลาน่าจดจำของตัวเองทั้งสิ้น มุกก็มาทั้งล้อหนังภาคแรกที่ว่าด้วยกฎมากมายของตัวเอกอย่าง โคลัมบัส และการเอาดารารับเชิญมาปู้ยี้ปู้ยำที่รอบนี้มีลุก วิลสัน (Luke Wilson) มาแจมในฉากสั้น ๆ แบบเดียวกับ บิล เมอร์เรย์ (Bill Murray) ในภาคก่อน แต่วิลสันมาฮาสไตล์ล้อเลียนตัวละครหลักที่ขิงใส่กันไปมาได้สนุกปากแทน และสำหรับใครประทับเมอร์เรย์สไตล์ก็ต้องบอกว่าขอให้นั่งรอจนจบเครดิต มันคือฉากจบระดับเดียวกับที่เดดพูลเคยย้อนเวลาไปฆ่าตัวเองในหนัง X-Men Origins: Wolverine (2009) เลยทีเดียว

ZOMBIELAND: DOUBLE TAP

ลุก วิลสัน (ขวา) มาล้อเลียนคาแรกเตอร์แทลลาแฮสซีขาใหญ่ได้สนุกถึงพริกถึงขิง ขณะที่ตัวแทลลาแฮสซีเองก็มีลูกเล่นเผยความคลั่งไคล้ในเอลวิสเพิ่มเข้ามาในตัวละครอีกหลังจากกลุ่มตัวหลักมีเป้าหมายไปเยี่ยมเกรซแลนด์กัน

ด้านดารานักแสดง ก็เอากลับมาได้ทั้ง 4 ตัวละครนำในภาคเก่าที่ทุกคนต่างมีชื่อเป็นเมืองในสหรัฐ (เพราะในภาคแรกไม่อยากผูกพันเลยไม่ถามชื่อจริงกัน) ไล่ไปตั้งแต่ วูดดี้ ฮาร์เรลสัน (Woody Harrelson) ในบท แทลลาแฮสซี พี่ใหญ่คาวบอยจอมโหดผู้มีมุมอ่อนไหวอย่างไม่น่าเชื่อ เจสซี ไอเซนเบิร์ก (Jesse Eisenberg) ในบท โคลัมบัส หนุ่มเนิร์ดที่ผู้ชมหลงรักกับสารพัดกฎการเอาตัวรอดในวันโลกแตกที่ภาคนี้เขานำพาเราไปสู่ก้าวต่อมาของชีวิตคู่ของเขากับตัวละคร เอมมา สโตน (Emma Stone) ในบท วิชิตา สาวสวยจอมแสบนักต้มตุ๋นแฟนสาวของโคลัมบัสที่กลายเป็นเจ้าสาวกลัวฝนในภาคนี้ และที่แปลกตาที่สุดก็คงเป็น อาบีเกล เบรสลิน (Abigail Breslin) ในบท ลิตเทิลร็อก  เด็กสาววัย 13 ปีเมื่อภาคก่อน แต่ตอนนี้โตเป็นสาวรุ่นแสบเซี้ยวที่โหยหาโลกกว้างและพยายามหนีความรักแบบไข่ในหินของแทลลาแฮสซีจนเกิดเรื่องราวใหญ่โต เราจะเห็นพัฒนาการความเป็นครอบครัวของทั้ง 4 ตัวละครชัดขึ้น แม้จะไม่ได้แปลกใหม่ในหนังแนวตลกครอบครัว แต่สำหรับแฟนหนังแฟรนไชส์นี้ก็ต้องบอกว่าเป็นก้าวการพัฒนาของตัวละครสุดรักที่น่าจดจำทีเดียวล่ะ

ZOMBIELAND: DOUBLE TAP ZOMBIELAND: DOUBLE TAP ZOMBIELAND: DOUBLE TAP

แถมภาคนี้ยิ่งเพิ่มดีกรีตัวละครรองด้วยสาวสวย โซอี ดุตช์ (Zoey Deutch) จากหนัง Before I Fall (2017) ในบท แมดิสัน สาวบลอนด์สไตล์สุดน่ารักได้อย่างขโมยซีนชาวบ้านชาวช่องมาก เรียกว่าบทสาวติ๊งต๊องซ่อนเปรี้ยวของเธอเปิดโอกาสให้ปล่อยมุกได้เยอะกว่าชาวบ้านมากทีเดียว เธอน่าจะเป็นตัวละครสำคัญได้ในอนาคตถ้ามีการทำภาคหน้าน่ะนะ

ZOMBIELAND: DOUBLE TAP

เรื่องงานภาพก็ต้องขอจดไว้ตรงนี้เลยเพราะเป็นอีกครั้งที่หนังฮอลลีวูดเลือกใช้ผู้กำกับภาพเอเชีย โดยครั้งนี้คือ ชอง ชองฮุน (Chung Chung-hoon) ผู้กำกับภาพคู่บุญที่ถ่าย Oldboy (2003) ให้ผู้กำกับ ปาร์ก ชานวุก (Park Chan-wook) และหนังหลังจากนั้นเรื่อยมา จนมีโอกาสโกอินเตอรใน Stoke (2013) และยังได้ถ่ายหนังงานภาพเด่น ๆ อย่าง It (2017) ด้วย ก็น่าภูมิใจไม่น้อยนะ แม้ว่าเอาเข้าจริงแนวหนังมันก็ไม่ได้ต้องเน้นเรื่องภาพมากนัก แต่เราก็ได้เห็นครีเอทีฟในการเล่นกับกล้องที่หลากหลาย และส่งเสริมกับการตัดต่อจังหวะตลกที่ดีอยู่เหมือนกัน มีเรื่องติงที่ว่างานซีจีอาจไม่ได้เน้นมากนักมีหลุด ๆ การ์ตูน ๆ อยู่หลายฉากทีเดียว 

ZOMBIELAND: DOUBLE TAP

ฉากโชว์พลังงานภาพและซีจีแบบสโลว์โมชันตอนเปิดเรื่อง

และเพราะตัวละครเจนจัดในโลกที่สร้างไว้ในภาคแรกแล้ว เรียกว่าไม่ค่อยกลัวซอมบี้ธรรมดากันแล้ว ภาคนี้เขาเลยอัปเกรดเหล่าซอมบี้ด้วยซอมบี้หลากหลายประเภทเข้ามาสร้างความวุ่นวายอีก ไม่ว่าจะ ประเภทโฮเมอร์ (ตัวละครในซิมป์สัน) ที่จะไม่ค่อยฉลาดนัก ประเภทฮอว์กิง (จากอัจฉริยะสตีเฟน ฮอว์กิง) ที่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด ประเภทนินจา ที่จะเคลื่อนไหวเงียบเชียบและโจมตีว่องไว ซึ่งจริง ๆ น่าสนใจแต่เอามาใช้ในหนังน้อยไปหน่อย สุดท้ายคือซูเปอร์ซอมบี้ประเภทถึกอึดทน T-800 ซึ่งล้อจากรุ่นคนเหล็กในหนัง The Terminator นั่นเอง แน่นอนว่าประเภทหลังนี่คือเดินหน้าฆ่าไม่ตายด้วยและเป็นประเภทที่หนังเอามาใช้งานเยอะสุด เพื่อสร้างความตื่นเต้นลุ้นให้ตัวละครที่เก่งเว่อไม่ค่อยกลัวซอมบี้จากภาคแรกแล้วนั่นเอง จึงทำให้หนังเรื่องนี้มีทั้งความฮาและฉากแอ็กชันผสมอยู่แบบหนังโปรแกรมใหญ่อย่างลงตัว และน่าจะเป็นแฟรนไชส์ที่แข็งแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับภาคก่อนหน้าที่ดูเป็นแค่หนังทุนกลางค่อนต่ำขายไอเดียเท่านั้น

ZOMBIELAND: DOUBLE TAP

ซอมบี้ฮากระจาย ขายครีเอทีฟ แต่ถ้าซื้อตั๋วเร็วรีบต้องกดรูปด้านล่าง

zombieland double tap

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส