Our score
8.3Jade Dynasty กระบี่เทพสังหาร
จุดเด่น
- ใครแฟนคลับคงไม่พลาด และไม่น่าพลาดจริงล่ะ เซี่ยวจ้านงานดีมาก
- ความสนุก ความบันเทิง สุดยอด
- ทีมพากย์พันธมิตรฮามาก ทำหนังสนุกขึ้น 200%
- ดีไซน์งานสร้างสวยแปลกตาดี ซีจีบางฉากสวยมาก
จุดสังเกต
- เล่าเรื่องวางสัดส่วนไม่ค่อยดี บทจะรีบก็รวบซะงง
- ตัวละครเยอะ บางตัวใช้ไม่คุ้มเลย
- เสียงพากย์ช่วงแรก ๆ ใกล้กันมากฟังสับสนว่าตัวไหน
- ซีจีหลายฉากก็เผางาน
-
ความสมบูรณ์ของบท
7.0
-
คุณภาพนักแสดง
8.5
-
คุณภาพงานสร้าง
8.5
-
ความสนุกน่าติดตาม
9.0
-
คุ้มเวลา ค่าตั๋ว
8.5
เรื่องย่อ เรื่องราวของ เสี่ยวฝาน และ จิงอวี่ เด็กชายกำพร้าที่รอดตายจากโศกนาฏกรรมจากหมู่บ้านของเขา แม้พ่อแม่จะถูกฆ่าตายหมด แต่เขาได้รับความช่วยเหลือและได้พบกับอาจารย์สอนและฝึกฝนวิชาจากสำนักชิงหยุน เมื่อความลับของการตายของพ่อแม่เขาปรากฏ เขาจึงออกตามล่าศัตรูเพื่อแก้แค้นให้กับพ่อแม่ของเขาที่จากไป
นี่ถือเป็นหนังฟอร์มยักษ์ของจีนที่รวมดาราหน้าใหม่ยอดนิยมและดาราเก่าที่ชวนคิดถึงมากมายมารวมตัวกันคับคั่ง โดยเรื่องนี้ดัดแปลงจากนิยายขายดีของจีนชื่อ จูเซียน กระบี่เทพสังหาร (青云志; Qīng Yún Zhì) หรือ Jade Dynasty ที่เขียนโดย เสี่ยวติง (Xiao Ding) มียอดขายบนอินเทอร์เน็ตอันดับหนึ่งในปี 2005 และมียอดขายติด 5 อันดับสูงสุดในปี 2006 ก่อนจะถูกนำมาสร้างเป็นซีรีส์ถึง 2 ภาคติดในช่วงปี 2016-2017 ซึ่งต่างก็ก็ทำยอดผู้ชมถล่มทลายเป็นประวัติการณ์และคว้ารางวัลไปมากมาย ความโด่งดังก็ยังทำให้มีการทำเป็นเกมออนไลน์ออกมาอีก เรียกว่าเป็นตัวท็อปในแนวกำลังภายในของจีนช่วงสิบปีนี้เรื่องหนึ่งทีเดียว
และครั้งนี้คือการกลับมาอีกครั้ง โดยได้ เซียวจ้าน (肖戰 Xiao Zhan) นักแสดงหนุ่มที่กำลังขึ้นหม้อสุด ๆ จากซีรีส์ ปรมาจารย์ลัทธิมาร (陈情令 The Untamed) มารับบทนำในฉบับหนังโรง ซึ่งชื่อนี้บอกเลยว่ารับประกันความสำเร็จในเรื่องยอดผู้ชมได้เลย เพราะแฟนคลับเหนียวแน่นและโตไวมากในกลุ่มแฟนซีรีส์ชาวจีนและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะในประเทศไทย (ทั้งยังผู้เขียนเองก็สารภาพว่าแม้ไม่ได้รู้จักดาราคนนี้มาก่อน แต่ดูในหนังก็พอเข้าใจถึงเสน่ห์ความน่ารักน่าเอาใจช่วยที่แฟนคลับน่าจะโดนใจได้เลยทีเดียว) และก็เป็นไปตามคาดหนังฉบับเซียวจ้านสามารถเปิดตัวด้วยรายได้ถล่มทลายในประเทศจีนไปกว่า 300 ล้านหยวนภายในสัปดาห์แรกเท่านั้นเอง
ความโดดเด่นของหนังนอกจากดารานำที่กระแสเปรี้ยงแล้ว ต้องยอมรับว่าเนื้อหาจากนิยายนั้นผูกมาจากการผสมผสานวิธีคิดป๊อปคัลเจอร์ในแต่ละวงการได้อย่างมันมือ ทั้งมรดกนิยายกำลังภายในจากกิมย้งที่พระเอกไม่ค่อยเก่งแต่ก็มีดวงกำหนดให้ได้ฝึกวิชาหรือถ่ายทอดพลังจนเก่งกล้าในภายหลัง ซึ่งก็ชวนให้นึกถึงตัวเอกอย่าง เอี้ยก้วย ในวัยหนุ่มจาก มังกรหยกจอมยุทธเจ้าอินทรี เรื่องราวความรักหลากหลายจาก ต้วนอี้ จาก 8 เทพอสูรมังกรฟ้า หรือเรื่องราวฝั่งธรรม-อธรรมของ เล่งฮู้ชง จาก กระบี่เย้ยยุทธจักร
ในขณะเดียวกันก็ยังใช้แนวหนัง เทพเซียน ปล่อยพลังอิทธิปาฏิหาริย์เทพปะทะอสูรที่เป็นกำลังภายในสายหลักในยุคปัจจุบันของจีนไปแล้วซึ่งจะได้โชว์ฉากหลังภูมิทัศน์ยิ่งใหญ่ งานซีจีสวย ๆ และงานภาพอลังมาก ๆ สมโพรดักชันจีนที่ดีวันดีคืน หลายฉากยอมรับว่าสวยและเนียนตามาก พวกความพลิ้วของผ้าต่าง ๆ สุดยอด แต่หลายฉากก็ยอมรับว่ายังไม่ประณีตสม่ำเสมอได้เท่างานฮอลลีวูดที่เป็นมาตรฐานงานซีจีโลกไปแล้ว แต่อย่างไรก็ต้องบอกล่ะว่าหนังเรื่องนี้ดีไซน์งานต่าง ๆ ได้โดดเด่นน่าจดจำทั้งฉากเขาสำนักชิงหยู ฉากเหนือเมฆา ฉากที่เจ้าสำนักทั้ง 7 ประชุมกัน หรือฉากสัตว์เทพอย่างกิเลนยักษ์ก็ตาม
ด้านรายละเอียดเองก็มีส่วนประสมทั้ง แฮร์รี่ พอตเตอร์กับถ้วยอัคนี ที่ศิษย์แต่ละสำนักมีงานประลองกันทั้งขี่กระบี่บินราวแข่งควิดดิช ทั้งการประลองดวลตัวต่อตัวที่เป็นไฮไลต์ราวกับเสกควบคุมไม้เท้าเข้าฟาดฟันกัน นอกจากนี้ยังเพิ่มความสนุกด้วยมุกจากตัวละครที่คาแรกเตอร์น่ารักน่าชัง มีความเขินฟินได้ง่าย ประกอบมุกสถานการณ์ มุกท่าทางสีหน้า และดาวเด่นอย่าง หนึ่งลิงหนึ่งหมา หกศิษย์พี่ และอีกหนึ่งแฟนคลับของพระเอก ที่ปรุงความฮาได้หลากหลายมากตลอดเรื่อง ยิ่งผนวกพลังงานพากย์ของทีมพันธมิตรด้วยแล้วบอกเลยเถิดเทิงสุด ๆ จากหนังสนุกปกติกลายเป็นหนังตลกมุกกระจายเลยทีเดียว
จุดด้อยที่เห็นของหนังมีพอสมควรเลยจะมองเป็นแผลใหญ่ก็คือใหญ่ระดับแก่นกลางเลย เพราะหนังเล่าเรื่องช่วงหลังจากงานประลองระดับโรงเรียน ซึงจะเปิดตัวเหล่าจอมมารและการปะทะกับเหล่าธรรมะไปอย่างรวบรัดตัดตอนมาก ๆ ทั้งที่ควรมีเวลาสำหรับการสร้างความขลังความน่ากลัวของเหล่ามารมากกว่านี้อีก นั่นกระทบไปถึงเรื่องราวดราม่าความสัมพันธ์ของพระเอกที่ไปปักธงสาว ๆ หลายต่อหลายคนในเรื่องที่ว่องไวฉาบฉวย ไม่ทันให้รู้สึกอินเท่าไร ฉากดราม่าหลังจากนั้นจึงกลายเป็นคนดูไม่ทันรู้สึกใด ๆ หรือรู้สึกได้น้อยกว่าที่ควรเป็นเท่าใดนัก นั่นนำมาซึ่งฉากจบของหนังที่คนดูคงรู้สึกลองเคว้งโดนเทไว้อย่างงง ๆ จะว่ามีภาคต่อตามซีรีส์หรือจะจบแค่นี้ก็ไม่อาจเข้าใจได้ เพราะไม่มีคำใบ้ว่าจะมีการสร้างภาคต่อหรือไม่แต่อย่างใด
ส่วนที่ควรติงเล็ก ๆ น้อยลงมาก็คงเป็นซีจีที่บางฉากสวยมากบางฉากก็ไม่เนียนเอาเลย และการตัดทอนจากนิยายลงบ้างเช่นฝูงลิงแห่งเขาชิงหยุนที่กลายเป็นลิงตัวเดียวตัวแสบที่โผล่มางง ๆ ในตอนแรก ตลอดจนถึงงานพากย์ของพันธมิตรที่ช่วงแรกเหมือนไม่ลงตัว หลายตัวละครเสียงใกล้กันจนสับสนมาก
สรุป เป็นหนังจีนกำลังภายในแบบเทพเซียนปล่อยพลังตูมตาม ที่มีองค์ประกอบของหนังพอปหลากหลายแนว ที่สำคัญพากย์ฮามากคลายเครียดสุด ๆ ส่วนเนื้อเรื่องก็ผ่าน ๆ ไม่ต้องสนใจมาก
เซี่ยวจ้านชวนบินไปซื้อตั๋ว กดรูปด้านล่างได้เลย
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส