Our score
8.6Heartbound
จุดเด่น
จุดสังเกต
-
คุณภาพงานสร้าง
8.0
-
ความสมบูรณ์ของบท
8.5
-
คุณภาพนักแสดง
9.0
-
ความสนุกน่าติดตาม
8.5
-
ความคุ้มค่าในการรับชม
9.0
หาก ‘ความเท่าเทียม‘ คือฝันกลางวันที่ถูก propaganda มานานข้ามภพข้ามชาติ ‘รักแท้’ เองก็คงเป็นนิยายน้ำเน่าที่มอมเมาให้คนนอนกลางวันเฝ้าฝันถึง
Heartbound หนังสารคดีม้านอกสายตาที่ตีแผ่ชีวิตของคนชายขอบ ให้เห็นอีกด้านหนึ่งของคนกลุ่มหนึ่ง ที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนกับความยากจน ออกมาหาโอกาสในยามค่ำคืน จนเจอช่องทางพลิกชะตาครั้งใหญ่เปลี่ยนชีวิตไปตลอดกาล
‘รักเอย’ บอกเล่าเรื่องราวการย้ายถิ่นฐานของผู้หญิงอีสานที่แต่งงานกับชาวต่างชาติ ซึ่งที่น่าสนใจคือนี่ไม่ใช่สารคดีที่ทำได้แค่สะท้อนความเป็น ‘เมียฝรั่ง’ เท่านั้น หากแต่ยังพูดถึงวิถีชีวิต ความคาดหวังและความรับผิดชอบตั้งแต่พวกเขาและเธอเกิดและเติบโตขึ้นมา ทางเลือกที่มี และข้อจำกัดในสถานะทางสังคมที่ถูกปิดกั้น หมางเมิน เหลียวแล ทำให้เหลือทางเดินแคบ ๆ เพียงไม่กี่หนทาง หากต้องการจะลืมตาอ้าปาก และมีชีวิตที่ดี
หนังสารคดีเรื่องนี้กำกับโดย Janus Metz (เยนูส เม็ตซ์) ผู้กำกับภาพยนตร์และ Sine Plambech (ซิน่า พลามเป็ก)นักมานุษยวิทยาชาวเดนมาร์กซึ่งน่าสนใจมากโดยเฉพาะการที่หนังเรื่องนี้มีการติดตามถ่ายฟุตเทจอยู่นับสิบปีในมุมของผู้สังเกตการณ์ โดยซิน่าเริ่มศึกษาเรื่องผู้หญิงไทยในภาคอีสานตั้งแต่เมื่อ 15 ปีที่แล้ว จนมีคนแนะนำให้เธอได้รู้จักกับ ‘สมหมาย’ ผู้พาหญิงไทยไปแต่งงานกับชาวเดนมาร์กจนเกิดชุมชนคนไทยที่รวมตัวกันเหนียวแน่น ที่น่าทึ่งคือซิน่าได้เจอกับเยนูสและเล่าถึงเรื่องที่เธอศึกษาอยู่พร้อมโชว์ภาพถ่ายบ้านสองหลังในภาคอีสาน หลังแรกเป็นบ้านหลังใหญ่โตที่มีผู้หญิงย้ายไปอยู่ต่างประเทศแล้วส่งเงินกลับมาให้ครอบครัวสร้างบ้าน เทียบกับบ้านข้าง ๆ เป็นกระท่อมไม้เล็ก ๆ ของครอบครัวที่ไม่มีสมาชิกไปทำงานต่างประเทศ ก่อนที่ทั้งคู่จะตกลงร่วมโพรเจกต์นี้ในที่สุด
One Night Stand ที่เจตนาจะไม่ได้จบลงเพียงคืนเดียว
หลัก ๆ ของตัวสารคดี เล่าถึงชีวิตของสมหมายและหญิงสาวอีสานในชุมชนเล็ก ๆ ที่ได้รับการติดต่อประสานงานให้ได้พบเจอและแต่งงานกับชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ ทางภาคเหนือของเดนมาร์ก โดยมีสมหมายเป็นตัวเดินเรื่อง
เริ่มจาก สมหมาย สาวชาวโคราชที่ทำงานขายบริการที่พัทยา จนเธอได้พบกับ นีลส์ หนุ่มใหญ่ชาวเดนมาร์กที่มาเที่ยวประเทศไทยแบบเซ็กส์ทัวริสต์ นีลส์ตกหลุมรักสมหมาย และทั้งคู่ได้แต่งงานและพาเธอย้ายไปอยู่เดนมาร์ก
ตลอดทั้งเรื่องเราจะได้เห็นฟุตเทจที่เรียงลำดับตั้งแต่สิบกว่าปีที่แล้ว ตั้งแต่หญิงสาวอีสานกลุ่มนี้ได้ต่อสู้ดิ้นรนในการทำมาหากินในบ้านเกิด ได้เห็นโจทย์ความลำบาก ความแร้นแค้นที่มีแบบไม่มีกั๊ก ไปจนถึงวันที่เธอมีความคิด หาหนทางและเริ่มต้นเดินทางไปดูตัวที่เดนมาร์กตามเครือข่ายของสมหมาย ได้เห็นอุปสรรคจากความแตกต่างของวัฒนธรรม แนวคิดของคนซึ่งอยู่คนละซีกโลก พวกเธอเพียงแค่เก็บข้าวของมา บางคนลูกติดมา มาหวังเอาดาบหน้าที่จะได้แต่งงานกับชาวต่างชาติที่พอจะเลี้ยงและดูแลเธอได้ ให้เธอมีงาน ส่งเงินกลับบ้านหรือสร้างตัวได้ สิ่งที่เธอต้องยอมเสียสละ เพื่อมีชีวิตที่ดี หลุดออกจากความมืดมิด นิยามความรักที่ใครต่อใครเพ้อฝันว่าต้องใช้หัวใจ ถูกปากลับไปใส่หน้าผู้กำกับละครหลังข่าว พร้อมเหยียบย่ำกระทืบซ้ำ แล้วกระชากให้คนพวกนั้นตื่นจากฝัน
เพราะในอีกมุมหนึ่งของความเป็นมนุษย์ พออยู่ ๆ กันไปมันก็รักกันเอง หรือหากไม่รักนักรักหนา แต่ขอแค่ได้ดูแลกันก็เพียงพอแล้ว
Heartbound ไม่ได้มานั่งหาคำตอบว่า รักคืออะไร แต่ให้คำตอบไว้แล้วว่า ชีวิตจริง โลกแห่งความจริง มันก็เป็นเช่นนี้ มันก็อยู่กันไปแบบนี้ ในมุมของคนที่ไม่ได้สัมผัสแล้วมองเข้าไป ต้องบอกว่ามันน่าทึ่งมาก หนังสามารถพาเราเข้าไปถึงความรู้สึกนึกคิดของคนกลุ่มนี้ และเปลี่ยนทัศนคติให้เราเข้าใจพวกเขามากขึ้น ไม่ว่าใครจะทำอาชีพอะไร ทุกคนล้วนอยากมีชีวิตที่ดีทั้งนั้น มันไม่ใช่เป็นแค่รักครั้งหนึ่ง หรือการแต่งงานครั้งหนึ่ง แต่มันแตะถึงประเด็นเรื่องเศรษฐกิจ สถานภาพทางสังคม ที่ส่วนตัวผมอยากให้คนใน ครม. มาดูเรื่องนี้หน่อย ยิ่งได้เห็นข่าวจีดีพีโตแค่ 2.4% และคาดการณ์ว่าปีหน้าไม่เกิน 2.5% นั้น มันช่างเป็นสารคดีที่มาถูกที่ถูกเวลาเหลือเกินกับเทรนด์เศรษฐกิจไทยที่อยู่ในช่วง ‘เผาจริง’
Heartbound อาจจะเป็นภาพยนตร์สารคดีเรื่องหนึ่งที่พูดถึงสภาพสังคมและความเหลื่อมล้ำในประเทศไทยได้ชัดเจน และสะท้อนประเด็นละเอียดอ่อนออกมาได้น่าสนใจมากที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส