Our score
7.6Netflix Original The King
จุดเด่น
- ทีโมธี ชาลาเมต ให้การแสดงที่น่าจดจำ
- หนังมีฉากรบที่ดูยิ่งใหญ่
จุดสังเกต
- หนังเดินเรื่องด้วยบทสนทนา อาจไม่น่าสนใจสำหรับบางคน
-
ความสมบูรณ์ของบทภาพยนตร์
8.0
-
ความสมบูรณ์ของงานสร้าง
8.0
-
คุณภาพนักแสดง
8.0
-
ความสนุกน่าติดตาม
7.0
-
ความคุ้มค่าเวลาในการชม
7.0
ด้วยสถานการณ์บีบบังคับ ฮัล (ทีโมธี ชาลาเมต) เจ้าชายหนุ่มเจ้าสำราญจำต้องขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์เถลิงพระนาม พระเจ้าเฮนรี่ที่ 5 ในช่วงเวลาที่แผ่นดินแทบลุกเป็นไฟ โดยเฉพาะการแข็งข้อของฝรั่งเศสที่ทำให้พระองค์ต้องกรีฑาทัพข้ามทะเลไปยังแดนศัตรู จนได้พบ หลุยส์ (โรเบิร์ต แพตทินสัน) ผู้นำกลุ่มโดแฟง คู่ปรับสุดโหดที่ฆ่าได้ไม่เลือกหน้า พระองค์จำต้องนำไพร่พลที่มีเพียงหยิบมือปะทะกับศัตรูนับพันในยุทธการแอกินคอร์ต เพื่อยึดฝรั่งเศสกลับมาเป็นของอังกฤษให้จงได้
เห็นเป็นหนังประวัติศาสตร์ แต่ความจริงแล้ว The King ดัดแปลงอย่างหลวม ๆ มาจากบทละคร The Henriad ของวิลเลียม เชกสเปียร์ กวีนามอุโฆษ โดยจะเน้นหนักในองก์ที่มีชื่อว่า Henry V เพื่อบอกเล่าปมขัดแย้งของ ฮัล เจ้าชายหนุ่มสำราญรักสงบที่จำใจต้องขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ กับสังคมรอบข้างทั้งพระบิดาอย่างพระเจ้าเฮนรีที่ 4 หรือแม้แต่เหล่าข้าราชบริพารในพระราชสำนักเอง ทำให้หนังเดินเรื่องส่วนใหญ่ด้วยบทสนทนาอันเฉียบคมจากปลายปากกาของ โจเอล เอดเกอร์ตัน หนึ่งในนักแสดงของเรื่องที่มาเขียนร่วมกับผู้กำกับอย่าง เดวิด ไมคอด ที่เคยทำ War Machine ลงสตรีมทาง Netflix เมื่อปี 2017 ดังนั้นหากจะหวังได้เห็นฉากอันงดงาม ยิ่งใหญ่ตระการตา สีเหลืองทอง ขอให้คิดเสียใหม่เพราะ เดวิดเลือกเล่า The King ด้วยการนำเสนอสิ่งโสมมต่าง ๆ ทั้งถิ่นที่อยู่ของฮัล ไปจนฉากรบที่ห่างไกลจากคำว่าวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ทั้งสกปรกและโหดเหี้ยมยิ่งนัก รวมไปถึงปมในครอบครัวที่ทำให้ ฮัล หรือพระเจ้าเฮนรี่ที่5 ต้องกลายเป็นกษัตริย์ที่เผชิญหน้ากับความขัดแย้งทั้งกับตัวเองและสังคมรอบข้าง
สิ่งที่น่าสนใจประการแรกสำหรับ The King คงหนีไม่พ้นการสร้างคาแรกเตอร์ของ ฮัล ที่เล่นกับการรับรู้ของผู้ชม โดยเฉพาะการให้เจ้าชายอย่างเขาไปอยู่ในบ้านที่แทบจะเหมือนรังหนู และยังนำเสนออาการงัวเงียตอนตื่นนอนซึ่งก็ตรงกับในบทละครของวิลเลียม เชกสเปียร์ที่กล่าวถึงความรักสงบและรักการนอนของเจ้าชายผู้นี้ รวมไปถึงปมขัดแย้งกับพระเจ้าเฮนรีที่4 ที่ประกาศตัดสิทธิ์ในการครองราชย์ของพระองค์ จนเราเห็นได้ชัดเจนเลยว่าชีวิตครอบครัวในวังแห่งนี้ไม่ได้ราบรื่นจนทำให้เราเข้าใจว่าทำไมพระองค์ถึงชอบการอยู่อาศัยแบบสามัญชน ก่อนจะกระชากความคิด ความเชื่อเราอีกครั้งด้วยซีน ยุทธการแห่งชรูว์สเบอรีย์ ที่แสดงถึงความกล้าหาญของฮัลในการท้าดวลกับ เพอร์ซีย์ ฮอตสเปอร์ (ทอม กลินน์ คาร์นีย์) ที่ทั้งโหดเหี้ยมและชวนกระอักกระอ่วน หลังการเจรจาล้มเหลว แต่เหตุผลเบื้องลึกอีกอย่างคือพระองค์ต้องการรักษาชีวิตพระอนุชาไว้ ก่อนจะพบว่า ความรักสงบของพระองค์ค่อย ๆ ถูกบ่อนเซาะไปทีละน้อยหลังจำใจขึ้นครองราชย์ตั้งแต่การเผชิญหน้ากับการลอบสังหาร การหักหลังในหมู่ข้าราชบริพาร รวมถึงการได้เผชิญหน้ากับ หลุยส์ ที่ฝรั่งเศสและศึกที่เต็มไปด้วยดินโคลนและความโหดเหี้ยม
แต่กระนั้นสิ่งที่ดูจะเป็นข้อโต้แย้งสำคัญที่ทำให้หนัง The King ถูกวิพากษ์วิจารณ์ที่สุดเห็นจะไม่พ้นการบิดเบือนข้อเท็จจริงในประวัติศาสตร์ ซึ่งก็ไม่ได้แปลกใจนัก เพราะหนังยังไปเอาตัวละครสมมติจาก The Henriad อย่าง เซอร์จอห์น ฟอลสตาฟฟ์ ที่แสดงโดย โจเอล เอดเกอร์ตัน เลยทำให้รายละเอียดหลายอย่างไม่ตรงกับข้อเท็จจริงทั้งการตายของ เพอร์ซีย์ ฮอตสเปอร์ ที่ในประวัติศาสตร์ไม่ได้รบกับ ฮัล หรือ กระทั่ง หลุยส์ ตัวละครของ โรเบิร์ต แพตทินสัน เองก็ไม่ได้มารบในยุทธการแอกินคอร์ตด้วยซ้ำ ดังนั้นเราจึงต้องแยกแยะว่าหนังนำตัวละครจากประวัติศาสตร์มาเขียนบทแต่งเติมเรื่องราวใหม่เพื่อผลทางดราม่าเท่านั้น หาใช่การฉีกพงศาวดารมาทำหนังตามบันทึกจริง ๆ แต่กระนั้นรายละเอียดของศึกในยุทธการแอกินคอร์ตเองผู้สร้างก็อิงตามเอกสารจากหอจดหมายเหตุแห่งสหราชอาณาจักร (The U.K.’s National Archives)ที่ว่าด้วยสภาพอากาศในวันนั้นที่ส่งผลให้การรบชี้ชะตาผู้ชนะด้วยฝนที่ตกลงมาอย่างหนักและดินโคลนที่ทดสอบสภาพจิตใจของนักรบอย่าง พระเจ้าเฮนรีที่5 ได้ค่อนข้างตรงตามบันทึกในประวัติศาสตร์.
ในส่วนของนักแสดงต้องยอมรับในฝีมือการแสดงของ ทีโมธี ชาลาเมต ที่ทำให้ ฮัล กลายเป็นตัวละครที่น่าติดตามตั้งแต่ต้นเรื่องไปจนถึงบทสรุป ด้วยลักษณะที่มีส่วนคล้ายกับภาพพระบรมสาทิสลักษณ์โดยเฉพาะใบหน้าผอม ๆ กับทรงผมกะลาครอบที่ต้องบอกว่าทำอะไรหน้าตาอันหล่อเหลาของเขาไม่ได้จริง ๆ แต่เหนือกว่าความหล่อคงเป็นฝีมือการแสดง การถ่ายทอดอารมณ์ตัวละครทางสายตาที่ทำได้ไร้ที่ติทีเดียว จนทำให้หนังที่เต็มไปด้วยบทสนทนาเรื่องนี้น่าสนใจขี้นมาด้วยพลังการแสดงของเขา ส่วนโรเบิร์ต แพตทินสัน แม้ว่าจะถูกค่อนขอดในสำเนียงฝรั่งเศส แต่ขอบอกว่าหนุ่มคนนี้มาไกลกว่าบท แวมไพร์เอ็ดเวิร์ด มากแล้ว ทั้งแววตาที่สื่อถึงความโหดเหี้ยมและมูฟเมนต์ที่ดูแล้วเชื่อว่าเขาเป็นนักรบจริง ๆ แถมยังอดจินตนาการต่อไม่ได้ว่าใน The Batman ที่ประกาศสร้างมาเขาจะเซอร์ไพร์สเราได้อีกแค่ไหนกันนะ รวมถึง ลิลลี โรส เดปป์ ในบท แคตเธอรีนแห่งแวลัวส์ บุตรีแสนสวยของพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 6 ที่แม้ออกมาไม่มากแต่ตรึงตาทีเดียวครับ
สำหรับ The King สามารถชมได้ทาง Netflix คลิกที่นี่ได้เลย
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส