Our score
8.3Ashfall
จุดเด่น
- หนังชวนลุ้นระทึกสุด ๆ ใส่อุปสรรคให้พระเอกกับพรรคพวกต้องผจญตลอดเวลา
- มีเล่นประเด็นการเมืองที่ทำให้เรื่องราวเข้มข้นขึ้น
- นักแสดงคือท็อปฟอร์มทุกคน โดยเฉพาะ อี บยองฮอน
จุดสังเกต
- ซีจี ยังไม่เนียนตาเท่าไหร่
- เรื่องราวอาจขาดความสมเหตุสมผลบ้าง
-
ความสมบูรณ์ของบท
7.5
-
คุณภาพนักแสดง
8.5
-
คุณภาพงานสร้าง
7.5
-
ความสนุกน่าติดตาม
9.0
-
คุ้มเวลา ค่าตั๋ว
9.0
เมื่อเกิดเหตุภูเขาไฟเพ็กตูปะทุครั้งใหญ่ตามการคาดการณ์ของ ดร.คังบงแร (มา ดงซอก) นักธรณีวิทยาที่เสนอแผนให้นำระเบิดนิวเคลียร์ไปวางยังใกล้ปล่องภูเขาไฟเพื่อหยุดวิกฤติครั้งนี้ งานนี้ชะตากรรมของสองเกาหลีจำต้องพึ่งพาทีมปฏิบัติการสุดระห่ำนำโดย โจ อินชาง (ฮา จองอู) เจ้าหน้าที่เก็บกู้ระเบิดชาวเกาหลีใต้ที่ต้องมาปฏิบัติงานในวันสุดท้ายก่อนเกษียณเพื่อไปใช้ชีวิตกับ จียอง (แพ ซูจี) ภรรยาท้องแก่ แต่ภารกิจครั้งนี้กลับอันตรายกว่าครั้งไหน ๆ เมื่อต้องอาศัยนักโทษที่รู้หนทางไปโจรกรรมหัวรบนิวเคลียร์ที่ทางเกาหลีเหนือซ่อนไว้อย่าง ลี จุนพยอง (อี บยองฮอน) สายลับสองหน้าชาวเกาหลีเหนือสารพัดพิษที่หวังใช้ภารกิจนี้เพื่อกลับไปไถ่บาปส่วนตัว เมื่อธรณีพิโรธ ! เจอกับคนคลั่ง ! การหักเหลี่ยมเฉือนคมเพื่อเอาไฟไปสู้ไฟต้องพึ่งทีมพระกาฬอย่างพวกเขามากกว่าครั้งไหน ๆ
ลำพังแค่พลอต Ashfall ก็ทำให้นึกถึงหนังฮอลลีวูดดัง ๆ ในอดีตเพียบ ยิ่งมีฉากไปช่วยนักโทษแหกคุกเพื่อทำภารกิจกู้โลกก็ทำให้นึกถึง The Rock (199ุ6) และพอมีภูเขาไฟระเบิด โอ้โหทีนี้ลิสต์หนังฮอลลีวูดดัง ๆ มาเพียบลำพังแค่ยุค 90s ก็มีทั้ง Volcano (1997) และ Dante’s Peak (1997) ยังไม่พอ เมื่อมีภารกิจเอานิวเคลียร์ไปกู้วิกฤติก็แน่นอนงานนี้หนังดังอย่าง Armageddon (1998) ก็มาจนเรียกได้ว่า Ashfall ก็ไม่ต่างจากหนังเกาหลีสายบันเทิงทั่วไปที่เป็นเหมือนร่างทรงหนังฮอลลีวูดบล็อกบัสเตอร์ดัง ๆ อีกที แต่บอกแบบนี้อย่าพึ่งนึกว่าหนังจะลอกโครงเรื่อง ฉาก หรืออะไรจากหนังดัง ๆ มาแบบหน้าด้าน ๆ นะครับ ตรงกันข้าม ผู้กำกับอย่าง อี ฮเยจุน และ คิม บยองซู กลับเอาวัตถุดิบสไตล์แฮมเบอร์เกอร์มาผัดรวมวัตถุดิบชั้นดีของหนังเกาหลีอย่างพลอตดราม่าสะเทือนอารมณ์ และการแสดงแบบเชื่อมือได้จากนักแสดงแถวหน้าของประเทศควบคู่ไปกับงานสเปเชียลเอฟเฟกต์ที่พยายามทำให้ทัดเทียมกับฮอลลีวูด จนผลลัพธ์ของหนังออกเป็นหนังบันเทิงที่ทำหน้าที่ของมันได้อย่างขยันขันแข็ง ดูไปเหงื่อซึมมือ ดูไปน้ำตาซึม แถมเคล้าเสียงหัวเราะแบบไม่ขาดแคลนอารมณ์ขันเลยแหละ
อีกจุดที่ทำให่หนังโดดเด่นคือการเล่นกับประเด็นการเมืองตั้งแต่เรื่องเกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ ที่ดูจะเอาเป็นประเด็นที่ทำให้หนังเริ่มแตะการเมืองเบา ๆ อย่างการให้ทหารเกาหลีใต้ไปช่วยนักโทษเกาหลีเหนือที่เป็นคนทรยศชาติก็ทำให้เห็นว่า ท้ายที่สุดเมื่อเกิดปัญหาทางเกาหลีใต้ก็พร้อมจะลงมาทำตัวเป็นฮีโรมากกว่า แถมในหนังยังมีภาพรูปปั้นท่านผู้นำถล่มจนกองบนพื้นก็แอบสะท้อนภาพชาตินิยมที่แอบกัดทางฝั่งเกาหลีเหนือว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์ร้าย ๆ ก็น่าจะทำให้ประชาชนยิ่งลำบากไปกันใหญ่ เพราะระบอบเผด็จการไม่น่าทำให้คนมีความสุขได้ แต่ช้าก่อน..หากคิดว่าหนังจะเล่นงานแค่เกาหลีเหนือฝั่งเดียว เพราะแท้จริงหนังยังแอบใส่การจิกกัดเกาหลีใต้ด้วยการที่ภารกิจต้องถูกขัดขวางเพียงเพราะ “ไอ้กัน” อยากจะยึดหัวรบนิวเคลียร์ที่เกาหลีเหนือซ่อนไว้ จนเกิดการปะทะกันขึ้น แถมมีเรื่องคนเกาหลีที่ถูกช่วยเหลือหลังจากชาวอเมริกันได้อพยพอีกก็สะท้อนภาพผู้นำอ่อนแอจนสหรัฐอเมริกาเข้ามามีบทบาทในประเทศได้อย่างเจ็บแสบทีเดียว
แต่หากมอง Ashfall ในฐานะหนังหายนะภัย ก็คงต้องบอกว่ามันไม่ได้ชวนเซอร์ไพร์สในแง่เทคนิคอะไรมากนัก เพราะบอกตามตรงว่าหลายซีน ซีจี ก็ยังไม่ได้ดีมาก ส่วนฉากที่ภูเขาไฟระเบิดแล้วสร้างความวินาศสันตะโรก็ทำได้ตื่นเต้นดี แต่ยังไม่ถึงขั้นชวนว้าวเหมือนตอนเราดูหนังภูเขาไฟดัง ๆ ที่กล่าวถึงไปในย่อหน้าที่แล้วเท่าไหร่ แล้วอะไรล่ะคือจุดเด่นของมัน ก็ต้องตอบว่าเป็นการใส่ดราม่าและซับพลอตที่ซับซ้อนนี่แหละ เพราะภายใต้พลอตหนังหายนะ มันยังซ่อนทั้งเรื่องราวโรแมนติกระหว่าง โจ อินชาง และ จียอง เมียท้องแก่ที่สัญญากันว่าจะหนีไปด้วยกันให้ทันมาคอยทำให้เราเอาใจช่วย โดยเฉพาะการดึง แพ ซูจี ที่เพิ่งฮอตจากซีรีส์ Netflix สุดดังอย่าง Vagabond มาเพิ่มความสดใสและด้านโรแมนติกให้เรื่องราว นอกจากนี้ยังมีเรื่องดราม่าความผิดบาปในอดีตของ ลี จุนพยอง ที่ได้ อี บยองฮอน ดาราเกาหลีอินเตอร์มาเล่นดราม่าจนทำให้จากตัวละครที่คนดูพร้อมจะเกลียดกลายเป็นเกลียดไม่ลงเมื่อรู้ว่าเขาทำทุกอย่างเพียงเพื่อไถ่บาปต่อคนสำคัญในชีวิต หรือจะเป็นแนวหนังรักชาติที่สื่อผ่านตัวละคร ดร.คังบงแร ของ มา ดงซอก จาก Train to Busan หนังซอมบี้สุดดังที่ส่งให้เขากลายเป็นดาราระดับนานาชาติ เหล่านี้ล้วนเป็นส่วนผสมต้นตำหรับเกรดเอที่ทำให้ Ashfall กลายเป็นหนังบล็อกบัสเตอร์ดูสนุกและลุ้นเหงื่อซึมมือ บวกกับบทหนังที่ดีในแง่การให้ความบันเทิงเพราะสถานการณ์ต่าง ๆ ก็ใจร้ายกับตัวละครเหลือเกิน และเมื่อมาเกิดกับตัวละครที่คนดูเทใจให้ก็ย่อมทำให้เราอดลุ้นตามไม่ได้เลยสักวินาที
กล่าวอย่างไม่เวอร์เกินจริงก็ต้องบอกว่า Ashfall เหมาะเป็นหนังดูเพื่อความบันเทิงแบบไม่คิดมาก หนังมีการใส่สถานการณ์มาให้เราลุ้นระทึกได้ตลอด บางเหตุการณ์ก็อาจไม่เมกเซนส์บ้าง แต่พอมันเกิดกับตัวละครที่่ถูกปูไว้ดีแล้ว-คนดูหลงรักและเห็นใจก็ทำให้ยากที่จะไม่เอาใจช่วยพวกเขาและเธอไปตลอดเรื่องกันเลยเชียวแหละ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส