Our score
7.0มือปืน/โลก/พระ/จัน 2
จุดเด่น
- เล่าประเด็นการเมืองได้น่าสนใจมาก
- เรื่องราวและคาแรกเตอร์แต่ละตัวละครบอกเล่าการเมืองไทย ได้รอบด้าน
จุดสังเกต
- มุกฮา มีน้อยไปหน่อย
- CG ยังไม่เนียนมาก แต่ก็พอดีกับการเล่าเรื่องอยู่
-
ความสมบูรณ์ของบท
7.0
-
คุณภาพนักแสดง
7.0
-
คุณภาพงานสร้าง
7.0
-
ความสนุกน่าติดตาม
7.0
-
คุ้มเวลา ค่าตั๋ว
7.0
เมื่อประเทศไทยอยู่ในยุคกาขาว บรรยากาศบ้านเมืองวิปริตถึงขนาดหิมะตกทำกรุงเทพมหานครขาวโพลนอย่างน่าประหลาดพร้อมการปกครองของ UNA หรือกองท้พสหประชาชาติที่ออกกฎจนประเทศไทยกลายเป็นเมืองอันไร้สีสันแม้แต่เสื้อผ้าก็ยังใส่สีอื่นไม่ได้นอกจากสีเทา 3 ชีวิตมือปืนต่างดิ้นรนเพื่อความรักและความสุขอันไกลเกินเอื้อมทั้ง แจ็ส โซเด (ผดุง ทรงแสง) นักดาบมือพระกาฬฟันกระสุนขาดครึ่งที่ถูกว่าจ้างให้สังหาร ไต้หล้า อาซาปัตตานี (วีรยุทธิ์ นานช้า) ผู้ต่อต้าน UNA ฝ่ายใต้ ด้าน โจ๊ก โซแบด (กรภพ จันทร์เจริญ) มือปืนลูกศิษย์ของ คิด ไซเลนเซอร์ (ไพฑูรย์ พุ่มรัตน์) ผู้ถ่ายทอดวิชาปืนเก็บเสียงก็ได้รับการว่าจ้างให้สังหาร ไอสาน พระกาฬสุรินทร์ (สมพงษ์ คุนาประถม) ผู้ต่อต้าน UNA ฝ่ายอีสาน โดยหวังเอาเงินก้อนนี้พา ดารณี (วนิดา เติมธนาภรณ์) แฟนสาวป่วยใกล้ตายไปดูแสงเหนือตามความฝัน ส่วน เจ โซนานา (บริบูรณ์ จันทร์เรือง) มือระเบิดลูกครึ่งผู้มีความแค้นเบื้องหลังกับ UNA ก็ได้รับการว่าจ้างให้ทำงานลับให้องค์กรที่ตนเกลียดเพื่อหวังจะได้รู้ความลับว่าใครข่มขืนแม่ตนเอง แต่หลังจากเกิดคลื่นช็อกเวฟครั้งใหญ่หลังการมาเยือนของอาคันตุกะจากต่างดาวชะตาชีวิตของพวกเขาอาจเกี่ยวพันกันอย่างไม่น่าเชื่อ
คล้อยหลังมา 19 ปีจาก มือปืน/โลก/พระ/จัน หนังที่ก่อกระแสการเอาตลกคาเฟ่มาเล่นหนังใหญ่แต่กลับโดดเด่นด้วยบทภาพยนตร์ที่จินตนาการถึงประเทศไทยในอนาคตที่ต่างชาติเข้ามาครอบงำผสมผสานกับแนวคิดทางพุทธศาสนาที่ว่าด้วยเรื่องของกรรม ก็ทำให้มันกลายเป็นงานบันเทิงที่ไม่ขาดสาระและยังอยู่ในใจคอหนังมานานรวมถึงตัวผมเองด้วย รวมถึงการถือกำเนิดของผู้กำกับรุ่นใหม่อย่าง ยุทธเลิศ สิปปภาค ที่ต่อมากลายเป็นผู้มีอิทธิพลต่อวงการหนังไทยด้วยหนังแนวแปลกแหวกตลาดผ่านทั้งความสำเร็จและล้มเหลวมานับไม่ถ้วน แต่สิ่งหนึ่งที่ยึดเกาะกับหนังยุทธเลิศมาตลอดคงหนีไม่พ้น 2สิ่งคือ เรื่องโรแมนติกกับการเมือง แม้แต่ภาคต่ออย่าง มือปืน/โลก/พระ/จัน 2 ก็หนีไม่พ้น 2 สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน แต่สิ่งที่ต้องบอกกล่าวกันก่อนไปดูหนังเรื่องนี้คือการเล่าเรื่องของมันไม่สำคัญเท่าอุดมการณ์ความคิดและการวิพากษ์สังคมผ่านสัญญะต่าง ๆ ที่หนังเอามาประเคนให้ทั้งเรื่อง ซึ่งยุทธเลิศยอมแลกความตลกที่อาจลดลงแต่ไปเพิ่มการกระตุกต่อมคิดคนดูให้ทำงานกับหนังทั้งเรื่องแทน โดยเราอาจกล่าวถึงประเด็นน่าสนใจของหนังได้ด้วยการแบ่งเป็นประเด็นต่าง ๆ ดังนี้
เรื่องตลกของแจ๊ส โซเด
หนังเปิดเรื่องด้วยการให้ แจ๊ส โซเด มาเล่าเรื่องตลก 2 เรื่องติดกัน และก็เหมือนความตั้งใจของบทที่ไม่ต้องการให้คนดูขำกับมุกตลกที่เขาเล่าให้ฟัง เพราะทุกมุกลงท้ายด้วยคำว่า ไม่ฮาใช่มั้ยงั้นเรื่องต่อไป ก่อนที่หนังจะตัดไปเล่าเรื่องราวส่วนอื่นต่อ แต่หากย้อนมาวิเคราะห์กับฉากเปิดเรื่องที่ แจ๊ส โซดา พยายามอัดคลิป (หรืออาจจะวีดีโอคอล) เล่าเรื่องตลกให้น้องญาญ่า สาวที่ตนหมายปองฟังแล้ว เรากลับเห็นสิ่งที่ยุทธเลิศกำลังเสียดสีนิสัยคนไทยและอ้างอิงแบบอ้อม ๆ ถึงขึ้นแซะว่า คนไทยเองสามารถเอาเรื่องความทุกข์ หรือ เรื่องแย่ ๆ มาทำเป็นมุกตลกได้เสมอ เรามักเลือกจะเล่าเรื่องเลวร้ายต่าง ๆ ทั้งในทางการเมือง การทำรัฐประหาร การเหยียดเชื้อชาติ ด้วยการทำให้มันตลก แต่ที่จริงมันไม่ใช่เรื่องตลก ซึ่งพอหนังพาเราไปเจอกับสถานการณ์ในชีวิตที่ แจ๊ส โซเด ต้องเผชิญโดยเฉพาะการที่ต้องไปดูแลแม่ถึงโรงพยาบาล ทั้งที่แม่เรียกหาลูกอีกคนตลอดเวลา ก็ทำให้เห็น ทุกข์ของแจ๊สที่จำต้องรับงานจ้างค่าเพื่อหาเงินมารักษาแม่ จนเขาต้องใช้มุกตลกเพื่อกลบเกลื่อนความทุกข์ของตัวเองเหมือนคนไทยทั่ว ๆ ไปที่เลือกหลีกหนีชีวิตแย่ ๆ ใต้การรัฐประหารด้วยการพูดถึงรัฐมนตรีทุกจริต นายกเผด็จการ หรือนักการเมืองฉ้อฉลด้วยการทำให้มันเป็นเรื่องตลกกลบเกลื่อนทุกข์จริง ๆ แทน รวมถึงการหนีกหนีชีวิตจริงด้วยการสวมแทนตัวเองด้วยภาพคนดังที่เพอร์เฟกต์กว่าเช่นที่ แจ๊ส โซเด แนะนำตัวเองว่าชื่อ ณเดชย์ กับพยาบาล ที่ชื่อ ญาญ่า ใช่ครับ เธอคือคนที่แจ๊สพยายามเล่าเรื่องตลกตอนต้นเรื่องให้ฟังและแน่นอนว่าน้องญาญ่าไม่ขำอยู่ดี ยิ่งเมื่อพิจารณาว่าเรื่องราวส่วนนี้เกิดขึ้นในโรงพยาบาลจิตเวชก็ยิ่งทำให้เห็นว่าคนปกติอย่างพยาบาลก็ไม่ได้มีความสุขไปกว่าคนบ้านัก และในทางสัญญะแล้วโรงพยาบาลบ้าใน มือปืน/โลก/พระ/จัน 2 ก็คือหน่วยหนึ่งในการตีความแบบความสัมพันธ์แนวดิ่ง(Paradigimatic Relation) ในหนังอันว่าด้วยความไม่ปกติของโลกในหนังที่เมื่อผนวกกับ ภาพหิมะตกในกรุงเทพ ฯ และการมาเยือนของมนุษย์ต่างดาวแล้ว มันก็ทำให้เห็นว่ามุกของแจ๊สมันไม่ตลกเพราะแท้จริงแล้วไอ้สิ่งที่ถูกทำให้ตลกมันคือกลียุคดี ๆ นี่เอง
แสงเหนือของดารณี
ในเรื่องของโจ๊ก โซแบดเองก็มีจุดน่าสนใจตรงการพยายามทำทุกอย่างให้ช่วงเวลาสุดท้ายของดารณีแฟนสาวใกล้ตายมีความสุขที่สุด หนังจงใจใช้สัญญะหลายอย่างในการประกอบร่างเข้ากันแบบความสัมพันธ์แนวราบ (Syntagmatic Relation) อันว่าด้วยความสุขที่เอื้อมไม่ถึงทั้งควันบุหรี่ของดารณีในห้วงคำนึงของโจ๊ก หรือความฝันว่าด้วยการได้ไปดูแสงเหนือที่นอร์เวย์จนเธอวาดมันออกมาเป็นภาพวาด แต่ด้วยสภาพการป่วยไข้ ร่างกายที่ขยับเองไม่ได้จนต้องพึ่งรถเข็นหรือสายน้ำเกลือ เครื่องช่วยหายใจที่ระโยงระยาง ก็ทำให้เห็นถึงการติดกับ (Trapped) ของดารณีที่ดันไปกักขังให้ โจ๊ก ต้องทำทุกอย่างเพื่อความฝันในการได้ ออกไปจากประเทศไทยของแฟนสาว ซึ่งหากมองให้ดีแล้วมันก็แทนภาพแทนอันน่าเศร้าของคนไทยเองที่ได้แต่ฝันถึงชีวิตที่ดีกว่าในบ้านเมืองที่เป็นประชาธิปไตยและบรรยากาศ อากาศที่ดีกว่ายังเมืองนอก และแน่นอนว่าสัญญะต่าง ๆ ถูกจัดวางและบอกเล่าผ่านการจัด มิสอองแซง (Mise En Scène) หรือองค์ประกอบในฉากดังที่กล่าวมาแล้ว ก็ทำให้เห็นเลยว่าความฝันอันล่องลอยของดารณีก็คือปลายทางที่โจ๊กไม่เคยมองเพราะมัวแต่ใช้เวลาดูแลดารณีที่ป่วยหนักไม่ต่างจากปัญหารุมเร้าในไทยจนเขาหลงลืมว่าภาพความสุขข้างนอกมันเป็นยังไง ดังนั้นในเวลาที่เหลืออยู่ของดารณีเลยกลายเป็นช่วงเวลาสำคัญที่โจ๊กจะได้สะสางและสังหารเพื่อหาทุนมาทำให้ความฝันสุดท้ายของแฟนสาวเป็นจริง
การเมือง การครอบงำจากต่างชาติ และลูกนอกคอก
การเมืองคือสิ่งที่ยุทธเลิศมักนำมาข้องแวะกับหนังของเขาเสมอ ในหนัง มือปืน/โลก/พระ/จัน 2 เองก็คอนเซปต์ชื่อเรื่องที่เขียนได้ประหลาดมาตั้งแต่ภาคแรกนี่แหละ อย่างคำว่า พระ อาจไม่ชัดนัก แต่การหยิบยกเรื่อง ยุคกาขาว ของสมเด็จพุทธาจารย์โตมาตีความก็ทำให้หนังบอกเล่าเรื่องราวที่ลึกกว่าผิวน้ำที่พยายามขายบันเทิงไม่น้อย เพราะ ณ ก้นบ่อของมันคือการพยายามชี้ให้เห็น โลก ในแบบที่มันเป็นนั่นคือ โลก ที่เต็มไปด้วยการครอบงำ ยิ่งหนังมาเฉลยว่าชาวต่างชาติแท้จริงมีภารกิจอะไรแล้ว นั่นก็ทำให้เห็นว่า โลก ในหนังคือ โลก ของลูกนอกคอก ลูกเสี้ยว ชาวต่างด้าว นั่นเอง ยิ่งบรรดาลูกนอกคอก ลูกเสี้ยว ลูกครึ่ง ดังกล่าวถูกเอามาบอกเล่าในฐานะ มือปืน อาชีพในมุมมืดที่อยู่คู่การเมืองไทยมานานด้วยแล้ว ก็ทำให้เห็นความบิดเบี้ยวของการเมืองไทย จนเรื่องราวไซไฟที่ดูแอบเสิร์ต (Absert) มาก ๆ ของหนังอย่างเรื่องมนุษย์ต่างดาวบุกโลกดูเป็นเรื่องไม่ไกลเกินจริงไปเลย และ ณ ตำบลกระสุนตกของมัน การบอกเล่าเรื่องของลูกนอกคอกของประเทศไทย ทั้งที่มาของ เจ โซนาน่า ที่ดันไปพ้องกับเรื่องตลกของ แจ๊ส โซเด จนที่มาของเขาคลุมเครือมากระหว่าง การเป็นลูกที่เกิดจากแม่ที่โดนข่มขืนโดยชาวต่างชาติ (เปรียบได้กับการข่มเหงรังแกของมหาอำนาจที่บังคับให้ออกผลิตผล) หรือเป็นเพียงคนต่างด้าวที่ลักลอบเข้าเมือง (อาศัยเขาอยู่) แต่ไม่ว่าเหตุการณ์จะสรุปเช่นใด เราก็พอเห็นภาพร่างอันชัดเจนอันว่าด้วยประเทศไทยก็เกิดจากชาวต่างด้าวที่มาอาศัยอยู่ และภาพในมโนคติที่เราพยายามสร้างกันว่าอันว่าด้วยความเป็น “คนไทย” ก็ไม่ใช่สิ่งที่เป็นปกติ รวมถึงการออกกฎให้ทุกคนใส่เสื้อเทาให้เหมือนกันหมด หรือขจัดสัญลักษณ์อย่าง ใต้หล้า อาซาปัตตานี หรือ ไอสาน พระกาฬสุรินทร์ เพื่อชูภาพความเป็นไทยในแบบที่เป็นกลาง (์Neutral) ไม่ผิดเพี้ยนไปจากสิ่งที่พยายามสร้างก็ทำให้เรื่องราวที่สุดท้ายไปสรุปกันที่ โรงพยาบาลจิตเวช ก็ดูเหมาะสมไม่น้อยกับตรรกะบวม ๆ ของผู้ปกครองประเทศแบบ UNA
และอย่างที่บอกไปว่าการดำเนินเรื่องของหนังไม่ได้สำคัญเท่าการถ่ายทอดอุดมการณ์ผ่านสัญญะให้คนดูได้อ่านระหว่างบรรทัด ดังนั้นหนังเลยเต็มไปด้วยมุกยิบย่อยที่ยอมรับกันตรง ๆ ว่าความฮาของหนังลดลงไปเยอะในปริมาณที่ใครต้องการดูหนังตลกให้ได้หัวเราะอาจมีเซ็งเลยทีเดียว และในบรรดาการเดินเรื่องที่ดูแล้วไม่สมเหตุสมผลของก็ดันไปได้ดีกับแมสเซจหรือสารที่หนังที่ต้องการจะบอก โดยที่ผมได้ยกตัวอย่างการตีความไปข้างตนเป็นเพียงส่วนหนึ่ง เพราะอีกส่วนที่เขียนไม่ได้ คือส่วนที่ว่า “แม่” (ดรุณี สุทธิพิทักษ์) ที่มีลูก 3 คน คนนึงดูแลตัวเองมาตลอด คนนึงไปติดผู้หญิงไม่ยอมกลับมาดูแลตัวเอง ส่วนอีกคนเป็นลูกหลงมาจากการข่มขืน และตัวเองก็ทำแท้งมานับไม่ถ้วน ซึ่งเข้าข่าย “ที่จริงแล้วเก็ต แต่แสร้งทำว่าไม่เก็ต” เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน แต่หากใครเก็ตก็แนะนำให้แสร้งทำว่า ไม่เก็ต แล้วจะดูหนัง มือปืน/โลก/พระ/จัน 2 ได้สนุก (และปลอดภัยจ้า)
เพิ่มเติมสำหรับอ่านเพื่อศึกษาเรื่องสัญศาสตร์และสัญลักษณ์ในหนัง (คลิกที่ข้อความด้านล่างเพื่อเข้าไปอ่านบทความวิชาการได้เลย)
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส