Our score
7.0Underwater
จุดเด่น
- หนังมีฉากชวนตื่นตาตื่นใจเยอะ
- คริสเตน สจ๊วร์ต แบกหนังทั้งเรื่องได้น่าชื่นชม
- เจสสิกา เฮนวิก น่ารักแม้จะน่ารำคาญไปหน่อยก็ตาม
จุดสังเกต
- หนังไปลอกฉากจากหนังดังมาเยอะเกินไป
- ไม่ปูพื้นตัวละคร คนดูเลยไม่ผูกพันเท่าที่ควร
- วินเซนต์ กัสเซล มาเล่นบทที่ไม่ได้คู่ควรกับฝีมือตัวเองเท่าไหร่
-
ความสมบูรณ์ของบท
7.0
-
คุณภาพนักแสดง
7.0
-
คุณภาพงานสร้าง
7.0
-
ความสนุก น่าสะพรึงกลัว
7.0
-
คุ้มค่าตั๋ว
7.0
เกิดเหตุแผ่นดินไหวที่ก้นทะเลลึกใต้มหาสมุทร นอรา (คริสเตน สจวร์ต) ต้องเผชิญกับวินาศภัยจากแท่นขุดเจาะพลังงานระเบิด เธอต้องร่วมมือกับทีมงานทั้ง รอดริโก (มามูดู เอธี) , สมิธ (จอห์น กัลลาเกอร์ จูเนียร์), เอมมิลี (เจสสิกา เฮนวิก), พอล (ทีเจ มิลเลอร์) และกัปตัน (วินเซนต์ กัสเซล) เพื่อออกเดินทางใต้ทะเลลึกไปยังแท่นขุดเจาะโรบัคที่มีกระสวยลี้ภัยสู่ผิวน้ำอยู่ โดยมีอุปสรรคสำคัญคืออสูรกายใต้ทะเลที่ไม่ยอมให้มนุษย์หน้าไหนรอดชีวิตไปได้
การเดินทางของโพรเจกต์ Underwater ของผู้กำกับ วิลเลียม อูแบงค์ (William Eubank) นับว่าลึกลับไม่แพ้หน้าหนังเลย เพราะจากข่าวที่เราพอหาได้คือโพรเจกต์เริ่มในปี 2017 แล้วมันก็อันตรธานหายไปจากการรับรู้จนกระทั่งมาโผล่ตัวอย่างหนังอีกทีก็ปี 2019 ที่ผ่านมาหลังดิสนีย์เข้าซื้อฟอกซ์อย่างเป็นทางการ ซึ่งหนังอย่าง Underwater นี่แหละคือหนังที่ถือเป็นลายเซ็นเดิมของสตูดิโอฟอกซ์เลยทีเดียว ด้วยหน้าหนังตระกูลไซไฟสยองขวัญที่เคยมีงานของเจมส์ คาเมรอนอย่าง The Abyss และหนัง Alien ทุกภาคเป็นเหมือนแม่พิมพ์ชั้นดี
หนังตั้งใจให้เรื่องราวส่วนใหญ่ถูกบอกเล่าผ่านมุมมองของ นอรา ซึ่งก็ทำให้เรานึกถึงตัวละคร ริปลีย์ ของ Alien อย่างช่วยไม่ได้ ดังนั้นเราเลยเห็นการเดินตามรอยหนังรุ่นพ่อของมันอย่างชัดเจน ตั้งแต่ปูถึงวิกฤติการณ์ของมันตั้งแต่ต้นเรื่องที่ทำให้ตัวละครนำต้องหาทางเอาตัวรอดร่วมกับคนกลุ่มหนึ่ง และเผชิญวิกฤติที่หนักข้อขึ้นเรื่อย ๆ แต่สิ่งที่ต่างอย่างชัดเจนคือการที่หนังเลือกละเลยการบอกเล่าที่มาที่ไปตัวละครจนเมื่อหนังจบเราจำอะไรไม่ได้เลยนอกจากใบหน้านักแสดงที่เราพอจะคุ้นเคยว่านี่คือนางเอก นี่คือสาวสวย นี่คือกัปตัน นี่คนดำ นี่มีหนวดที่ถือตุ๊กตา ส่วนอีกหนวดก็ไม่มีอะไรเด่นเลย ซึ่งหากจะมองหนังแค่การดำเนินเรื่องที่ต้องการใส่ฉากตื่นเต้นเข้ามาก็คงพอทำเนา แต่พอหนังเลือกจะจบด้วยการให้ตัวละครที่คนดูควรผูกพันต้องเสียสละตัวเองอย่างกล้าหาญ เรากลับไม่รู้สึกอะไรเลยไปอย่างน่าเสียดาย
อีกจุดที่ทำให้หนังไม่มีจุดเด่นอะไรเลยคือการที่มันพึ่งพาฉากจากหนังที่มันอ้างอิงแบบแทบลอกมาหน้าด้าน ๆ เช่นฉากเอาตัวประหลาดกลับมาที่สถานีที่เอาแค่ใกล้ ๆ หนังอย่าง Life (2017) ก็เพิ่งเอาฉากผ่าเอเลียนมาทรีบิวต์ไปไม่นาน พอ Underwater เอามั่งมันเลยกลายเป็นเดจาวูที่คนดูนึกได้ทันทีว่าเคยเห็นซีนแบบนี้มาไม่นาน หรือกระทั่งมุกหนังสยองขวัญประเภทสัตว์ประหลาดอยู่ใต้น้ำก็อาจสืบไปได้ถึงหนังเกรดบีอย่าง Deep Rising (1998) ได้เลยทีเดียวรวมถึงการเปิดเรื่องด้วยข่าวหนังสือพิมพ์แถมมีสัตว์ประหลาดยักษ์ก็แน่นอนล่ะว่ามันทำให้นึกถึง Godzilla (2014) ได้แบบอัตโนมัติ ผลลัพธ์คือความตื่นเต้นและความออริจินัลของหนังที่ถูกลดทอนจนเหลือแค่งานรวมฮิตฉากจากหนังดังไปอย่างน่าเสียดาย
ด้านคริสเตน สจ๊วร์ตที่ต้องมาแบกหนังทั้งเรื่อง อันนี้น่าชื่นชมจริง ๆ เพราะเธอต้องเป็นคนนำพาคนดูไปเผชิญความน่าสะพรึงกลัวต่าง ๆ ตั้งแต่วิกฤติสถานีขุดเจาะระเบิด ความแกร่งเท่ผสมเซ็กซี่ของเธอทำให้คนดูไม่อาจวางตาได้เลย และอย่างที่บอกว่าบทของเธอแทบจะเป็นร่างทรงของตัวละครริปลีย์ของซิเกอร์นีย์ วีเวอร์ ที่เคยไฝว่กับเอเลียนมาแล้ว ก็ทำให้เธอเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยหากมีการทำหนัง Alien ขึ้นมาอีก ด้านสาวสวยอย่าง เจสสิกา เฮนวิก จากซีรีส์ Iron Fist ทาง Netflix ก็พาหน้าตาสวย ๆ ของเธอมาทำให้หนุ่ม ๆ กระชุ่มกระชวยและลุ้นให้เธอรอดไปได้ทั้งเรื่อง แม้บทของเธอจะติดน่ารำคาญไปหน่อยแบบที่เขาจะ “ตายฮ่าาาา” กันอยู่แล้วมาชวนคุยเรื่องหมากันซะงั้นก็ตาม ส่วนนักแสดงผู้ชายผมรู้จักแค่ วินเซนต์ กัสเซล ในบทกัปตันที่ต้องบอกเลยว่า…. เอาใครมาเล่นก็ได้ จบ!
เอาจริง ๆ เลยตัวหนังไม่ได้แย่นะครับ แม้ทางดิสนีย์จะไม่โพรโมตหนังเรื่องนี้เท่าหนังในเครือฟอกซ์เรื่องอื่น โดยหนังมีครบเลยสำหรับใครที่คิดถึงหนังไซไฟสยองขวัญแบบถ้าชีวิตนี้พลาดหนังเรื่องไหนไป Underwater ก็รีเมกมันมาให้ดูแบบซีนต่อซีนทั้ง Alien, Life หรือกระทั่ง Godzilla เพียงแต่สร้างความแปลกใหม่ด้วยการเอาเหตุการณ์ลงไปอยู่ใต้ทะเลแทนซึ่งก็ดันไปคล้ายกับ The Abyss ของเจมส์ คาเมรอนอีก แต่เอาเถอะสำหรับใครที่หาหนังไซไฟสยองที่มีฉากแหวะ ๆ ดู Underwater ตอบโจทย์อยู่น้าาา
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส