ถือเป็นเวทีใหญ่เวทีสุดท้าย ก่อนจะถึงงานประกาศผลรางวัลออสการ์ที่เป็นรางวัลสูงสุดของโลกภาพยนตร์ฮอลลีวูด กับเวทีล่าสุดนี้อย่าง Screen Actor Guild Awards หรือ SAG Awards ที่จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 26 เมื่อคืนวันที่ 19 มกราคมตามเวลาในสหรัฐฯ โดยเวทีนี้เป็นเวทีที่เน้นให้รางวัลสำหรับนักแสดง จึงไม่มีการให้รางวัลในสาขาการด้านสร้างภาพยนตร์อื่น ๆ
ซึ่งสำหรับรางวัลสูงสุดของเวทีนี้ก็คือ ทีมนักแสดงยอดเยี่ยม ในปีนี้ผู้ชนะฝั่งภาพยนตร์ตกเป็นของ Parasite หนังเกาหลีใต้ที่สร้างประวัติศาสตร์ เป็นหนังภาษาต่างประเทศเรื่องแรกที่ชนะรางวัลนี้ ส่วนผู้ชนะฝั่งซีรีส์ทางโทรทัศน์ตกเป็นของ The Crown ซีซัน 3 ในฝั่งซีรีส์ดรามา และของ Marvelous Mrs. Maisel ในฝั่งซีรีส์ตลก
สรุปผลรางวัลจากเวที SAG Awards ปี 2020
สาขาภาพยนตร์
- ทีมนักแสดงยอดเยี่ยม: Parasite
- นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม: Joaquin Phoenix จาก Joker
- นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม: Renee Zellweger จาก Judy
- นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม: Brad Pitt จาก Once Upon a Time…in Hollywood
- นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม: Laura Dern จาก Marriage Story
- ทีมนักแสดงสตั๊นท์ในภาพยนตร์ยอดเยี่ยม: Avengers: Endgame
สาขามินิซีรีส์และซีรีส์โทรทัศน์
- ทีมนักแสดงซีรีส์ดรามา: The Crown
- ทีมนักแสดงซีรีส์ตลก: Marvelous Mrs. Maisel
- นักแสดงชายจากหนังทีวี/มินิซีรีส์: Sam Rockwell จาก Fosse/Verdon
- นักแสดงหญิงจากหนังทีวี/มินิซีรีส์: Michelle Williams จาก Fosse/Verdon
- นักแสดงชายจากซีรีส์ดรามา: Peter Dinklage จาก Game of Thrones
- นักแสดงหญิงจากซีรีส์ดรามา: Jennifer Aniston จาก The Morning Show
- นักแสดงชายจากซีรีส์ตลก: Tony Shalhoub จาก Marvelous Mrs. Maisel
- นักแสดงหญิงจากซีรีส์ตลก: Phoebe Wallis Bridge จาก Fleabag
- ทีมนักแสดงสตั๊นท์ในซีรีส์ตลกหรือดรามายอดเยี่ยม: Game of Thrones
Parasite กับประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ภาพยนตร์ต่างประเทศเรื่องแรกที่คว้ารางวัลสูงสุด
มาแรงขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับหนัง Parasite ที่คว้ารางวัลใหญ่สุดของงานไปครอง ตีตื้นเป็นม้าตีนปลายควบแข่งมากับ 1917 ที่คว้ารางวัลลูกโลกทองคำไปก่อนหน้า (ส่วน The Irishman เต็งหนึ่งตอนแรก ๆ แต่แทบไม่ถูกพูดถึงแล้วในช่วงเดือนหลังมานี้) หนังที่มีจุดเริ่มต้นกระแสความดังมาจากการคว้ารางวัลปาล์มทองคำที่เทศกาลหนังเมืองคานส์อาจจะพลิกล็อกคว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมไปครองก็เป็นได้ ซึ่งเมื่อมองย้อนหลังไป 20 ปี มีแค่ The Pianist (2002) ของผู้กำกับ Roman Polanski, The Tree of Life (2011) ของผู้กำกับ Terrence Malick และ Amour (2012) ของผู้กำกับ Michael Haneke เพียง 3 เรื่องที่ชนะปาล์มทองคำและได้มาเข้าชิงภาพยนตร์ยอดเยี่ยมของออสการ์
อย่างไรก็ดี เป็นที่รู้กันว่า SAG Awards นั้นมักจะมอบรางวัลให้กับหนังที่มีทีมนักแสดงโดดเด่นกันทั้งเรื่อง (สมกับเป็นรางวัลที่มอบให้กับสาขานักแสดงล้วน) ซึ่งแน่นอนว่า ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมบางเรื่องอาจไม่ได้มีทีมนักแสดงที่แข็งแกร่ง อย่าง 1917 หรือ Joker เองที่ก็เล่นกันอยู่ไม่กี่คน การที่ Parasite มีนักแสดงร่วมจอในบทเด่น ๆ ที่มีน้ำหนักเท่ากันถึง 6-7 คน ก็เหมาะสมจะได้รางวัลนี้ไป รวมถึงเมื่อมองไปที่สถิติ 5 ปีย้อนหลังของผู้ชนะรางวัลทีมนักแสดงยอดเยี่ยมก็มีแค่ Spotlight หนังทีมนักหนังสือพิมพ์ที่ออกมาตีแผ่ความจริงของการล่วงละเมิดเด็กชายโดยกลุ่มบาทหลวงเมื่อปี 2015 แค่เรื่องเดียวที่ได้รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมของออสการ์เหมือนกัน
ซองคังโฮ นักแสดงผู้รับบทเป็นพ่อของครอบครัวที่แฝงตัวไปเป็นปรสิตเกาะครอบครัวไฮโซ เป็นตัวแทนของทีมนักแสดงของเรื่องที่ขึ้นไปรับรางวัลกันหมด เขากล่าวผ่านล่ามว่า
“แม้ว่าหนังเรื่องนี้จะชื่อปรสิต แต่ผมเชื่อว่าหนังยังบอกถึงการอาศัยอยู่ร่วมกัน และบอกว่าเราจะมีชีวิตอยู่รอดไปด้วยกันได้ยังไง” คังโฮกล่าว “การที่พวกเราได้รับรางวัลนี้ อย่างน้อย ๆ พวกเราก็ได้รู้ว่า ไม่ได้สร้างภาพยนตร์ที่แย่เกินไปนักออกมา” ผู้ชมปรบมือให้กับความอ่อนน้อมถ่อมตนของคังโฮ
Parasite เอาชนะคู่แข่งสายแข็งที่ได้เข้าชิงอย่าง Once Upon a Time…in Hollywood ที่รวมนักแสดงเกรดเอของฮอลลีวูดเอาไว้ (แต่ไม่ได้เล่นรับส่งเข้าขากันเท่าไร เพราะแยกกันดำเนินเรื่องตามท้องเรื่อง) The Irishman ที่ก็คงหวังไว้กับรางวัลนี้พอสมควร รวมถึง Bombshell และ Jojo Rabbit “ตอนนี้พวกเรากลายเป็นปรสิตของฮอลลีวูดจริง ๆ ไปแล้วล่ะ” คังโฮให้สัมภาษณ์กับนักข่าวปิดท้ายงาน
ทีมตัวเต็งรางวัลนักแสดงออสการ์กวาดรางวัลเรียบ
อาจจะเป็นปีที่จะลุ้นรางวัลในสาขานักแสดงให้สนุกหรือเชียร์ให้มันได้น้อยที่สุด เพราะจนถึงเวลานี้ในหลายเวทีที่ได้ประกาศผู้ชนะสาขานำชาย นำหญิง สมทบชาย และสมทบหญิงไปแล้วนัั้น ก็แทบจะเป็นนักแสดง 4 คนนี้อย่าง Joaquin Phoenix, Renee Zellweger, Brad Pitt และ Laura Dern ที่คว้ารางวัลมาได้ ชนิดที่โผคงพลิกได้ยากสำหรับเวทีออสการ์ ยิ่งกับการได้รางวัล SAG Awards ที่กรรมการมาจากสายนักแสดงล้วนและเป็นเสียงส่วนใหญ่ของกรรมการที่ตัดสินสาขาการแสดงบนเวทีออสการ์ ก็ยิ่งจะตอกย้ำความแน่นอนเข้าไปอีก
เมื่อมีผู้ชนะก็ย่อมมีผู้พลาดหวัง ซึ่งก็หมายถึง Bombshell และ The Irishman ที่เต็มไปด้วยนักแสดงระดับเคยได้รางวัลและเข้าชิงออสการ์นั้นก็พลาดไปหมดจากหลายสาขาที่ได้เข้าชิง และหากมองในอีกมุมหนึ่ง ก็เกิดกระแสว่า รางวัลใหญ่ของวงการภาพยนตร์ในปีนี้กลับมาหลงลืมนักแสดงแอฟริกัน-อเมริกันอีกแล้ว หลังจากเป็นกระแสฮิตเมื่อ 3-4 ปีหลัง ทำให้ Jennifer Lopez จาก Hustlers และ Jamie Foxx จาก Just Mercy ไม่มีแม้แต่โอกาสจะติดเข้าไปในรายชื่อผู้เข้าชิง (อ่าน 10 นักแสดงตัวเต็งที่พลาดเข้าชิงออสการ์ปีนี้ได้ที่นี่)
สุนทรพจน์ที่แสนกินใจของ Phoenix และ Zellweger
Joaquin Phoenix ที่เพิ่งลงจากเวทีประท้วงเพื่อรณรงค์การอนุรักษ์โลกร้อน (จนถูกจับ) เมื่อสัปดาห์ก่อน ได้กล่าวสุนทรพจน์ที่ซาบซึ้งและแสนประทับใจ เมื่อเขากล่าวถึงผู้เข้าชิงอีก 4 คนที่พลาดรางวัลไปเพราะเขา โดยเขากล่าวถึง Leonardo DiCaprio ว่า
“…Leonardo คุณรู้มั้ย ถึงแม้ว่าตอนเด็ก ๆผมมักจะได้เข้าไปออดิชันในรอบสุดท้ายเสมอ และมักจะเหลือนักแสดงอีกแค่คนสองคนที่เราต้องสู้ด้วย และผมก็มักจะพ่ายแพ้ให้กับเด็กคนนึง ไม่มีใครพูดชื่อเขาออกมาตรง ๆ เพราะมันคงจะเกินไปหน่อย แต่คนคัดนักแสดงทุกคนจะกระซิบกระซาบว่า “Leonardo ไง Leonardo” ผมก็งงว่า “ใครวะ Leonardo!” …แต่คุณเป็นแรงบันดาลใจให้ผมมาตลอด 25 ปีในสายอาชีพนักแสดง รวมถึงเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอื่น ๆ ด้วย ขอบคุณมากจริงๆ…”
นอกจากนี้ เขายังกล่าวถึง Christian Bale ว่า “Christian การที่คุณทุ่มเทให้กับบทในหนังสักเรื่องนั้น มันเป็นสิ่งที่ผมทำได้เพียงฝันเท่านั้น คุณไม่เคยแสดงออกมาแย่เลย มันช่างน่าหงุดหงิดมาก ผมหวังว่าสักเรื่องเถอะ คุณจะแสดงห่วย ๆ บ้างนะ” กล่าวถึง Adam Driver ว่า “การแสดงของนายมันช่างสวยงาม เหลือเชื่อ และลึกซึ้งมาก ๆ” กล่าวชม Taron Egerton ว่า “Taron นายมันงดงามสุด ๆ ไปเลยในเรื่อง Rocketman ฉันดีใจกับนายด้วยและรอไม่ไหวแล้วที่จะเห็นว่า นายสามารถทำอะไรได้อีกบ้างต่อจากนี้” และปิดท้ายได้กล่าวถึง นักแสดงที่เขาชื่นชอบและเป็นแรงบันดาลใจในบทโจ๊กเกอร์เช่นเดียวกันกับที่เขาสมบทจนได้รางวัลนี้อย่าง Heath Ledger ผู้ล่วงลับ “และที่ผมมายืนอยู่ตรงนี้ ผมยืนอยู่บนไหล่ของนักแสดงคนโปรดของผม…Heath Ledger ขอบคุณคุณมาก ๆ”
Renee Zellweger กล่าวถึง Judy Garland ศิลปินและนักแสดงผู้ล่วงลับที่เธอมาสวมบทบาทในหนัง Judy “50 ปีมาแล้วจูดี้ ผู้คนที่นี่ยังคิดถึงคุณอยู่เลย…และนี่คือรางวัลของคุณ”
Zellweger ยังแสดงความชื่นชมต่อผู้เข้าชิงในสาขานี้กับเธอ ทั้ง Charlize Theron จาก Bombshell, Scarlett Johansson จาก Marriage Story, Cynthia Erivo จาก Harriet และ Lupita Nyong’o จาก Us รวมถึงครอบครัวของเธอด้วย
รางวัล Life Achievement และสุนทรพจน์ถึงการเมืองของ Robert De Niro
Robert De Niro ที่พลาดแม้แต่จะได้เข้าชิงสาขารางวัลทางการแสดงจาก The Irishman ขณะที่ Al Pacino และ Joe Pesci ได้เข้าชิงสาขาสมทบชาย (เช่นเดียวกับเวทีออสการ์) เขาได้ขึ้นรับรางวัล Life Achievement หรือนักแสดงผู้ประสบความสำเร็จในชีวิตการทำงาน โดยผู้เชิญรางวัลนี้ให้กับเขาก็คือ Leonardo DiCaprio นักแสดงที่เล่นภาพยนตร์เรื่องแรกในชีวิตอย่าง This Boy’s Life (1993) ที่ De Niro แสดงนำ รวมถึงทั้งคู่ยังเป็นนักแสดงคู่บุญของผู้กำกับ Martin Scorsese เช่นเดียวกัน เพียงแค่ต่างยุคสมัย
“…ทุกตัวละครของเขาสะท้อนถึงวัฒนธรรมของเรา…ตอนที่ผมยังเด็ก พ่อพาผมไปดูหนังเรื่อง Midnight Run ในโรงหนัง พ่อบอกกับผมว่า ถ้าลูกอยากจะเป็นนักแสดง และอยากดูว่าการแสดงของสุดยอดนักแสดงเป็นยังไง ให้ดูจากผู้ชายคนที่อยู่ในเรื่องนี้…” DiCaprio เล่าถึงความทรงจำกับหนังของ De Niro ที่เขาเคยดู
De Niro ขึ้นมากล่าวขอบคุณกลุ่มสหภาพของนักแสดงที่อยู่เบื้องหลังการมอบรางวัลนี้ รวมถึงเรียกร้องให้มีการสนับสนุนกฎหมายเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพและชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ที่ควรจะได้รับการปฏิบัติให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ “นักแสดงอย่างพวกเราไม่สามารถทำงานคนเดียวได้ ไม่อย่างแน่นอน…เราต้องพึ่งพาคนอื่น ทั้งหน้ากล้องและหลังกล้อง” De Niro ยังกล่าวปิดท้ายถึงประเด็นการเมืองด้วยว่า
“…มันมีทั้งสิ่งที่ถูกและสิ่งที่ผิด สิ่งที่เป็นเรื่องสามัญสำนึกและการเลือกใช้อำนาจในทางที่ผิด ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ไม่ว่าคุณจะเป็นนักแสดง นักกีฬา ศิลปิน หรือใครก็ตามแต่ ทุกคนมีสิทธิที่จะแสดงความเห็นออกมา…ถ้าผมจะสามารถแสดงความเห็นออกมาดัง ๆ ได้เพราะผมยืนอยู่จุดนี้ ผมก็จะใช้มัน เมื่อผมเห็นการใช้อำนาจในทางที่ผิดเกิดขึ้น…”
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส