Our score
9.3The Gentlemen สุภาพบุรุษมาหากัญ
จุดเด่น
- บทหนัง บทสนทนา ดีมากน่าติดตามสุด ๆ กวนตลกฮาโหดครบรส
- นักแสดงได้คาแรกเตอร์ที่น่าจดจำและเล่นกันได้เข้าเนื้อมาก
- แฟนกาย ริตชี คือต้องดู
จุดสังเกต
- หนังพูดกันเยอะ บางคนอาจไม่ชอบ
-
ตรรกะ ความสมบูรณ์ของบท
10.0
-
คุณภาพนักแสดง
10.0
-
คุณภาพงานสร้าง
8.5
-
ความสนุกน่าติดตาม
9.0
-
คุ้มค่าเวลาในการรับชม
9.0
เรื่องย่อ เจ้าพ่อกัญชาผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุดแห่งเกาะอังกฤษอย่าง มิกกี้ เพียร์สัน ที่ตัดสินใจวางมือจากวงการ เขาจึงตกกลายเป็นชนวนสำคัญที่นำไปสู่ความขัดแย้งหักเหลี่ยมเฉือนคมระหว่างแก๊งมาเฟีย องค์กรยาเสพติด สำนักข่าว และเหล่าชนชั้นสูงของอังกฤษ ที่ล้วนแต่มีเป้าหมายในการครอบครองอาณาจักรกัญชาของเขาไว้ในมือตัวเอง
กาย ริตชี อาจกลายเป็นผู้กำกับสายแมสฮอลลีวูดในช่วงหลายปีหลัง อย่างน้อยหนังยาว 5 เรื่องหลังสุดก็เป็นหนังบล็อกบัสเตอร์แบบที่มีเอกลักษณ์ต่างจากหนังของผู้กำกับคนอื่น ทั้ง Sherlock Holmes (2009) Sherlock Holmes: A Game of Shadows (2011) The Man from U.N.C.L.E. (2015) King Arthur: Legend of the Sword (2017) และล่าสุดยักษ์จินนี่ฉบับวิล สมิธใน Aladdin (2019) จนเราอาจลืมไปว่าแท้จริงแล้ว กาย ชิตชี แจ้งเกิดจากหนังแก๊งมาเฟียยอกย้อนที่เน้นขายบทสุดกวนตลกร้ายที่มีกลิ่นบริทิชจัด ๆ และตัวละครที่น่าสนใจเป็นที่จดจำอย่าง Lock, Stock and Two Smoking Barrels (1998) และ Snatch (2000) ต่างหาก นี่จึงเป็นการหวนคืนสู่รากเหง้าของริตชีที่เขาหมายมั่นปั้นมือมานานหลายปี
และพิจารณาจากความละเอียดในการคิดบทหนังแล้ว ก็ต้องยอมรับจริง ๆ ว่าหนังได้รับการขัดเกลาบทมาอย่างเข้มข้นทีเดียว เรียกว่าอัดทุกเม็ดเด็ดในแบบฉบับตัวเองลงไปในทุกประโยค ทุกฉากเลยทีเดียว เรียกว่ามีร้อยท่าก็ใส่ทั้งร้อยลีลาจริง ๆ
กาย ริตชี อัปเกรดหนังแก๊งสเตอร์ห่าม ๆ มาสู่ธุรกิจค้ากัญชาอันดับ 1 ของอังกฤษที่ไฮโซโก้เก๋ ที่วันหนึ่งเจ้าของกิจการอย่าง มิกกี้ (แมทธิว แม็กคอนาเฮย์) เกิดอยากเกษียณอายุตัวเองไปใช้ชีวิตเรียบง่าย จนทำให้กลุ่มอิทธิพลต่าง ๆ ยื่นมือมาเพื่อขอเป็นผู้สืบทอดคนใหม่ ไม่ว่าจะแก๊งข้ามชาติจากจีนของ ดรายอาย (เฮนรี โกลดิง จาก Crazy Rich Asians, Last Christmas) หรือจะเป็นนักธุรกิจยิวสีเทา ๆ อย่าง แมทธิว (เจเรมี สตรอง จาก The Big Short) ลำบากถึง เรย์ (ชาร์ลี ฮันแนม จาก King Arthur: Legend of the Sword) มือขวาของมิกกี้ และ โค้ช (โคลิน ฟาร์เรล จาก Fantastic Beasts and Where to Find Them) ผู้ช่วยจำเป็นที่ต้องเข้ามาติดบ่วงช่วยสะสางปัญหา ซึ่งทั้งหมดถูกปั่นหัวและจับตามองอยู่โดยนักสืบขายข่าวสุดฉ้อฉลอย่าง เฟลตเชอร์ (ฮิวจ์ แกรนต์ จาก Notting Hill) กลายเป็นหนังที่มีองค์ประกอบความวายป่วงครบครัน และได้นักแสดงชื่อดังมากฝีมือมาท้าทายบทบาทใหม่ ๆ ของตัวเองได้อย่างน่าติดตามด้วย
ความเด็ดของหนังอยู่ตรงที่วิธีการเล่าที่ดึงความสนใจเราอยู่หมัดตั้งแต่ต้น (แม้กว่า 80% ของหนังคือการเล่าผ่านบทสนทนาต่าง ๆ) เมื่อเฟลตเชอร์มาเยี่ยมเรย์ถึงบ้าน เพื่อขายบทหนังที่เขาอ้างว่าเขียนเองซึ่งแท้จริงคือการแบล็กเมลเรื่องราวการหักหลังชิงเหลี่ยมในวงการกัญชาที่เรย์เป็นมือขวาให้นายใหญ่อยู่ โดยเขาอ้างว่าเขารับงานสืบมาจากเจ้าของสื่อดังที่อยากแก้แค้นความโอหังของมิกกี้ด้วยนั่นเอง และตลอดเรื่องจึงคือการเล่าสันนิษฐานเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เฟลตเชอร์เล่าให้เรย์ฟังจากหลักฐานบวกพลังมโนความเชื่อมโยง ซึ่งด้วยคาแรกเตอร์ของเฟลตเชอร์ที่ออกแนวเกย์เฒ่าขี้เล่นเจ้าเล่ห์และหาความน่าเชื่อถือไม่ได้ หนังจึงถูกเล่าแบบสนุกมากผ่านสายตาของเขานี้เอง นอกจากนี้หนังยังใส่ความคลั่งไคล้ในวงการหนังลงไปอย่างท่วมท้น เชื่อว่าคนที่ชอบดูหนังจะต้องขำกลิ้งกับหลาย ๆ ฉากที่เซอร์ไพรส์เราและล้อเลียนกับการเล่าเรื่องแบบปกติได้อย่างสนุกมือ (เช่นการแก้เรื่องเล่าที่เฟลตเชอร์เล่าไปแล้วใหม่ด้วยเหตุผลว่า เมื่อกี้ล้อเล่น)
ถ้าจะเลือกจุดเด่นของหนังที่เด่นที่สุดก็ขอยก วิธีการเล่าเรื่องและบทหนัง นี่ล่ะที่เด็ดที่สุด
ในขณะเดียวกันความตื่นตาตื่นใจของหนังก็ยังมีเรื่องของดาราที่พลิกบทบาทภาพจำของตนเองมาเกรียนเก๋ากันได้น่าจดจำมาก ๆ มากขนาดว่าเรารักตัวละครทุกตัวในหนังเลย และถ้ามันจะมีภาคต่อได้เราก็อยากดูพวกเขากลับมาทุกตัวเลยจริง ๆ โดยเฉพาะตัว เฟลตเชอร์ที่ ฮิวจ์ แกรนต์ มอบสีสันฉูดฉาดฉลาดมากเสน่ห์ให้กับตัวละครนี้จนเราลืมไปเลยว่าเป็นแกรนต์ที่อยู่บนจอหนัง
สรุป นี่เป็นหนังที่มันมือมาก เจ๋งในการเล่าเรื่องที่พิถีพิถันมาอย่างดี มีติดบ้างว่ามันคือหนังที่เน้นการเล่าเรื่อง จึงพึ่งบทสทนามากบางคนอาจไม่ชอบ แต่เชื่อเถอะถ้าตามเนื้อเรื่องได้แล้ว โคตรมัน และตามที่เขียนไว้ในชื่อรีวิวนี้แน่นอนล่ะว่าหนังมันจบในตัวแล้ว แต่เราก็อยากดูภาคต่อของพวกตัวละครกลุ่มนี้จริง ๆ หวังว่าภารกิจของเฟลตเชอร์ในการขายบทหนังในเรื่องจะสำเร็จนะ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส