Our score
8.8Better Days
จุดเด่น
จุดสังเกต
-
ตรรกะ ความสมบูรณ์ของบท
8.5
-
คุณภาพนักแสดง
9.5
-
คุณภาพงานสร้าง
8.5
-
ความสนุกน่าติดตาม
8.5
-
คุ้มค่าเวลาในการรับชม
9.0
Better Days สร้างมาจากนิยายจีนดัง In His Youth, In Her Beauty ของ จิ่วเยวียซี ที่มีเส้นเรื่องหลักอยู่ที่เรื่องราวการถูก bully ในโรงเรียน และความรักที่เข้ามาเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตของคนหนุ่มสาวคู่หนึ่ง ซึ่งคนดูจะสามารถสัมผัสได้เลยจากบรรยากาศในหนังเรื่องนี้ที่จับประเด็นหนัก ๆ มาบดขยี้แรง ๆ ตั้งแต่เรื่องการ bully ในโรงเรียน, การสอบแข่งขัน จนถึงแทงทะลุถึงหัวใจไปยังกระทรวงศึกษาธิการที่ล้วนแล้วแต่มีส่วนร่วมกันสร้าง ‘ปีศาจ’ ในตัวเด็กขึ้นมาในสังคมโดยที่ผู้ใหญ่เหล่านั้นไม่เคยตระหนัก เฉินเหนียน เป็นเพียงเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ หน้าตาใสซื่อ แต่เป็นเด็กหัวดีเรียนเก่ง ท่ามกลางความโหดร้ายของสังคมที่เธอต้องพบเจอ ไม่ว่าจะเป็นการถูกแกล้งจากเพื่อน, พ่อแม่แยกทาง แม่ต้องร่อนเร่ขายของผิดกฏหมายและหนีเจ้าหนี้จนไม่ค่อยได้กลับบ้าน ขณะที่ชีวิตของเฉินเหนียนดูจะเดินไปถึงจุดตกต่ำที่สุด เธอก็ได้พบกับ เสี่ยวเป่ย (อี้หยางเชียนสี่) เด็กหนุ่มแก๊งอันธพาลไร้อนาคตที่เข้ามาช่วยชีวิตเธอจากเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
หนังพาคนดูสำรวจตัวละครแบบพาทัวร์เข้าไปได้ถึงแก่นของความเจ็บปวดครั้งแล้วครั้งเล่าของเฉินเหนียน แถมแทรกปัญหาชีวิตขม ๆ เข้ามาอีกเป็นระยะ บวกกับอินเนอร์ของ โจวตงหยู ที่อาจบอกได้ว่าเป็นหนึ่งในหนังที่เธอกลั่นอารมณ์ออกมาได้อย่างสุดยอดอย่างแท้จริง การพลิกมาเล่นบทเด็กสาววัย 17 ที่ต้องแบกปัญหาทุกอย่างไว้ เธอทำมันออกมาได้ไร้ที่ติมาก ๆ ระดับมาสเตอร์พีช บอกได้เลยว่านี่เป็นตัวละครที่สร้างความเรียลให้หนังเรื่องนี้ และยกระดับหนังไปอีกขั้นจริง ๆ ซึ่งยิ่งดูเราจะยิ่งหดหู่ไปกับโชคชะตาอันรันทด แล้วตัวเลือกของเด็กที่ยังไม่ประสีประสาโลก มันยิ่งดูมืดแปดด้านไปหมด แต่ระหว่างที่หนังเดินไป การปรากฏตัวของ เสี่ยวเป่ย สร้างมิติให้หนังฉีกไปยังจุดหักเหได้ลงตัว และโดยเฉพาะการมารับบทหนัก ๆ แบบนี้ครั้งแรก ก็ต้องยอมรับว่าไอ้หนุ่ม อี้หยางเชียนสี่ เป็นเด็กมีของมาก ๆ เลย โดยเฉพาะสีหน้าแววตาที่มุ่งมั่น ซีนดราม่าแรง ๆ สามารถบดกับ โจวตงหยู ได้ไม่ดร็อปเลย
Better Days เป็นหนึ่งในหนังที่ทำหน้าที่วิพากษ์ประเด็นหลัก ๆ สะท้อนสังคมจีนได้ดีมาก ๆ เรื่องหนึ่ง ผมชอบบรรยากาศของความไม่โลกสวยในหนังเรื่องนี้ มีกลิ่นอายคล้ายแนวทางของหนังฮ่องกงในยุค 90s แม้ว่าจะมีบางช่วงที่ออกอาการเนือยไปบ้าง เหมือนยืดเรื่องไปบ้าง แต่พอเริ่มปรับตัวได้ หนังกลับยิ่งสะท้อนสภาวะจิตใจของตัวละครแต่ละฝ่ายให้เห็นด้านเทา ๆ กันมากขึ้น จนรู้สึกตัวอีกที หนังก็พาเรามายังจุดที่เราไม่คิดว่าจะมาถึงได้ มีความกลับตาลปัตร พลิกผัน หักมุมเล็ก ๆ หลอกล่อมีชั้นเชิง คาดเดายากขึ้นเรื่อย ๆ สร้างสถานการณ์และบรรยากาศที่ไม่น่าไว้ใจออกมาได้เป็นระยะ แต่มีสิ่งหนึ่งที่โดดเด่นท่ามกลางความหม่นหมองของหนัง ก็คือเคมีของคู่พระนาง กับพาร์ตโรแมนติกแบบหวานขม ที่ยิ้มทั้งน้ำตาให้กับชะตาชีวิต แต่ก็ดิ้นรนหาทางแก้ปัญหาหน้างานตามมีตามเกิดแบบเด็กวัยรุ่น ไม่แปลกเลยที่ใคร ๆ บางคนดูแล้วแอบนึกถึง อาหัว กับ โจโจ้ ในผู้หญิงข้าใครอย่าแตะอยู่บ้าง
เมสเซจของหนังชัดเจนและทรงพลัง โดยเฉพาะคำพูดของ เฉินเหนียน ที่บอกว่า “มีแต่คนบอกจะช่วยฉัน แล้วใครบ้างล่ะที่ช่วยฉันจริง ๆ” ยิ่งสะท้อนให้เห็นถึงความโดดเดี่ยวในการต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่หนักหนาสาหัสเกินวัยจะแบกรับไหว พร้อมจิกกัดคนที่เกี่ยวข้องแต่กลับมองปัญหานี้จิ๊บจ๊อยไม่เหมือนคำคุยโวสวยหรู แต่ขณะเดียวกันหนังก็เสนอแนวทางให้ทุกฝ่ายลุกขึ้นมาแก้ปัญหานี้อย่างจริงจัง ในภาพรวมแล้วนี่อาจเป็นหนังที่สร้าง impact ให้สังคมจีนได้มากที่สุดเรื่องหนึ่ง, เป็นหนัง coming of age ที่ทรงพลัง และอาจเป็นหนังในท็อปลิสต์ของใครหลายคนประจำปีนี้ไปแล้ว
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส