[รีวิว] Uncut Gems: อภิมหาอัญมณีดวงกุด กับโอกาสพลิกบทบาทของ อดัม แซนด์เลอร์
Our score
8.6

Uncut Gems

จุดเด่น

  1. แน่นอิ่มดีในสายหนังดราม่าอาชญากรรม ที่ตัวละครวิ่งติดกับตัวเองร่ำไป
  2. ได้ตื่นตากับการพลิกบทบาทของอดัม แซนด์เลอร์ ที่น่าจับตามองต่อไป
  3. ฝีมือสองพี่น้องแซฟดี้ที่เคยเข้าชิงปาล์มทองคำ ก็น่าจับตามองในพัฒนาการที่ดี

จุดสังเกต

  1. หนังสายดราม่าที่แอ็กชันน้อย เข้มข้นด้วยบทพูดและสถานการณ์ อาจไม่ค่อยถูกชะตาคนดูหนังทั่วไป
  2. จากข้อบนหนังยาว 2 ชั่วโมงกว่า กว่าจะเริ่มอินก็ต้องใช้เวลาสักพักด้วย ใครไม่ไหวก็อย่าเริ่มเลย
  • ความสมบูรณ์ของบท

    8.5

  • คุณภาพงานสร้าง

    8.5

  • คุณภาพนักแสดง

    9.0

  • ความสนุก ความบันเทิงตามแนวหนัง

    8.5

  • คุ้มเวลา ค่าตั๋ว

    8.5

เรื่องย่อ ผลงานอาชญากรรมระทึกขวัญของจอชและเบนนี่ แซฟดี้ นักสร้างภาพยนตร์ชื่อดังที่นำเสนอเรื่องราวของ ฮาเวิร์ด แรตเนอร์ (อดัม แซนด์เลอร์) นักค้าอัญมณีผู้มีวาทศิลป์ชาวนิวยอร์กที่คอยมองหาโอกาสรวยลัดเสมอ ครั้งนี้เขาเสี่ยงทุ่มเดิมพันครั้งใหญ่เพื่อผลตอบแทนที่เหลือเชื่อแต่อันตรายอย่างที่สุด ฮาเวิร์ดจึงต้องงัดทุกกลยุทธ์มาใช้เพื่อหักเหลี่ยมศัตรูที่มีอยู่รอบด้าน

Play video

สองพี่น้อง ตระกูลแซฟดี้ ทั้ง จอช และ เบนนี่ อาจเป็นชื่อไม่คุ้นหูคอหนังทั่วไปนัก แต่ในแวดวงหนังอินดี้แล้วนั้นพวกเขาวนเวียนอยู่กับเวทีล่ารางวัลมาอย่างโชกโชนจากหนังแนวดราม่าที่พวกเขาถนัดจัดเจน จนมามีชื่อแถวหน้าสำเร็จจากการเข้าชิงรางวัลปาล์มทองคำจากหนังดราม่าอาชญากรรม Good Time (2017) ที่เป็นจุดพลิกสำคัญให้ โรเบิร์ต แพตทินสัน ได้ขึ้นมาเป็นดารานำชายแถวหน้าในหนังกลุ่มรางวัลด้วย สำหรับ Uncut Gems เรื่องนี้เองก็เป็นหนังที่ได้รับการจับตามองมากขึ้น ทั้งว่าเป็นผลงานดราม่าอาชญากรรมเรื่องล่าสุดหลังจากหายไปนานถึง 2 ปี และยังเป็นการนำ อดัม แซนด์เลอร์ ปรับภาพมาเป็นยิวนิวยอร์กที่ไม่เหลือคราบความฮาบ้องตื้นอีกต่อไป

uncut gems

เบบนี่ แซฟดี้ อดัม แซนด์เลอร์ และ จอช แซฟดี้ ตามลำดับ

Good Time (2017) หนึ่งในหนังจุดเปลี่ยนชีวิตของโรเบิร์ต แพตทินสัน จากฝีมือสองพี่น้องแซฟดี้ที่ได้เข้าชิงปาล์มทองคำ

หนังว่าด้วยโอปอลอัญมณีจากเอธิโอเปียก้อนหนึ่งซึ่งยังไม่ได้รับการเจียระไน หากแต่ประกายหลากสีของมันยั่วยวนให้บางคนหลงใหลคลั่งไคล้ได้ราวต้องมนต์ ซึ่ง ฮาเวิร์ด แรตเนอร์ (แซนด์เลอร์) พ่อค้าอัญมณีผู้ชอบความเสี่ยงได้ไปเจอเข้าจากช่องสารคดี และหวังว่าเจ้าโอปอลก้อนนี้จะช่วยเปลี่ยนสถานการณ์จนตรอกของเขาที่มีกับเหล่าเจ้าหนี้มากหน้าหลายตาที่เข้ามาวงเวียนทวงเงินเขาตลอดเวลาได้เสียที แต่ด้วยบุคลิกลื่นเป็นปลาไหลและตัดสินใจได้ห่วยแตกหลายครั้งสถานการณ์ที่น่าจะดีขึ้นก็ลงเหวได้ง่าย ๆ ในมือของแรตเนอร์ ทั้งการแอบมีเมียน้อยเป็นลูกน้องในที่ทำงานและให้เวลากับภรรยาและลูก ๆ อย่างจำกัดจำเขี่ย การบ้าพนันบาสเก็ตบอลแบบเข้าเส้นอย่างที่ว่ามีเงินกองตรงหน้าก็เลือกจะเอาไปลงพนันล็อตใหญ่มากกว่าจะเอาไปจ่ายดอกหนี้ก้อนโต ราวกับในหัวเขามีแค่ชนะไม่ก็แพ้ และถ้าแพ้ก็แค่ลื่นไหลเอาตัวรอดไปวัน ๆ ให้ได้ก็พอ ทว่าเจ้าหนี้สุดเขี้ยวของเขานามว่า อาร์โน ก็จ้างคนทวงหนี้สุดโหดออกไล่ล่าเขาแบบไม่มีวันหยุด จนความเสี่ยงนี้ก้าวย่างไปถึงครอบครัวของเขาด้วย โดยความปั่นป่วนทั้งหมดนี้ก็มีอัญมณีก้อนที่ว่าเข้ามาเป็นส่วนสำคัญที่จะชี้ขาดว่าหนทางแบบนักเสี่ยงโชคของแรตเนอร์จะวินเนอร์หรือลูสเซอร์กันแน่

uncut gemsuncut gems

ความโดดเด่นของหนังความยาวกว่า 2 ชั่วโมง 15 นาที นี้อยู่ที่บทหนังที่ใส่รายละเอียดและซีนมากมายเข้ามา เกิดสถานการณ์พลิกผันไปมาตลอดทั้งเรื่อง ไม่ใช่แค่แรตเนอร์ที่หัวปั่น ผู้ชมเองก็ต้องลุ้นแล้วลุ้นอีก ลุ้นจนเหนื่อยว่าตัวละครจะเอาตัวรอดได้อีกนานแค่ไหน แม้ว่าหลายอย่างมันจะอยู่ในสูตรที่หนังแนวนี้มักใช้กันทั้งเรื่องตัวละครตัดสินใจห่วย ๆ ให้ทางเลือกมันย่ำแย่ลง การสู้แบบหมาจนตรอกที่ช่องเล็กช่องน้อยต้องมุดรอดให้หมดก็ยอม แต่ในความคล้าย ๆ เดิมนี้ ต้องยอมรับว่าสองพี่น้องแซฟดี้ค่อย ๆ ทำให้เราผูกพันกับคนที่เชื่อถือไม่ได้หรืออย่างน้อยในชีวิตจริงเราคงหลีกเลี่ยงจะคบหาอย่างแรตเนอร์ไปทีละน้อย จนในที่สุดเราก็ตกที่นั่งว่าถ้ามันจะลุยไปทางเสี่ยงขนาดนี้ เราก็คงต้องเอากัยมันไปให้ถึงที่สุดด้วย และนั่นจึงทำให้ช่วงสุดท้ายของหนังเราถึงกับต้องถอนหายใจยาว ๆ ออกมาจากความค่อย ๆ บีบรัดทางเลือกเรามาตลอด 2 ชั่วโมงว่าในที่สุดมันก็หาทางลงได้เสียที แม้จะถูกใจหรือไม่ถูกใจใครก็ตาม อย่างไรก็ดีชีวิตของตัวละครอย่างแรตเนอร์ และอีกหลาย ๆ ตัวรอบข้างก็สอนอะไรเราบางอย่างไว้ในที่สุด

ว่าบางทีดวงหรือหินมหัศจรรย์ใด ๆ ก็คงช่วยตัวเราไม่ได้มากเท่าสติหรือการตัดสินใจอย่างไตร่ตรองของเราเอง

uncut gems uncut gems

อีกอย่างที่คนน่าจะพูดถึงกันมาคือการแสดงของ อดัม แซนด์เลอร์ นี่ล่ะ อาจพูดยากว่านี่คือการแสดงที่ดีที่สุดในคาแรกเตอร์แบบนี้ในหนังแนวนี้ แต่เมื่อพิจารณาจาก ความเป็นแซนด์เลอร์ ที่ผ่าน ๆ มา คงต้องยอมรับว่านี่เป็นการท้าทายตัวเองที่ประสบผลสำเร็จยอดเยี่ยมทีเดียว มันไม่เหลือเค้าเดิมของนักแสดงหนังตลกเบาสมองอีกเลย เขาสวมความเป็นยิวที่น่ารังเกียจ กับคนที่น่าสงสารที่ติดอยู่ท่ามกลางกับดักที่ตนเองร่วมสร้างได้อย่างน่าติดตามเอาใจช่วย คงต้องติดตามว่าหลังจากเรื่องนี้แซนด์เลอร์จะต่อเนื่องในสายรางวัลจริงจังได้ขนาดไหน หรือจะกลับไปโกยทรัพย์ยาว ๆ อีก เพราะหนังโรแมนติกคอมเมดี้เบาสมองผสมปริศนาอย่าง Murder Mystery (2019) ของเขาก็ชนะซีรีส์อย่าง Stranger Things 3 ขึ้นเป็นคอนเมนต์ที่มีคนดูมากที่สุดบนเน็ตฟลิกซ์ในปี 2019 ที่ผ่านมาด้วย จะบอกว่าเขาประสบความสำเร็จสูงสุดในสายทางบันเทิงแล้วคนหนึ่งก็ว่าได้ ก็คงต้องดูว่าเขายังอยากไล่ล่าความท้าทายอะไรใส่ตัวอีกหรือไม่ แต่ล่าสุดเขาก็มีโพรเจกต์หนังสั้นร่วมกับสองพี่น้องแซฟดี้ในชื่อเรื่อง Goldman v Silverman (2020) ก็ไม่แน่ว่าเขาอาจเจอผู้กำกับที่ถูกคอในแนวจริงจังนี้แล้วก็ได้

หนังมีเซอร์ไพรส์เล็ก ๆ สำหรับคอบาสเก็ตบอลด้วย เพราะได้ เควิน การ์เน็ต หรือ เควี เจ้าของฉายา The Big Ticket นักบาสเก็ตบอลที่เคยคว้าแชมป์ NBA มาแล้วกับทีมบอสตัน เซลติกส์ และยังสร้างประวัติศาสตร์อีกหลายอย่างมาร่วมแสดงเป็นตัวเอง ในบทนักบาสวัย 30 กว่าที่เริ่มโรยราขาดความมั่นใจในตนเองจนมาเจอหินโอปอลที่เหมือนสัญญาณบางอย่างจากพระเจ้าและก็ทำให้เขามั่นใจกับมาโชว์ฟอร์มเทพได้อีกครั้ง จนเขาเองยินยอมทำทุกอย่างให้ได้เจ้าหินนี้มา ซึ่งก็กลายเป็นอีกหนึ่งตัวละครที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตของตัวเอกด้วย และสำหรับสายดนตรีหนังก็มีฉากสั้น ๆ ที่ได้ เดอะวีกเอนด์ (The Weeknd) มาร่วมโชว์ด้วย

uncut gemsuncut gems

สรุป เป็นหนังซีเรียสเข้ม ๆ  แบบชะตาหนูติดจั่นที่ยิ่งดิ้นก็ยิ่งติดแน่น ให้บทเรียนชีวิตกับเราได้ ส่วนด้านโพรดักชันก็คุมอยู่มือแน่นในการนำเสนอและการเล่าแบบที่รู้สึกอิ่มมาก ๆ กับเรื่องราวพลิกผันซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่อาจต้องผ่านช่วงแรก ๆ ที่ยังไม่ค่อยอินในตัวละครให้ได้ก่อน ยิ่งเข้าเรื่องสถานการณ์ต่าง ๆ ชัดเจน เชื่อเลยว่าจะหยุดดูไม่ได้เลย

ดูหนังเรื่องนี้ได้ที่นี่เลย  Netflix’s Uncut Gems

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส