Our score
7.4พี่นาค 2
จุดเด่น
- โครงเรื่องพลอตภาคต่อคิดมาได้เก่งดี น่าสนใจมาก
- เอม สร้างซีนตลกให้หนังได้เยอะ
- มีข้อคิดดี ๆ หลายฉาก โดยเฉพาะประเด็นเรื่องแก่นการบวชก็ยังมีอยู่
จุดสังเกต
- ช่วงแรกเหมือนยังคิดบทมาไม่ค่อยลงตัว
- ตัวละครมากไป หลายตัวก็ไม่มีความจำเป็น
- เวลาของผีมีเน้นหนัก ๆ น้อยไปหน่อย
- บรรยากาศวัดที่น่ากลัวหายไปเยอะเลย
-
ความสมบูรณ์ของบท
8.5
-
คุณภาพนักแสดง
7.0
-
คุณภาพการผลิต
6.5
-
ความสนุกน่าติดตาม
7.5
-
ความคุ้มค่าในการรับชม
7.5
เรื่องย่อ พระบอลลูน พระเฟิร์ส แอบสึกแบบลับ ๆ ปล่อยให้พระโหน่งอยู่รับใช้ศาสนาในวัดธรรมนาคานิมิตรที่มีตำนานความสยองกับสองคู่หู เณรน็อต และ อ๊อด เด็กวัด แต่แล้ว บอลลูน และเฟิร์สก็ย้อนกลับมาที่วัดในสภาพร่อแร่ปางตาย ขอกลับมาบวชซ้ำรอบสอง หวังล้างคำสาปที่วัดแห่งนี้ไม่มีใครเคยได้สึก! ทำไมพระวัดนี้ถึงสึกไม่ได้? แล้ว 2 กะเทยเพื่อนซี้ บอลลูน เฟิร์ส จะรอดถึงวันได้ห่มผ้าเหลืองหรือไม่?
ผ่านไป 1 ปีพอดีหลังจากความสำเร็จของ พี่นาค หนังพระเป็นผีจากค่ายไฟว์สตาร์ที่ทำได้ดีขนาดกวาดรายได้ไปกว่า 150 ล้านบาททั่วประเทศ แถมยังได้ออกไปฉายต่างประเทศแบ่งปันความหลอนถ้วนทั่ว จึงไม่แปลกใจที่ไฟว์สตาร์จะให้ผู้กำกับต้นฉบับที่โตมาจากสายงานกำกับศิลป์อย่าง ไมค์-ภณธฤต โชติกฤษฎาโสภณ ที่เคยมีหนังผีบทซับซ้อนอย่าง มอญซ่อนผี เป็นหนังแจ้งเกิดได้มาสานต่อความฮาความเฮี้ยนเป็นแฟรนไชส์ใหม่ของค่าย โดยเอาปมที่หนังภาคแรกทิ้งไว้ก่อนจบว่า นอกจากตำนานเรื่องนาคไม่ได้บวชแล้วยังมีอีกตำนานนั่นคือ พระที่บวชที่วัดนี้ห้ามสึก ด้วย นอกจากนั้นถ้ามองดี ๆ ตัวผู้กำกับคงไม่ได้มีไอเดียหยุดแค่ต่อภาคสอง แต่จากที่บอลลูนบนไว้ว่าจะบวช 3 พรรษา (3 ปี) เพราะเข้าใจผิดว่าคือแค่ 3 เดือน ก็น่าจะหมายถึงพรรษาละภาคเลยนั่นล่ะ เราอาจได้เห็นพี่นาคเป็นหนังไตรภาคก็เป็นได้ ซึ่งตอนจบของ พี่นาค 2 เองก็มีฉากที่ยืนยันเรื่องนี้ได้ดี แถมมาแบบเหนือความคาดหมายอีกแล้ว
ทั้งนี้ตัวเอกของหนังในภาคที่แล้วอย่างงานศิลป์พิถีพิถันสร้างสรรค์บรรยากาศสะพรึงจากวัดป่า โบถส์ วิหาร ศาลเพียงตา และพระพุทธรูป สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ถูกมองผ่านแว่นแห่งความสยองได้อย่างน่าจดจำนั้น ในภาคนี้ก็ลดบทบาทลงไปมาก เพราะทางผู้สร้างต้องเอาเวลาไปเทให้กับตัวละครที่มากขึ้นแบบมากกว่าภาคแรกเกินเท่าตัวได้เลย เพราะไม่เพียงเหล่าตัวละครเก่า ๆ ที่ได้กลับมากันครับครันทั้ง พระโหน่ง (ออกัส-วชิรวิชญ์ ไพศาลกุลวงศ์ จากละคร กรงกรรม) กับ 2 เพื่อนแต๋วอย่าง บอลลูน (เอม-วิทวัส รัตนบุญบารมี หรือ เอม ตามใจตุ๊ด) กับ เฟิร์ส (เจมส์-ภูวดล เวชวงศา ขาประจำหนังค่ายไฟว์สตาร์) ที่ยังคงหาเหาใส่หัวได้ตั้งแต่ต้นเรื่อง ทั้งสมทบด้วยเณรไฮเทคอย่าง เณรน็อต (ต้า-อธิวัตน์ แสงเทียน) และเด็กวัดลุกเด็กแว้นที่เลื่อนเวลมาเป็นสัปเหร่อแทนปู่อย่าง อ๊อด (ปอนด์-คุณพัทธ์ พิเชษฐ์วรวุฒิ) แล้ว
ในภาคใหม่นี้ยังสมทบจัดหนักเสริมแก๊งหลัก แก๊งรองถ้วนทั่ว อย่าง 3 เพื่อนซี้ โหน่ง บอลลูน และเฟิร์ส ก็ได้เพื่อนใหม่เป็นซุป’ตาร์เกาหลี โทมินจุน (มีน-พีรวิชญ์ อรรถชิตสถาพร) ที่มาขอบวชแก้บนและต้องผจญซวยเพราะไม่รู้ว่าสิ่งลี้ลับที่ตามติดพวกเขาอยู่คือคำสาปเดิมของนาคนนที่ห้ามโทิมินจุนบวช หรือคำสาปของนาคใหม่ที่ห้ามบอลลูนกับเฟิร์สสึกกันแน่ ส่วนแก๊งเณรแก๊งเด็กวัดก็ได้พวกเพิ่มมาเยอะทีเดียว เสียดายว่าคาแรกเตอร์วางไว้จัดแต่ถึงเวลาจริงเราก็แทบแยกความแตกต่างของเหล่าเณรกลุ่มนี้ไม่ออก ไม่ว่าจะ เณรกู๊ด สายหน้ามึน เณรบอม สายบ้าพลัง เณรคิดดี สายโลกสวย ส่วนแก๊งเด็กวัดของอ๊อดก็ได้ลูกไล่เพิ่มอย่าง ฟ้าลั่น เด็กวัดสายป่วน กับ เจ ลูกครึ่งสายซ่อม ซึ่งที่ว่ามานี้ตัดออกเกินครึ่งได้เลยแบบไม่มีผลอะไรกับหนัง แต่ที่โดดเด่นสุดในกลุ่มตัวละครใหม่ภาคนี้ก็คงต้องยกให้ผีนาคตนใหม่อย่าง อ้ายสน (ธามไท แพลงศิลป์) ที่แสดงได้เข้มและเมกอัปผีได้โหดไม่แพ้พระนนในภาคแรกเลย เสียดายก็แค่พอหนังต้องกระจายบทไปให้ตัวละครที่มากขึ้น เวลาผีไทม์เลยน้อยลงแถมไม่ค่อยมีเวลาบิ้วแบบภาคแรกที่มาเป็นขบวนแห่นาคไร้หัว ในภาคนี้เปิดตัวมาดูดีด้วยแฟลชแบ็กที่ตามฆ่าอดีตพระตายคาขบวนแห่ แต่พอถึงเวลาหลอกจริงกับกลุ่มตัวเอกกลับธรรมดามากไปหน่อย เทียบกับตอนนาคนนสิงบอลลูนในภาคแรกแบบเทียบไม่ติดเลย
ปัญหาใหญ่ของหนังก็มาจากการวางโครงเรื่องมาดี คิดเฉลยคิดฉากจบมาพร้อม แต่ต้องมายำตัวละครและด้นสดระหว่างทางเพื่อพากลุ่มตัวละครไปสู่ตอนจบที่ตั้งใจไว้มากไปหน่อย ทำให้กลุ่มโครงสร้างเนื้อเรื่องแกว่งไปมาเดี๋ยวดราม่าแรง เดี๋ยวตลก เดี๋ยวผี แบบไม่ค่อยไปด้วยกันได้ โดยเฉพาะซีนดราม่าทั้งหลายมาแบบเด่นเด้งไม่สนใจฉากก่อนหน้าและที่จะตามมาเลยจนรู้สึกหนังคิดรายละเอียดบทมายังไม่เนี้ยบพอ แต่พอโครงสร้างของหนังที่เป็นพลอตใหญ่เริ่มทำงานในช่วงหลังมีการเฉลยนั่นนี่แล้วก็เริ่มดูสนุกขึ้น ดูน่าตื่นเต้นกับเรื่องราวผูกโยงอดีตชาติ แถมยังมีคำสอนต่าง ๆ อิงไปนาคในพระพุทธศาสนาอีก ตรงนี้ประทับใจเลยล่ะ แต่ก็นั่นล่ะถ้าทีมสร้างไม่เร่งทำหนังชนปีต่อปีขนาดนี้ น่าจะมีเวลาเกลาตัวละครและบทบิ้วต่าง ๆ ช่วงแรกได้เยี่ยมกว่านี้ มีคัตการแสดงที่งง ๆ เคมีไม่ล้นก็ขาดน้อยกว่านี้
ความตลกของหนังก็มาจากมุกสถานการณ์บ้างอย่างช็อตเจอสิงสาราสัตว์เป็นต้น แต่ที่ทำงานเอาจริง ๆ และรู้สึกตลกธรรมชาติกว่ามากคือการแสดงแบบเป็นตัวเองของ เอม ตามใจตุ๊ด เสียมากกว่า ฉากเล่าเรื่องย้อนอดีตชาติให้ทุกคนฟังคือสนุกมาก เสียดายที่หนังมีอะไรที่ลงตัวพอดีแบบนี้น้อยไปหน่อย แต่โดยรวมก็เป็นหนังที่ดูเอาฮาเอาข้อคิดได้บ้าง และก็ต่อยอดตัวเองได้น่าสนใจ ถ้ามีโอกาสได้ทำภาคต่อไปก็ไม่แปลกใจล่ะนะ เพราะในธีมพระเป็นผีนี่แฟรนไชส์เรื่องนี้เป็นเจ้าตลาดไปเรียบร้อยแล้ว
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส