Our score
8.0Bloodshot จักรกลเลือดดุ
จุดเด่น
- ซีจีดีงาม ดีไซน์ไฮเทคก็เจ๋งดี
- วิน ดีเซล ก็คือวิน ดีเซล ถ้าใครชอบคือกรี๊ดเลย
- นางเอกสวยคมเซ็กซี่มาก
- พลอตมีของอยู่ ทำภาคต่อได้น่าจะสนุก
จุดสังเกต
- ฉากแอ็กชันน่าจะอลังการได้มากกว่านี้
- ก็การแสดงแบบวิน ดีเซลอ่ะ ไม่ชอบก็คือหงุดหงิดไปเลย
- บทส่งให้หนังเล่นความรุนแรงได้โหดกว่านี้ แต่ก็ยั้งมือไว้เยอะจนขัดใจ
- ไอแม็กซ์ไม่ได้ดูส่งเสริมหนังเป็นพิเศษอะไรนะ
-
ความสมบูรณ์ของบท
8.0
-
คุณภาพนักแสดง
7.5
-
คุณภาพโปรดักชั่น การผลิต ความแปลกใหม่
8.5
-
ความสนุก
8.0
-
คุ้มเวลา ค่าตั๋ว
8.0
เรื่องย่อ เรื่องราวของ เรย์ แกร์ริสัน (รับบทโดย วิน ดีเซล) ชายผู้กลายเป็นเครื่องจักรสังหารทำภารกิจเสี่ยงตายตามคำสั่งขององค์กร ความทรงจำของเขาได้หายไป สิ่งเดียวที่เขารู้คือเขาต้องทำภารกิจช่วยเหลือคนรักของเขา และเขาไม่ใช่เพียงแค่คนธรรมดาเพราะภายในเลือดของเขาได้มีหุ่นขนาดเล็กที่เรียกว่า นาไนต์ ที่จะช่วยให้เขามีพลังเหนือมนุษย์ธรรมดาและมีพลังในการเยียวยารักษาสูง แทบพูดได้เลยว่าเขานั้นเหมือนจะเป็นเครื่องจักรสังหารอมตะ เป็นแฟรงค์เกนสไตน์ในยุคปัจจุบัน แต่แล้วเมื่อวันหนึ่งความผิดปกติบางอย่างมันก็ทำให้เขารู้ว่า เขากำลังถูกองค์กรนี้หลอกใช้ และคอยลบความทรงจำ หลอกลวงเขาให้ทำภารกิจเสี่ยงตายเพื่อผลประโยชน์ขององค์กรอยู่เสมอ
ซูเปอร์ฮีโรยังเป็นแนวหนังที่ขายดิบขายดีที่ทุกค่ายหนังอยากมีแฟรนไชส์ฮิตของตัวเองที่ขายกินได้ยาว ๆ เช่นเดียวกับหนังมาร์เวล และสำหรับ Bloodshot ก็เป็นฮีโรจากค่ายโซนี่ที่มีองค์ประกอบดี ๆ หลายอย่างในการตั้งต้นเป็นแฟรนไชส์ดังได้ ทั้ง
- คุมการผลิตโดยค่ายโซนี่ที่มีประสบการณ์ทำหนังฮีโรอย่าง Spider-Man และสายดาร์กอย่าง Venom มาแล้ว ซึ่งก็ดูจะทำได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ
- คือการได้ร่วมงานกับ วิน ดีเซล พระเอกนักบู๊ขายดีที่มีแฟรนไชส์ของตัวเองแข็งแรงมาก ๆ อย่างหนังแข่งรถตระกูล Fast และเอาใกล้เคียงกับเรื่องนี้ก็ยังมี Riddick
- เป็นการนำคอมิกจากค่าย Valiant Comics ที่ จิม ชูตเตอร์ อดีตบรรณาธิการของมาร์เวลเป็นผู้ก่อตั้ง ทั้งยังมียอดขายรวมกว่า 80 ล้านฉบับ และมีจักรวาลฮีโรของตัวเองที่น่าสนใจไม่แพ้ค่ายอื่น ๆ โดย Bloodshot จะเป็นตัวละครแรกจากค่ายนี้ที่จะได้ขึ้นจอเป็นตัวแรก
- ได้ทีมเขียนบทอย่าง เจฟ วาดโลว์ จากหนัง Kick-Ass 2 (2013) มาจับมือกับ อีริก ไฮเซอเรอร์ ที่เคยเข้าชิงบทออสการ์ยอดเยี่ยมจากหนัง Arrival (2016)
- นี่เป็นการกำกับหนังยาวครั้งแรกของ เดฟ วิลสัน มือวิชวลเอฟเฟกต์ที่ผ่านงานใหญ่อย่าง Avengers: Age of Ultron (2015) และมีผลงานแอนิเมชันที่น่าสนใจสุด ๆ ในโพรเจกต์ Love, Death & Robots ทางเน็ตฟลิกซ์ในตอน Sonnie’s Edge ซึ่งผลงานน่าสนใจมาก ๆ และน่าจะเหมาะกับฮีโรสายดาร์กเท่ ๆ ด้วย
เอาจริงว่าด้วยตัวพลอตของตัวคอมิกนั้นก็ให้อารมณ์ ผสมระหว่าง Captain America (ทหารที่ถูกทดลองซูเปอร์โซลเยอร์ในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2) Winter Soldier (ถูกลบความทรงจำและสร้างความทรงจำปลอมเพื่อให้ปฏิบัติภารกิจให้องค์กร) Wolverine (พลังในการฟื้นฟูร่างกายแบบเหนือโลก) Iron Man (ดีไซน์ศูนย์รวมพลังงานเป็นวงกลมอยู่ที่หน้าอก) แต่ก็ต้องชื่นชมว่าพอเอามาทำหนังก็ให้อารมณืผสมผสานหลากหลายฮีโรแต่ก็เอามาเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองได้เหมือนกัน ทั้งภาพการฟื้นตัวที่โคตรเท่แบบเซลล์ค่อย ๆ ประสานกลับมาเหมือนรีเวิร์ส หรือพวกดีไซน์ของพวกอุปกรณ์ต่าง ๆ ก็ไฮเทคไม่แพ้พวก GI Jo ยิ่งรองบอสตอนเสริมพลังแล้วนี่ให้อารมณ์แบบ ด็อกเตอร์ออกโตปุส ใน Spider-Man 2 เลย จะบอกลอกการบ้านชาวบ้านมาทำก็ไม่เชิง น่าจะเรียกว่าการทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องแล้วเขียนตำราตัวเองมากกว่า
สิ่งที่ดีงามมากเลยคืองาน ซีจี ที่เจ้าพ่อกราฟิกอย่างผู้กำกับ เดฟ วิลสัน ดูแลออกมาได้สมความคาดหวัง สวย เนี้ยบ และกล้าเล่นใหญ่ ตัวนักแสดงไล่ไปอย่าง วิน ดีเซล ก็จะเรียกแสดงดีไหมก็เรียกว่าแสดงเป็นตัวเองตามแบบมาตรฐานมากกว่า ถ้าตัดพลังพิเศษออกพี่แกก็เป็นดอมในหนังรถแข่ง ริดดิกในหนังอวกาศ สายลับในหนัง xXx ดีนะถ้าแกพากย์กรูทให้เป็นวิน ดีเซล ด้วยคงเทพสุดแล้วล่ะ ก็เลยไม่มีอะไรต้องวิจารณืใครชอบสไตล์นิ่งดุ มีซีนอบอุ่นแบบขรึม ๆ ก็น่าจะชอบการแสดงของแก ส่วนตัวร้ายหลักอย่าง กาย เพียส ที่มาเล่นหนังเกี่ยวกับความทรงจำก็ชวนให้นึกถึงหนัง Memento ของโนแลน ที่แกเคยเล่นไว้เหมือนกัน ชอบตรงบางฉากแกทำให้เราหวั่นไหวได้เหมือนกันนะว่าหรือแกไม่ใช่ตัวร้ายหว่า คือดูมีมิติที่ห่วงพระเอกจริง ๆ ซึ่งก็อีกตัวที่ทำให้รู้สึกแบบนี้ได้คือรองบอสที่ได้ แซม ฮิวจ์แอน มาเล่น มีฉากหนึ่งที่รู้สึกว่าจริง ๆ เขาเข้าใจพระเอกดีเลยโกรธพระเอกมากที่ยังเป็นทาสขององค์กรอยู่ นักแสดงอีกคนที่อยากพูดถึงคือ ไอซา กอนซาเลส เพราะการมีอยู่ของเธอมันทำให้หนังสดใสดีจริง ๆ ส่วนตัวละครที่อาจต้องปรับหน่อยในอนาคตคือ วิแกนส์ โปรแกรมเมอร์ช่างจ้อจิตเหงาที่บทยังล้น ๆ อยู่มาก
ข้อเสียที่ชัด ๆ ของหนังก็คงเป็นความซับซ้อนในที่มาที่ไปของตัวเอกที่ต้องอาศัยเวลาปูพื้นสักพัก และจุดหักมุมในระยะแรกเรื่องพระเอกถูกลบและสร้างความทรงจำปลอมเพื่อหลอกใช้ก็ถูกเรื่องย่อสปอยล์ไปหมดละตั้งแต่ก่อนดูหนัง เลยขาดความว้าวของพลอตช่วงต้นไปหน่อย พอยิ่งหนังมีรูรั่วในบทที่ขัดความรู้สึกว่าพลังระดับซูเปอร์ฮีโรนี่คนทั้งโลกไม่รู้เรื่องเลย เป็นความขัดแย้งในองค์กรหนึ่งเท่านั้นมันเลยขาดความยิ่งใหญ่ไปหน่อย ซึ่งก็สะท้อนมาด้วยฉากแอ็กชันทั้งหลายที่ไปไม่ค่อยสุด มาก็ไม่ได้เยอะอย่างที่หนังแนวนี้ควรอัดใส่ไม่ยั้งมีฉากโชว์ใหญ่ ๆ สักหลายฉากหน่อย แต่นี่นับ ๆ ไปก็มีฉากซัดจริงจังสัก 3 ฉาก และเป็นฉากที่ติดตาจริง ๆ แค่ฉากลิฟต์ร่วงตอนท้ายเท่านั้นเอง ก็ต้องยอมรับล่ะว่าด้วยความเป็นหนังภาคแรกเลยต้องแบ่งที่ให้การเล่าเรื่องเยอะหน่อย ก็เป็นความน่าเสียดาย แต่อีกใจก็เห็นแววเลยว่าถ้ามีภาคต่อได้ จะเป็นหนังระเบิดระเบ้อไม่แพ้หนังรถแข่งของวิน ดีเซล แน่ ๆ เป็นแฟรนไชส์ที่มีอนาคตพอสมควรเลยล่ะ และที่สำคัญหนังน่าจะโหดเอาเรต R ได้เลยแต่ก็เหมือนยั้ง ๆ ไว้พอควร น่าจะลองคิดเล่นกลุ่มผู้ใหญ่ไปเลยอาจดีกว่า
สรุป ก็เป็นหนังที่น่าจะเหมาะคนชอบอะไรที่ไฮเทค ไซไฟ ซีจี แบบนั้น แอ็กชันก็มี ตลกก็แซม ๆ พลอตหักมุมก็ได้ การแสดงจัดว่าโอเคกับหนังแนวนี้ ก็เป็นหนังที่ดูได้เรื่องหนึ่งเลยสำหรับสายซูเปอร์ฮีโร และขอเชียร์ให้มีภาคต่อเพราะเห็นแววความวินาศสันตะโรได้สนั่นโลกาแน่ ๆ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส