แม้ว่าจะเลื่อนฉายทั่วโลกอย่างไม่มีกำหนดทั้งที่เปิดรอบปฐมทัศน์ในสหรัฐฯ ไปแล้ว และความเห็นของนักวิจารณ์เท่าที่ได้ชมก็เป็นไปในทิศทางบวก สำหรับหนังดัดแปลงจากการ์ตูนฮิตของดิสนีย์ในอดีตอย่าง Mulan แต่กระแสข่าวของนักแสดงนำอย่าง “หลิวอี้เฟย” ที่ตกเป็นเป้าของการโจมตีระลอกใหม่ก็เกิดขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับการดึง hashtags #BoycottMulan ซึ่งตั้งมาตั้งแต่ตอนที่หลิวอี้เฟยออกมาให้สัมภาษณ์สนับสนุนการปราบปราบกลุ่มผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกงกลับมา ส่วนรอบนี้สาเหตุที่มาที่ไปก็เกิดมาจากการที่เธอไปให้สัมภาษณ์ว่า “เธอเป็นคนเอเชีย” ทำให้แฟน ๆ ชาวจีนที่บ้านเกิดมองว่า เธอจงใจจะหลีกเลี่ยงการตอบว่าชาติกำเนิดที่แท้จริงเธอเป็นคนจีน

หลิวอี้เฟย ในบท “มู่หลาน”
หลิวอี้เฟยที่เป็นชาวอู่ฮั่นโดยกำเนิด (เมืองที่เป็นต้นตอของการแพร่ระบาดไวรัสล้างโลก Covid-19) นักแสดงสาววัย 32 ปีที่ถือสัญชาติอเมริกันหลังจากย้ายมาอยู่นิวยอร์กตั้งแต่ 10 ขวบ กำลังจะโด่งดังไปทั่วโลกจากการมารับบทเป็น “ฮัว มู่หลาน” ที่ได้แรงบันดาลใจจากบทกวีในศตวรรษที่ 6 ของจีน เรื่อง “The Ballad of Mulan” บอกเล่าเรื่องราวของหญิงสาวที่ปลอมตัวเป็นชาย เพื่อทดแทนคุณบิดาในการออกไปรบแทน เธอได้กลายเป็นยอดนักรบคนสำคัญจนชายชาตรียังต้องยอมรับ และเธอช่วยชีวิตจักรพรรดิของจีนจากสงครามที่ต่อสู้กับชาวมองโกลเอาไว้ได้ด้วย

หลิวอี้เฟยที่งานรอบปฐมทัศน์ของ Mulan ในสหรัฐฯ
เมื่อวันที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา หลิวอี้เฟยได้ไปให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Variety โดยเธอถูกตั้งคำถามว่าหากจะให้พูดมอตโตหรือคติประจำใจของตัวละครมู่หลาน เธอจะเลือกตอบด้วยคำว่าอะไรบ้าง “ซื่อสัตย์ กล้าหาญ และจริงใจต่อครอบครัว” ซึ่งเธอยังขยายความว่า มอตโตเหล่านี้เป็นคติประจำใจของตัวเธอเองด้วยเช่นกัน
“ฉันภูมิใจที่เป็นคนเอเชียค่ะ และฉันก็ภูมิใจที่ได้รับโอกาสจะแสดงความสามารถ ซึ่งฉันจะทำออกมาให้ดีที่สุดค่ะ”

หลิวอี้เฟย ตอนแสดงภาพยนตร์จีนแฟนตาซีเรื่อง Once Upon a Time
หลังจากบทสัมภาษณ์ถูกแปลงเป็นคลิปและถูกเผยแพร่ออกต่อมาในวันที่ 12 มีนาคม ก็เริ่มมีกระแสต่อต้านจากชาวจีนที่ได้รับชม เป็นต้นว่า “ถ้าเธอจะอายที่จะเป็นคนจีนขนาดนั้นละก็ ฉันขอแนะนำให้หลิวอี้เฟยไม่ต้องกลับมาทำมาหากินที่จีนอีกต่อไปเลยก็ดีนะ” และหลายเสียงก็พร้อมจะแบน ไม่ติดตามผลงานภาพยนตร์ของเธออีก กลายเป็นว่าชาวจีนที่เคยสนับสนุนเธอเพราะออกมาเป็นกระบอกเสียงให้ยุติการประท้วงในฮ่องกง กลับกลายมาเป็นผู้ต่อต้านเธอในยามนี้แทน
https://twitter.com/mizakalili/status/1243161321207554049?ref_src=twsrc%5Etfw%7Ctwcamp%5Etweetembed%7Ctwterm%5E1243161321207554049&ref_url=https%3A%2F%2Fwww.catdumb.tv%2Fluiyifei-iam-asian-427%2F
She is Chinese when she has advantage on this. She isn't Chinese if there's something about Chinese making her unfavorable.🤫
— D_o_r_i_s 루나 (@Midnightginger) March 25, 2020
She expects she can explore Western market after Mulan so immediately claims herself Asian rather Chinese. All in all, it happens coz of money.
— kkj (@Kkjp395doit) March 26, 2020
นอกจากหลิวอี้เฟยแล้ว หนังก็ยังเต็มไปด้วยนักแสดงแถวหน้าชาวจีนอย่าง เจ็ตลี ในบทแม่ทัพ เขาเคยเล่น Forbidden Kingdom (2008) ที่ดัดแปลงมาจากไซอิ๋วมาด้วยกันกับเธอ, ดอนนี่ เยน ในบทขุนศึก, กงลี่ ในบทแม่มดตัวร้ายกำกับโดยผู้กำกับหญิง Niki Caro ผู้เคยฝากผลงานเอาไว่อย่าง Whale Rider, North Country และ The Zookeeper’s Wife ซึ่งคงต้องรอกำหนดฉายในไทยใหม่อีกพักใหญ่ ๆ
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส